วุ้นในตาเสื่อมเกิดจากอะไร มีอาการอย่างไร ภัยเงียบที่ควรเฝ้าระวัง
อาการผิดปกติของการมองเห็น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้สายตา และหากท่านเป็นหนึ่งในคนที่กำลังพบอาการเหล่านี้ เช่น มองเห็นเงา จุด หรือเส้นสีดำลอยไปลอยมาอยู่ในตา และจะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อมองไปที่พื้นผิวสีขาว หรือท้องฟ้า อาการเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ของอาการ วุ้นในตาเสื่อม ซึ่งเป็นอันตรายหากไม่ได้มีการดูแลรักษา หรือป้องกันที่ดี ดังนั้นหากใครกำลังสนใจจะตัดแว่นตาใหม่ ร้านแว่นโปรเกรสซีฟ ที่ดีจะต้องทำการตรวจสอบค่าสายตา รวมถึงสุขภาพโดยรวมของสายตาว่ามีความผิดปกติหรือไม่
เพราะฉะนั้นวันนี้ ISOPTIK จึงอยากจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับโรควุ้นในตาเสื่อม ว่ามีปัจจัยเสี่ยงใดบ้างที่ก่อให้เกิดโรคนี้ เราเตรียมคำตอบไว้ให้ทุกท่านเรียบร้อยแล้วในบทความนี้ !
วุ้นในตาคืออะไร
วุ้นในตา ( Vitreous Humor ) คือส่วนประกอบภายในลูกตาที่มีลักษณะเป็นวุ้นใสคล้ายเจลลี่ โดยจะอยู่เต็มช่องว่างด้านหลังของลูกตาซึ่งอยู่ระหว่างเลนส์ตาและจอประสาทตา วุ้นในตามีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งในการคงรูปร่างของดวงตาให้เป็นทรงกลม และป้องกันการกระทบกระเทือนของลูกตา ส่วนประกอบหลักเกือบ 95-98% คือน้ำ ส่วนที่เหลือเป็นคอลลาเจน กรดไฮยาลูโรนิก และโปรตีนต่าง ๆ
วุ้นในตาเสื่อมคืออะไร
วุ้นในตาเสื่อม ( Vitreous Degeneration ) เป็นโรคความผิดปกติเกี่ยวกับวุ้นตา ( Vitreous ) โดยตำแหน่งของวุ้นดังกล่าวจะอยู่บริเวณภายในช่องตาส่วนหลัง มีหน้าที่ในการคงรูปร่างของลูกตา ซึ่งลักษณะปกติของวุ้นนี้ จะมีความหนืด ใส ยืด และอยู่ติดกับจอประสาทตา แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ประมาณช่วง 40 – 50 ปีขึ้นไป วุ้นในตาจะเริ่มสูญเสียลักษณะดังกล่าวไป
โดยส่วนประกอบที่สำคัญของวุ้นในตานั้น จะประกอบไปด้วย โปรตีน คอลลาเจน กรดไฮยาลูรอนิค และสารประกอบเกลือแร่ต่าง ๆ ส่วนประกอบเหล่านี้ จะมีปริมาณที่ลดลง จากวัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้เส้นใยหรือไฟเบอร์ภายในวุ้นตา จับตัวกันเป็นก้อน เป็นตะกอนสีขุ่น และลอกออกจากผิวจอตา
ซึ่งเส้นใยเหล่านี้เองที่เป็นต้นตอของสาเหตุว่า ทำไมคนไข้ที่มีภาวะวุ้นในตาเสื่อม จึงเห็นภาพที่มี เงา จุด หรือเส้นสีดำลอยไป ลอยมาอยู่เสมอ หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Posterior Vitreous Detachment ( PVD )
อาการของวุ้นในตาเสื่อม
- เห็นจุดดำลอยไปมา เหมือนแมลงบิน หรือใยแมงมุมลอยอยู่ในสายตา
- มองเห็นเส้นสายคล้ายเส้นด้าย หรือใยแมงมุมปรากฏในลานสายตา
- เห็นวงแหวน หรือรูปร่างต่าง ๆ ลอยในลานสายตา
หากวุ้นในตาเกิดการหลุดลอกออก อาจมีการฉีกขาดของหลอดเลือดบริเวณจอตา และจะส่งผลให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- มีอาการเลือดออกในวุ้นตา ทำให้เกิดเป็นเงาดำบดบังทัศนวิสัยบางส่วน
- มีการดึงรั้งรุนแรงจนทำให้จอตาเกิดการฉีกขาด ( สามารถพบได้ 10 – 20 % ในผู้ป่วยวุ้นตาเสื่อม )
- มีอาการแสงวาบขึ้นในตา โดยจะเห็นชัดเจนขึ้นในบริเวณแสงน้อย หรือที่มืดสนิท
- หากปล่อยให้เกิดการหลุดลอกโดยไม่รักษา หรือป้องกัน อาจนำไปสู่การตาบอดถาวรได้ในอนาคต
สาเหตุวุ้นในตาเสื่อม เกิดจากอะไร
