Skip to main content

ความดันโลหิต และดวงตา

โดย แพทย์หญิง อรทัย สุวรรณพิมลกุล จักษุแพทย์

ความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่พบบ่อยทั่วโลกเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ความผิดปรกติในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมไปถึงดวงตาเช่นกัน
ผลกระทบต่อดวงตาจากโรคความดันโลหิตสูงเกี่ยวเนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา ซึ่งความผิดปรกติต่อดวงตาสามารถพบได้ทั้งในกรณีที่มีความดันสูงอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง

พยาธิสภาพของดวงตาจากความดันโลหิตสูง

แบ่งได้เป็น 2 กรณีใหญ่ คือ ความดันสูงแบบเฉียบพลัน และสูงแบบเรื้อรัง ซึ่งจะมีผลต่อเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา ( retina) ชั้นใต้จอประสาทตา ( choroid ) รวมถึงขั้วประสาทตา ( optic nerve )

ความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน ( malignant hypertension )

ชั้นจอประสาทตา ( hypertensive retinopathy ) : ส่วนปลายของเส้นเลือดแดงขนาดเล็กมีการขยายตัว และผนังมีการรั่วซึมของสารน้ำในเส้นเลือด หรือพบปลายเส้นเลือดตีบ ทำให้เห็นเป็นจุดของชั้นจอประสาทตาขาดเลือด ( cotton wool spot ) นอกจากนี้อาจพบกระเปาะเล็ก ๆ จากเส้นเลือดโป่งพอง ( microaneurysm ) จุดเลือดออกเล็ก ๆ ในจอประสาทตาหรือจุดรับ

ชั้นใต้จอประสาทตา ( hypertensive choroidopathy ) : การขาดเลือดของชั้นนี้มีผลให้เซลล์ที่กั้นระหว่างชั้น retina และ choroid ตาย และอาจมีผลให้เกิดสารน้ำซึ่งรั่วจากเส้นเลือดในชั้น choroid ไปเซาะใต้จอประสาทตา เกิดจอประสาทตาลอก ( serous retinal detachment )

ขั้วประสาทตา ( hypertensive optic neuropathy ) : เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขั้วประสาทตามีปัญหา ทำให้การไหลเวียนของกระแสประสาทมีปัญหา พบขั้วประสาทตาบวมได้

ความดันโลหิตสูงแบบเรื้อรัง ( chronic hypertension )

ชั้นจอประสาทตา ( retina ) เส้นเลือดมีไขมันสะสม ( arteriosclerosis ) ตรวจพบเส้นเลือดขนาดแคบกว่าปรกติ แสงสะท้อนในการตรวจเส้นเลือดเปลี่ยนไปเห็นเส้นเลือดสีเหมือนสีทองแดงหรือสีเงิน อื่น ๆ เช่น พบจุดเลือดออกหรือชั้นใยประสาทตาบางลง ( nerve fiber layer losses )

ชั้นใต้จอประสาทตา ( choroid ) พบลักษณะสีพื้นผิวไม่สม่ำเสมอ มีการฝ่อของเซลล์บางชั้น

ขั้วประสาทตา สีซีดลงจากปรกติ

โดยทั่วไป ความรุนแรง และระยะเวลาของภาวะความดันโลหิตสูงจะบ่งชี้ถึงโอกาสเกิดความผิดปรกติของเส้นเลือดในจอประสาทตา และพบว่าหากมีภาวะของเบาหวานหรือไขมันในเลือดสูงร่วมด้วยยิ่งเพิ่มโอกาสของการเกิดความผิดปรกติของเส้นเลือดได้

การรักษา

โดยทั่วไปทางจักษุไม่มีการรักษาโดยตรง สิ่งสำคัญ คือ การควบคุมความดันโลหิตซึ่งต้องปรึกษาแพทย์อายุรกรรม เกี่ยวกับวิธีการควบคุมด้วยยา และการปรับเปลี่ยน life style

หากมีการตรวจพบว่าขั้วประสาทตามีความผิดปรกติ การลดความดันโลหิตอย่างรวดเร็วอาจส่งผลเสียทำให้เซลล์ในขั้วประสาทตาตายมากขึ้น ซึ่งกรณีเช่นนี้จักษุแพทย์และอายุรแพทย์จะต้องร่วมกันในการรักษาเพื่อให้ความดันโลหิตลดลงอย่างช้า ๆ โดยไม่มีผลกระทบในทางที่แย่ลงต่อขั้วประสาทตา

สำหรับการปรับเปลี่ยน life style ได้แก่

  1. การลดการบริโภคอาหารไขมันอิ่มตัว
  2. ลดการบริโภคแอลกอฮอล์ และอาหารรสเค็มจัด
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับวิธีออกกำลังที่ถูกต้อง

การควบคุมความดันโลหิต นอกจากลดผลกระทบต่อดวงตา ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาที่สมอง หัวใจ รวมถึงไตด้วย