หากรู้สึกปวดตา แสบตา หรือรู้สึกไม่สบายตาทุกครั้งที่เจอแสงแดดจ้า นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะตาแพ้แสง ปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญโดยไม่รู้ตัว อาการตาแพ้แสงสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก ตั้งแต่การขับรถ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตในที่ที่มีแสงสว่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าตาแพ้แสงคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
ตาแพ้แสงคืออะไร
ตาแพ้แสง หรือภาวะไวต่อแสง ( Photophobia ) เป็นอาการที่ดวงตาไม่สามารถทนต่อแสงสว่างได้ตามปกติ ทำให้รู้สึกไม่สบายตา ตาแห้ง หรือระคายเคืองเมื่อต้องเผชิญกับแสงไฟหรือแสงแดด ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทั้งแสงแดด แสงหลอดไฟ โคมไฟ หรือแสงจากคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยความรุนแรงของอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ตาแพ้แสงแบบปกติ VS ตาแพ้แสงจากโรคตา ต่างกันอย่างไร
ตาแพ้แสงแบบปกติเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติของร่างกายต่อสภาพแสงที่สว่างจ้าเกินไป เช่น การเดินออกจากห้องมืดมาเจอแสงแดดจ้า ๆ ทันที ซึ่งอาการจะหายไปในเวลาไม่นาน เมื่อดวงตาปรับตัวได้
แต่ตาแพ้แสงจากโรคตาบางชนิดจะมีความรุนแรงมากกว่า แม้แสงจะไม่จ้ามากก็ทำให้เกิดอาการไม่สบาย และอาการมักไม่หายไปง่าย ๆ อาจเป็นอาการที่บ่งชี้ถึงปัญหาอื่น ๆ เช่น โรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ โรคภูมิแพ้ที่ตา โรคม่านตาอักเสบ หรือโรคต้อหิน ดังนั้นหากรู้สึกว่า มีความผิดปกติทุกครั้งเมื่อเวลาเจอแสง ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
ตาแพ้แสง มีอาการอะไรบ้าง
-
รู้สึกไม่สบายตา หรือเจ็บตาเมื่อเจอแสงสว่าง
-
ต้องหรี่ตา หรือหลับตาบ่อย ๆ เมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงจ้า
-
มีอาการปวดศีรษะ หรือมึนศีรษะเมื่อต้องอยู่ในที่ที่มีแสงมาก
-
น้ำตาไหลเมื่อเจอแสงสว่าง
-
กะพริบตาถี่กว่าปกติเพื่อลดการระคายเคือง
-
มีสารคัดหลั่งสีเขียว หรือเหลืองอ่อนไหลออกจากดวงตา
สาเหตุของอาการตาแพ้แสง
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการตาแพ้แสง มีดังนี้
-
ตาแห้ง
-
ม่านตา กระจกตา เยื่อตา หรือตาขาวอักเสบ
-
โรคตาบางชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคเยื่อบุตาขาวอักเสบ หรือโรคภูมิแพ้ที่ตา เป็นต้น
-
ผลข้างเคียงจากการทำเลสิก
-
ได้รับบาดเจ็บทางตาจนกระจกตาเสียหาย หรือกระจกตาถลอก
-
ใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
-
ปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งมักมีอาการตาแพ้แสงร่วมด้วย
-
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะบางตัว เช่น ยาแก้อักเสบ ยาคุมกำเนิด หรือยาทาสิว
-
ดวงตามีสีอ่อน เช่น ตาสีฟ้าหรือตาสีเขียว ซึ่งมีเม็ดสีน้อยกว่าตาสีเข้ม ทำให้ไวต่อแสงมากกว่า
รักษาตาแพ้แสงอย่างไรได้บ้าง
หากตาแพ้แสงไม่รุนแรงมาก สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการได้ ดังนี้
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าและรอบดวงตา เพื่อลดการระคายเคือง
-
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองและส้ม เป็นต้น
-
พักสายตาเป็นประจำ ทุก ๆ 15-20 นาที
-
หากค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาว ควรสวมแว่นสายตาที่มีค่าสายตาที่ถูกต้อง
-
สวมแว่นตากันแดด
หากมีอาการตาแพ้แสงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ดังนี้