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า อาการของโรคทางตานั้น มีสาเหตุมาได้จากหลากหลายปัจจัย ซึ่งจากการเก็บสถิติ และการวิจัย พบว่าอาการวุ้นในตาเสื่อมนั้น สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัจจัย หรือพฤติกรรมเสี่ยง ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีภาวะสายตาเสื่อมตามวัย ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้เป็นปกติ
- มีภาวะการอักเสบในวุ้นตา และจอตา ซึ่งเกิดได้จากภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง เกิดการติดเชื้อ หรือภาวะทางร่างกายอื่น ๆ เช่น มะเร็ง
- มีภาวะเลือดออกในน้ำวุ้นตา ไม่ว่าจะเป็นจากความผิดปกติของหลอดเลือด หรือประสบอุบัติเหตุกระทบบริเวณดวงตา
- ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดต้อกระจก โรคเบาหวาน หรือการอักเสบภายในดวงตา
- ผู้ที่มีสายตาสั้นผิดปกติ ( มากกว่า 600 ขึ้นไป ) หรือมีอาการสายตาเปลี่ยนเร็วในระยะเวลาไม่นาน
อาการวุ้นในตาเสื่อม หายเองได้ไหม
วุ้นตาเสื่อมเป็นอาการตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จักษุแพทย์จะไม่ทำการรักษาและสามารถหายเองได้ แต่หากเริ่มมีผลกระทบรุนแรงต่อสายตา เช่น จอประสาทตาบาง ฉีกขาด หรือจอประสาทตาหลุดลอก ควรมาพบจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและทำการรักษาทันที
การตรวจวินิจฉัยวุ้นในตาเสื่อม
สำหรับท่านใดที่กำลังพบอาการมองเห็นจุด เส้น หรือเงาสีดำ คล้ายหยากไย่ลอยไปมา โดยเฉพาะเวลากลอกตา ควรเข้าพบจักษุแพทย์ เพื่อหยอดยาขยายรูม่านตา และตรวจสอบวุ้นในตาอย่างละเอียด หลังจากใช้ยาขยายรูม่านตา จะมีอาการตาพร่าประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง จนกว่ายาจะหมดฤทธิ์
วิธีรักษาวุ้นในตาเสื่อม มีอะไรบ้าง
โดยวุ้นในตาเสื่อมนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่ควรเข้าติดตามอาการเรื่อย ๆ และใช้ยาหยอดตา จนอาการทุเลาลง นอกจากนี้จักษุแพทย์ยังมีข้อแนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการดึงรั้งจอตา คือ
- งดกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการกระทบบริเวณดวงตา หรือการสะบัดศีรษะอย่างรุนแรง
- หากมีการฉีกขาดที่จอประสาทตา อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยเลเซอร์ การจี้ด้วยความเย็น หรือการผ่าตัด
- ผู้ที่มีอาการสายตาสั้นนั้นจะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่มีสายตาปกติ จึงควรสวมแว่นตาเพื่อป้องกันไม่ให้สายตาสั้นเพิ่มมากขึ้น
ท่านที่ต้องการทราบว่า แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ไอซอพติก 3 มิติ เฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด เพิ่มขีดความสามารถการทำงานของสมองได้อย่างก้าวกระโดดอย่างไร สามารถทำการนัด เข้ามาทดลองเลนส์ ด้วยตัวเอง ได้ที่
ศูนย์เเว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ( ISOPTIK )
ปรึกษาฟรี กับปรมาจารย์โบบิ ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด 3 มิติ Bespoke ระดับโลก โทร : 081-538-4200
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ปรมาจารย์โบบิ สายด่วน : 081-538-4200
LINE ID : @isoptik
เว็บไซต์ : https://www.isoptik.com
whatsapp : +66 81 538 4200
อีเมล : isoptik@gmail.com