คุณ วัชรินทร์ ดวงดารา
อายุ ปี
กรรมการตรวจสอบ Crown Tech Advance Public Company Limited ( AJ )
ผมเริ่มรู้สึกว่าผมสายตาสั้นเมื่อตอนผมเรียนปี 4 ตอน ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกมองกระดานที่อาจารย์เค้าบรรยายไม่เห็น ก็เลยไปตัดแว่นที่ร้านใกล้ ๆ มหาลัย ตอนนั้นสายตาสั้นประมาณร้อยนิด ๆ แล้วก็เริ่มใส่แว่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแว่นเปลี่ยนเลนส์มาเรื่อยประมาณ 3 4 ปีครั้ง ค่าสายตาก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ พอเริ่มรู้สึกว่ามองไม่เห็น เราก็จะไปเปลี่ยนแว่นเปลี่ยนเลนส์ จนกระทั่งอายุได้ประมาณ 46 ปี เริ่มรู้สึกว่าเลนส์สายตาสั้นธรรมดาทำให้เรามองเห็นอะไรใกล้ ๆ ไม่ได้ มองไม่ถนัด เช่น การดูนาฬิกาก็จะต้องเอามาดูใกล้ ๆ หรือบางครั้งก็ต้องยกแว่นถึงจะมองเห็น ตอนนั้นโทรศัพท์เริ่มเป็นมือถือแล้ว มองหมายเลขโทรเข้าไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ใคร หรือกดเองก็ตามก็ต้องขยับแว่น ก็ต้องใช้สองมือไม่ได้ใช้มือเดียว รวมทั้งการอ่านหนังสือด้วย ถ้าเราจะอ่านหนังสือไม่สามาถรอ่านหนังสือแบบปกติได้ จะต้องเอามาใกล้ ๆ หรือไม่ก็ต้องถอดแว่นอ่าน ซึ่งทำให้เสียบุคลิกมาก ผมก็เริ่มสอบถามคนอื่น ๆ เค้าก็บอกว่าในตัวผมคงมีทั้งสายตาสั้นและสายตายาวอยู่ด้วย ต้องไปใส่แว่นแบบที่เลนส์นูน ซึ่งตอนนั้นจะสังเกตุได้ชัดเลยว่ามันเป็นมีเลนส์นูน ๆ อยู่ ไม่ได้เรียบ ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าวัยเริ่มแก่ ผมก็ไม่อยากไปตัดแว่นแบบนั้นมาใส่
จนกระทั่งผมมาพบโฆษณาของ คุณ โบบิ อยู่ในปกหลังมติชนรายสัปดาห์ ผมก็เริ่มอ่านว่าเป็นการตัดแว่นแบบรุ่นใหม่ที่ไร้รอยต่าง ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจ จนมาเริ่มอ่านในรายละเอียด เริ่มศึกษา ก็เริ่มรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นโอกาสอันดีของเรา ที่จะได้มาตัดแว่นกับคนที่เค้ามีเทคนิคใหม่ ๆ แบบนี้ ผมก็เลยได้มาที่ร้านไอซอพติก วันที่มาก็จำได้ว่าเป็นวันแข่งกีฬาสีของลูกซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านไอซอพติก เสร็จงานแล้วก็มาที่ไอซอพติก คุณ โบบิ และทีมงานดูแลผมเป็นอย่างดี วัดสายตาให้ผม แล้วก็ได้ทดลองเลนส์สายตารุ่นต่าง ๆ ของ คุณ โบบิ ผมก็รู้สึกว่า ผมเริ่มมองเห็นได้ดีขึ้น จนกระทั่งได้เลนส์ใหม่ ตอนนั้นรู้สึกว่าต้องส่งไปผลิตถึงเยอรมัน รออยู่หลายเดือนเหมือนกัน เมื่อได้มาแล้วนะครับ ทำให้การมองเห็นของผมเปลี่ยนไปเลย ไม่ต้องมาขยับแว่นอีก ไม่ต้องถอดแว่น แล้วมองเห็นอ่านหนังสือได้ อย่างนาฬิกาไม่ต้องเอามามองใกล้ ๆ อีก ซึ่งก่อนนั้นเอง แม้กระทั่งการที่เราไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต เราก็ต้องยิบของที่จะซื้อมามองใกล้ ๆ หรือยกแว่นดู ซึ่งทำให้ชีวิตปกติลำบากมาก พอได้ใส่แว่นใหม่ที่ คุณ โบบิ ตัดแล้ว ผมคิดว่ามันตอบสนองทุกอย่าง ทำให้เราเป็นคนปกติได้อย่างธรรมชาติ
ผมเป็นคนสายตาสั้นเยอะประมาณสัก 500 กว่า ผมขาดแว่นไม่ได้เลยนะครับ ถ้าผมถอดแว่นนอนตื่นเช้ามา ผมถอดแว่นไว้ที่ไหนผมต้องคลำหา เพราะฉะนั้นเมื่อเราตื่นนอน หรือเวลาเราใช้ชีวิตปกติ เราต้องใส่แว่นตลอดเวลา เดิมทีผมไม่มีคนขับรถ ผมต้องขับรถเอง แว่นใหม่ที่ตัดมาช่วยได้มากครับ ปกติเราอาจจะมองเห็นไกล ๆ ได้ปกติ แต่เราจะมองไม่เห็นหน้าปัดที่อยู่ในรถว่าเลขไมล์ไปถึงได้แล้ว มันเตือนอะไรเรา แต่พอได้ใส่แว่นของ ปรมาจารย์โบบิ แล้ว เราแค่เหลือบตามองเราก็จะเห็นว่าหน้าปัดรถบอกอะไร ไมล์ไปถึงไหน เตือนอะไร ซี่งผมคิดว่าแว่นที่ คุณ โบบิ ทำให้ทำให้ผมเป็นคนปกติที่ไม่ได้สายตาสั้น หรือสายตายาว
คุณ วัชรินทร์ เริ่มมีปัญหาทางสายตาตั้งแต่เมื่อไร ?
