
นายแพทย์ วิชัย สติมัย
อายุ ปี
นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ผมไม่เคยใส่แว่นตาเพราะไม่เคยสายตาสั้นในชีวิต มาเป็นทีเดียวก็สายตายาว ตอนอายุประมาณ 42 - 43 ปี ตอนแรกก็พยายามที่จะไม่ใส่ เพราะรู้สึกว่าใส่แล้วไม่เท่ ไม่หล่อ จึงพยายามที่จะฝืนอ่านหนังสือโดยการยืดระยะให้ไกลขึ้น เพื่อจะได้อ่านชัด แต่ต้องเพ่งเพื่อให้ตัวหนังสือชัดขึ้น โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่เป็นตัวหนังสือเล็กๆ ซึ่งถ้าเราไม่สามารถอ่านหนังสือได้ในระยะที่เราขยับออกไป เราก็จะรู้แล้วว่าต้องใช้แว่น แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ต้องไปตัดแว่น ช่วงนั้นเลยพยายามหาแว่นสายตายาวมาใส่ จึงได้ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟตั้งแต่นั้นมา ซึ่งพอใส่แล้วจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่เป็นธรรมชาติ มีความรู้สึกแปลกๆ จึงใส่บ้างถอดบ้าง โดยจะใส่เฉพาะเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาอ่านหนังสือตัวเล็กๆ ดังนั้นถ้าปกติก็จะไม่ใส่แว่นตา จะเก็บใส่กระเป๋า ทำให้บ่อยครั้งมักจะลืมแว่นตาไว้ตามสถานที่ต่างๆ เลยต้องพกแว่นตาหลายๆ อัน บางอันเอาไว้ที่บ้าน บางอันเอาไว้ที่ทำงาน บางอันเอาไว้ในรถยนต์ แล้วก็ทำให้เวลาที่เราไม่ใส่แว่นตาบ่อยๆ พอเราหยิบมาใส่แล้ว ก็อาจจะไม่คุ้นชิน

พอมีโอกาสได้มาใช้บริการที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เขาก็ให้เราวัดสายตาทุกอย่างอย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม ซึ่งหลังจากได้แว่นมาผมใช้เวลาปรับตัวเพียง 3 - 4 วัน ให้คุ้นชิน ทั้งการเดิน การขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การเอี้ยวตัวไปข้าง ๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะไวในการปรับตัวเข้ากับแว่นตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ซึ่งแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีล่าสุด ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก แตกต่างจากแว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีอื่นที่ผมเคยใช้ เพราะแว่นตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกมีคุณภาพดี ทั้งน้ำหนักที่เบา ความใสของเลนส์ ใส่แว่นตาแล้วรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก นอกจากนี้ยังสามารถใส่แว่นตาได้ตลอดเวลา และใส่เดินทางไปไหนมาไหนได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปต่างประเทศ การที่พกแว่นตาไปโดยที่แว่นตานั้น เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ช่วยทำให้เรามีการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้ไวขึ้น ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น เดี๋ยวนี้ก็เลยใส่แว่นตลอดเวลา หลังจากนั้นก็มีหลายคนทักว่า ใส่แว่นแล้วดูดี จึงทำให้เรายิ่งภูมิใจว่าเรามาถูกทางแล้ว แล้วเรารู้สึกว่าความมั่นใจทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานแล้วก็ดำเนินชีวิตได้ดีครับ

อีกทั้งการให้บริการของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกถือว่าดีเยี่ยม เพราะว่าผมเองมีโอกาสใช้แว่นตา แล้วเกิดปัญหากับแว่นตาเป็นบางครั้ง เช่น การเกิดรอยขีดข่วนขึ้นตรงเลนส์ หรือว่าสายตามีการเปลี่ยนค่า ทางร้านก็จะเปลี่ยนเลนส์ให้โดยที่ไม่คิดมูลค่า ซึ่งอันนี้ก็เป็นความประทับใจอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ครอบครัวผมก็เป็นลูกค้าของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเช่นกัน นอกจากนี้ทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจะคอยโทรมาถามการใช้งานแว่นตาเป็นระยะ ๆ ว่าการใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง ถือว่าการบริการหลังการขายทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกทำหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี ผมก็เลยแนะนำคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น ภรรยา ลูก ให้มาใช้บริการ ซึ่งทุกคนล้วนประทับใจกับการบริการทั้งสิ้น
ผมว่าดวงตาเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม การที่เรามองเห็นไม่ชัด อาจทำให้เรามีการตอบสนองที่ช้าลง โดยเฉพาะในเวลาที่คับขัน ดวงตาถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะอาจทำให้เราพลาดโอกาสสำคัญ ๆ ของชีวิตเราไปได้ และแว่นก็เป็นส่วนที่สำคัญในการที่จะทำให้มนุษย์ปถุชนรวมทั้งคนที่ทำงานมีชีวิตเป็นปกติได้ เพราะถ้าสมมุติว่าไม่มีแว่น เราจะลำบากมากในการที่จะอ่านหนังสือ ในการทำอะไรก็แล้วแต่
ดังนั้นเรื่องของสายตา โดยเฉพาะสายตายาวในคนที่มีอายุมากขึ้น 40 ปีขึ้นไปเป็นเรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นใครที่มีความรู้สึกว่าอ่านหนังสือลำบากเนื่องจากสายตายาว ก็ไปตรวจวัดสายตาแล้วใส่แว่นครับ จะเป็นแว่นอะไรก็แล้วแต่ที่ท่านคิดว่าเหมาะสมกับท่าน ถ้าท่านมีฐานะดีก็ควรจะใส่แว่นที่คุณภาพดี ท่านก็จะมีความสุขกับชีวิตครับ