-
ใช้น้ำตาเทียม เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะตาแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของตาแพ้แสง สามารถหยอดได้บ่อยตามที่รู้สึกไม่สบายตา
-
ใช้ยาปฏิชีวนะ กรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะ
อาการตาแพ้แสงแบบไหน ควรพบแพทย์
หากอาการตาแพ้แสงเริ่มส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน เช่น มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ไม่สามารถขับรถในเวลากลางคืนได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดตา แสบตา ตาแดง หรือมีน้ำตาไหลบ่อยครั้ง ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากจักษุแพทย์โดยเร็ว เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
วิธีดูแลดวงตา ป้องกันอาการตาแพ้แสง
การดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการได้
-
กรณีที่มีค่าสายตา ควรเลือกใช้เลนส์ที่สามารถเปลี่ยนสีเข้มอัตโนมัติเมื่อออกแดด
-
สวมแว่นกันแดดคุณภาพดี ป้องกันรังสี UV ได้ 100% และควรสวมทุกครั้งเมื่ออยู่กลางแจ้ง แม้ในวันที่มีเมฆมาก
-
พักสายตาจากหน้าจอระหว่างวัน
-
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงจ้ามากเกินไป หากจำเป็น ให้ใช้แว่นกันแดดหรือสวมหมวก
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอและใช้น้ำตาเทียมหากมีอาการตาแห้ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา
-
หลีกเลี่ยงการขยี้ตา แกะ และเกาบริเวณดวงตา
-
ควรตรวจตาประจำปี จะช่วยให้ตรวจพบปัญหาได้ตั้งแต่เริ่มต้น
-
หากมีค่าสายตาผิดปกติ ควรสวมแว่นตาที่มีค่าสายตาเหมาะสมเพื่อถนอมสายตา
ตาแพ้แสงมีโอกาสหายไหม
มาถึงคำถามที่หลายคนสงสัยคือ ตาแพ้แสงมีโอกาสหายไหม คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ หากตาแพ้แสงเกิดจากปัญหาชั่วคราว เช่น การอักเสบของเยื่อบุตาหรือการติดเชื้อในตา เมื่อรักษาสาเหตุนั้นหายแล้ว อาการตาแพ้แสงก็มีโอกาสหายไปได้
แต่หากเกิดจากโรคตาบางชนิดที่เป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาการตาแพ้แสงอาจไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่สามารถควบคุมให้ดีขึ้นได้ด้วยการรักษาและการดูแลอย่างเหมาะสม
สรุปบทความ
อาการตาแพ้แสงเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ภาวะตาแห้ง การอักเสบของดวงตา ไปจนถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา การดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการตาแพ้แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างถูกวิธี
หากมีปัญหาด้านสายตา มองเห็นไม่ชัดเจน นอกจากอาการตาแพ้แสงแล้ว อาจเป็นสัญญาณของภาวะสายตาผิดปกติ ศูนย์แว่นตาไอซอพติก ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล พร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านสายตาคุณภาพสูง เรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยวินิจฉัยปัญหาและแนะนำทางเลือกที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นแว่นสายตาเฉพาะบุคคลที่ออกแบบให้เหมาะกับสภาพสายตาและไลฟ์สไตล์ของคุณ หรือการแนะนำวิธีดูแลดวงตาอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณกลับมามองเห็นคมชัดและสบายตามากขึ้น
คำยืนยันจากผู้ใช้ แว่นตาโปรเกรสซีฟ อัจฉริยะไอซอพติก มากกว่า ท่าน คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ปรมาจารย์โบบิ สายด่วน : 081-538-4200
LINE ID : @isoptik
เว็บไซต์ : https://www.isoptik.com
whatsapp : +66 81-538-4200
อีเมล : isoptik@gmail.com