ปัญหาในการใช้แว่นโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีอื่น

ทำไมแว่นตาโปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า ถึงใส่ไม่สบาย มีปัญหาเยอะมาก คนจำนวนมากซื้อมาแล้วไม่สามารถใส่ได้ หรือใส่แล้วรู้สึกไม่สบาย ต้องใส่ๆ ถอดๆ ต้องฝืนปรับตัวเข้าหาแว่นตาตลอดเวลา การโฟกัสภาพยังมีความลำบากในการหาระยะชัด เวลาเดินก็จะถูกรบกวนด้วยภาพที่บิดเบี้ยวด้านข้าง ไม่เป็นธรรมชาติ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเฉพาะประเทศไทย แต่ว่าเกิดขึ้นทั่วโลก ทำไมแว่นตาโปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า ที่มีราคาคู่ละหลายหมื่นบาท ไปจนถึง 1 แสนบาท แต่ก็ยังคงใส่ไม่สบาย มันเกิดอะไรขึ้น

isoptik

ราคาของเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ทั่วไป

สำหรับเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า จะมีอยู่หลายระดับ แม้จะเป็นเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใช้เทคโนโลยีสูงกว่าแบบทั่วไป ราคาแพง ก็ยังมีปัญหา แต่หากเลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพงเหล่านี้ ถูกตรวจวัด ประกอบ ออกแบบอย่างไม่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ประสิทธิภาพของเลนส์ก็จะลดลง ซึ่งมันเป็นดาบสองคม ตัวเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ถ้าเทคโนโลยียิ่งสูง ความแม่นยำให้การตรวจวัด ประกอบ ต้องยิ่งสูงตามไปด้วย ถ้าเกิดใช้เลนส์เทคโนโลยีสูงที่จะต้องมีการตรวจวัดละเอียดกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไป แล้วการตรวจวัดเกิดข้อผิดพลาด เกิดความคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ จะทำให้ประสิทธิภาพของเลนส์ลดลงถึง 95 % นี่เป็นเหตุว่าทำไมถึงมีปัญหาทั่วโลกว่าซื้อเลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพง เปลี่ยนไปใช้เลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพง แต่ผลที่ได้กลับแย่ลง เนื่องจากว่า เกิดข้อผิดพลาดในการตรวจวัดออกแบบ แล้วในบ่อยครั้งโครงสร้างเลนส์ไม่ได้ออกแบบเฉพาะอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ สำหรับผู้ใช้แต่ละคน ทำให้เกิดปัญหาไม่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้สายตา ไม่เหมาะสมกับค่าสายตา ไม่เหมาะสมกับภาวะตาเขซ่อนเร้นที่คนส่วนใหญ่มีอยู่ ซึ่งจะทำให้เวลานำไปใช้งานแล้วมีประสิทธิภาพต่ำ

ปัญหาของเลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพง เทคโนโลยีเก่า ยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก ถ้ากระบวนการตรวจวัดไม่แม่นยำ ก็จะทำให้ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ว่าเลนส์คู่ไหนจะดีที่สุด

isoptik

เคล็ดลับ หัวใจ ของการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟ เทคโนโลยีใหม่ คืออะไร ?

ปัจจุบันหาผู้รู้จริงของการตรวจวัดสายตา ประกอบแว่น โปรเกรสซีฟ เทคโนโยลีใหม่ จากประสบการณ์การทำงานของปรมาจารย์โบบิหลายสิบปี หายากมากเรียกได้ว่า แทบจะหาตัวไม่พบ คนที่รู้เรื่อง รู้ลึก รู้จริง อย่างของปรมาจารย์โบบิเอง ใช้ระยะเวลาหลายสิบปี ในการที่จะค้นหาคนที่รู้จริง และบอกได้เลยว่า ไม่สามารถหาได้ สุดท้ายปรมาจารย์โบบิต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการคิดค้นพัฒนาขึ้นมาเอง ในการตรวจวัด ประกอบแว่นโปรเกรสซีฟ ว่าประกอบอย่างไรให้ออกมาใส่สบายสำหรับทุกคน ในทุกระดับราคา นี่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จของศูนย์แว่นตาไอซอพติกที่สามารถที่จะทำให้เลนส์คู่ละ 15,000 บาท ไปจนถึงคู่ละ 1 ล้านบาท ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำให้ลูกค้าอัพเกรดจากเลนส์คู่ละ 15,000 บาท ไปใช้เลนส์คู่ละ 50,000 บาท ก็จะรู้สึกได้ทันทีถึงความสบายที่เพิ่มขึ้น นี่คือสิ่งที่ไอซอพติกสามารถที่จะทำได้เพียงแห่งเดียวในโลก ขณะที่คนอื่นยังคงมีปัญหาอยู่