คุณ วัชรินทร์ : ผมมีปัญหาสายตาสั้นตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือแล้วครับ ตอนใกล้จบมหาวิทยาลัย ก็เริ่มหาร้านแว่นตาเพื่อที่จะตัดแว่นตา และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ใส่แว่นตามาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
แว่นตาโปรเกรสซีฟเทคโนโลยีอื่นที่เคยใช้เป็นอย่างไร ?
คุณ วัชรินทร์ : ผมใส่แว่นสายตาสั้นธรรมดามาจนถึงอายุ 45 ปี ตอนนั้นผมคิดว่าสายตาเริ่มมีปัญหา เวลาจะมองอะไรใกล้ ๆ เช่น การอ่านหนังสือตัวเล็ก ๆ หรือการอ่านป้ายของสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ต จะต้องหยิบขึ้นมาอ่านใกล้ ๆ ถึงจะมองเห็น จึงเริ่มรู้สึกว่า ทำไมแว่นสายตาสั้นธรรมดาจึงไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย

หลังจากที่ใช้งานแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีล่าสุด ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกแล้วเป็นอย่างไร ?
คุณ วัชรินทร์ : หลังจากที่ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีล่าสุด ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น หลาย ๆ คนให้ความสนใจว่า ผมไปตัดแว่นตาที่ไหน ซึ่งทรงแว่นตาผมที่ใช้อยู่ ปรมาจารย์โบบิ เป็นผู้ออกแบบมาให้เอง เพื่อให้เข้ากับใบหน้าผม และผมก็ไม่เคยเปลี่ยนทรงของแว่นตาเลยตั้งแต่ตัดมา ผมคิดว่าแว่นตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก นอกจากจะทำให้เรามองเห็นได้เหมือนสายตาปกติแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคคิลภาพให้อีกด้วย ซึ่งบุคลิกภาพนั้นเป็นส่วนสำคัญ ไม่ว่าเราจะมีอาชีพอะไร ถ้าเรามีบุคคลิกที่ดี ก็เป็นที่นับถือของคนที่ได้พบเห็น
คุณ วัชรินทร์ ใช้เวลากี่นาทีในการปรับตัวกับแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีล่าสุด ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ?
คุณ วัชรินทร์ : บางครั้งที่เราตัดแว่นสายตาธรรมดา เราจะต้องมีการปรับตัวสัก 3 วัน หรือ 7 วัน ซึ่งตอนแรกที่บอกผมว่าเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ผมเลยคิดว่า น่าจะใช้เวลานานพอสมควรในการปรับตัว กับเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ แต่ก็เปล่าเลย แทบจะไม่ต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวเลย ซึ่งทุกครั้งที่ตัดมาก็เป็นแบบนี้ตลอด

การให้บริการหลังการขายของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเป็นอย่างไร ?
คุณ วัชรินทร์ : ต้องบอกว่าดีมาก มีการโทรติดตามตลอด จนบางครั้งต้องบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ยังไม่ต้องโทรมาก็ได้ พอมาถึงก็คอยดูแลดีตลอด ทำให้เวลามาทุกครั้งก็ประทับใจทุกครั้ง นอกจากนี้ไม่ว่าแว่นจะมีความเสียหายอะไร พอเรามาที่ร้าน ทางร้านก็จะดูแลแว่นตาให้อย่างดี และล้างแว่นตาให้ทุกครั้ง
คุณ วัชรินทร์ ให้ความสำคัญกับดวงตาอย่างไร ?
คุณ วัชรินทร์ : ผมคิดว่าดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเรามองไม่เห็น เราจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ลำบากมาก เพราะฉะนั้นดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ และตัวผมเองนั้น ไม่กล้าเสี่ยงกับอะไรอย่างอื่น ทั้ง การเลสิค ผ่าตัด หรือคอนแทคเลนส์ เพราะว่ามันอาจจะเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ ผมจึงเลือกใช้แว่นตาเพียงอย่าเงดียว เพราะผมคิดว่าแว่นตาเป็นสิ่งที่ไม่ต้องไปสัมผัสดวงตาโดยตรง ผมคิดว่าถ้าเรายังมองเห็นได้ด้วยแว่นตา ผมขอเลือกแว่นตาครับ