แว่นตาโปรเกรสซีฟ เฉพาะบุคคล ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีใหม่ คุณภาพสูง

ปัจจุบันศูนย์แว่นตาไอซอพติกเป็นศูนย์แว่นตาเพียงแห่งเดียวในโลกที่เป็นศูนย์ที่ทำแว่นตาโปรเกรสซีฟ เฉพาะบุคคล คุณภาพสูง ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีใหม่ แล้วประสบความสำเร็จในระดับร้อยเปอร์เซ็น สามารถทำให้ลูกค้าทุกคนใช้เลนส์ทุกคู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป ที่สำคัญที่สุดคือ ที่ไอซอพติกเราทำแว่นเพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการทำงานของสมองอย่างก้าวกระโดด เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น สนุกสนานกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ที่ไอซอพติกเราไม่ได้ขายแค่แว่นตา แต่เราขายคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด ด้วยแว่นตาที่ดีที่สุด แว่นตาที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของไอซอพติก ที่ไอซอพติกเราสามารถทำนัดเข้ามาเพื่อทดลองเลนส์ได้เลยว่าแต่ละคู่เป็นยังไง ซึ่งจะได้แยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

isoptik

สรุปปัญหาการตัดแว่นโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า อันละหลายหมื่นบาท แล้วไม่สามารถใช้งานได้จริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ง่ายๆ ได้ดังนี้

  • คุณภาพในการผลิตเลนส์ ไม่เที่ยงตรง
  • เทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบเลนส์ล้าสมัย ยังใช้โครงสร้างเลนส์แบบกึ่งสำเร็จรูปแบบตายตัว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อลดต้นทุนในการผลิตให้ต่ำที่สุด แต่ตั้งราคาขายปลีกสูงถึงคู่ละหลายหมื่นบาท เพื่อทำกำไรสูงสุดให้ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายมีหลายโครงสร้าง ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งบางแบบก็จะเหมาะสำหรับบางคน บางค่าสายตา แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับคนที่มีค่าสายตา 2 ข้างที่แตกต่างกันและการเปลี่ยนแปลงกำลังเลนส์จากค่าบนสุดจนถึงล่างสุดยังไม่นุ่มนวล และยังไม่ละเอียดพอ ทำให้
    1. ผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าเหล่านี้ ต้องฝืนใช้สมองเพ่งอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา เพื่อพยายามบังคับให้สมองส่วนที่ควบคุมการมองเห็น ปรับตัวเข้าหาโครงสร้างเลนส์ที่ไม่เหมาะสม เมื่อใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ที่ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะบุคคล
    2. ทำให้มีเพียงบางคน สามารถใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง
    3. ผู้ใช้ส่วนใหญ่ สามารถใช้งานได้ แต่ไม่ดี ปรับตัวได้ยาก ต้องใช้เวลาฝืนปรับตัวนานมาก หลังจากพยายามฝืนเพ่งอย่างหนักหลายเดือน จนสามารถปรับตัวเข้าหาโครงสร้างเลนส์ที่ไม่เหมาะสมได้แล้ว ก็ยังใส่ไม่สบาย เนื่องจากถูกรบกวนจากภาพวูบวาบทุกครั้งที่หันศีรษะ , เหลือบตามองภาพด้านข้าง , เมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย , ขณะขับรถหรือเดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเดินบนพื้นต่างระดับ เช่น ลงบันได ทำให้รู้สึกไม่อยากใส่แว่น เพราะถอดออกแล้วรู้สึกสบายกว่า
    4. มีคนจำนวนมาก ที่ปรับตัวไม่ได้เลย เนื่องจากใส่แล้วกะระยะไม่ได้ ถูกรบกวนด้วยภาพบิดเบี้ยวด้านข้าง และต้องโฟกัสหาระยะชัดทุกครั้ง ที่เปลี่ยนระยะการมอง รู้สึกใส่ไม่สบายอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลาใส่แว่นแล้ว สมองต้องพยายามฝืนเพ่งอย่างหนัก เพื่อปรับตัวเข้าหาแว่น ต้องถอดเข้า ถอดออก รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ และโฟกัสภาพได้ช้า
    5. ทุกวันนี้ ยังคงมีผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าจำนวนมาก ต้องเสียเงินเปล่าครั้งละมากกว่า 50,000 บาท แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้จริง เนื่องจากไม่มีการรับประกันความพึงพอใจในการใช้งาน ซึ่งไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ใช้แว่นตาเป็นอย่างยิ่ง
isoptik

แว่นตาโปรเกรสซีฟไอซอพติกเทคโนโลยีใหม่ สามารถปฏิวัติข้อจำกัดเดิมๆ ของแว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ด้วยการวิเคราะห์ระบบการมองเห็นด้วย ระบบดิจิตอล 3 มิติ แล้วออกแบบเลนส์แว่นตาแต่ละข้าง อย่างเฉพาะเจาะจงอย่างละเอียด ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ตามค่าสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และตามการทำงานร่วมกันของตาทั้ง 2 ข้าง ในทุกระยะ ทุกองศาการมอง ตามพฤติกรรมการใช้สายตาอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ใช้แต่ละท่าน ตามขนาดรูม่านตา และตำแหน่งจุดศูนย์กลางของรูม่านตาที่แท้จริง บนกรอบแว่นแต่ละอัน ด้วยความละเอียดกว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า จึงทำให้กะระยะได้อย่างแม่นยำ เห็นภาพคมชัด สมจริง ทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ใส่สบายตลอดทั้งวัน เหมือนแว่นตาเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างแท้จริง เพิ่มพลังสมองได้อย่างก้าวกระโดด สนุกสนานกับการทำงานได้มากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง เหมือนได้กลับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ไม่ว่าผู้ใช้ จะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม

ราคาของเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ไอซอพติก 3 มิติ

ศูนย์แว่นตาไอซอพติก มีเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะบุคคล ให้เลือกในหลายระดับราคา ตามความละเอียดของโครงสร้างเลนส์ เลนส์แว่นตาทุกรุ่น มีพื้นฐานเดียวกัน ตั้งแต่เลนส์ราคาแพ็กเกจละ 2 ล้านบาท ไปจนถึง เลนส์ราคาคู่ละ 15,000 บาท ดังนั้นทุกๆ ครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนจากเลนส์รุ่นที่ความละเอียดต่ำกว่าไปสู่เลนส์รุ่นที่ความละเอียดสูงกว่า สิ่งที่จะได้คือความสบายที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ก็จะมีปัญหาทุกครั้งเวลาเปลี่ยนเลนส์ เนื่องจากเวลาเปลี่ยนโครงสร้างเลนส์ ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนจากเลนส์โปรเกรสซีฟราคาถูกเทคโนโลยีเก่า ราคาคู่ละ 5,000 บาท ไปเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า ราคาคู่ละ 50,000 บาท ในหลายกรณี ก็จะรู้สึกสบายน้อยลง เนื่องจากโครงสร้างเลนส์ที่แตกต่างกัน ตำแหน่งแว่นที่แตกต่างกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้บ่อยมาก

แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกทุกคู่ รับประกันความพึงพอใจในการใช้งาน 100 % ภายในระยะเวลา 180 วัน พร้อมบริการหลังการขายด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด สำหรับท่านที่ต้องการพิสูจน์ทราบว่า แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก เพิ่มขีดความสามารถการทำงานของสมองได้อย่างก้าวกระโดดอย่างไร สามารถทำการนัดเข้ามาพิสูจน์ด้วยสมองของตัวเองได้ที่

ไอซอพติก ศูนย์สร้างแว่นตาเฉพาะบุคคล เพื่อคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะ ในระดับสูงสุด

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นตาไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?