" Life is too short to limit your vision
คุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า :
คนที่มีคุณภาพการมองเห็นผิดปกติ แล้วไม่ได้รับการแก้ไข สมองส่วนควบคุมการมองเห็น และสมองส่วนกลาง จะพยายามฝืนเพ่ง เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ทำให้ประสิทธิ์ภาพการทำงานของสมองด้านอื่น ลดลง และหากยังใช้สมองฝืนเพ่งติดต่อกัน เป็นระยะเวลายาวนาน ต่อเนื่องกันตลอดทั้งวัน อาจมีผลทำให้สมองส่วนที่ทำงานควบคุมอวัยวะอื่น ๆ ทำงานผิดปกติ มีอาการคล้าย ๆ ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ปวดเบ้าตา ปวดหว่างคิ้ว ปวดหน้าผาก ปวดกลางศีรษะด้านบน ปวดท้ายทอย และปวดศีรษะอย่างรุนแรง คล้ายเป็นไมเกรน
หากได้รับการวินิจฉัยโรค ที่ไม่ตรงกับสาเหตุที่แท้จริง จะทำให้ผู้ป่วย ได้รับผลข้างเคียงของการใช้ยาโดยไม่จำเป็น และต้องเพิ่มปริมาณของยา มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัยที่เพิ่มขึ้น จนทำให้อาจเกิดอีกหลายโรคตามมาได้
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการมองเห็นของเรา จะยิ่งลดลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราต้องใช้สมองฝืนเพ่งในการมองเห็นหนักขึ้น เราจึงรู้สึกล้า เหนื่อย เหมือนกับเราช้าลง เข้าใจไปเองว่าแก่แล้ว
แว่นสายตาชั้นเดียว เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มมีใช้กันเมื่อ 700 กว่าปีก่อน ในการแก้ไขอาการสายตายาวระยะใกล้ แม้จะช่วยให้มองภาพระยะใกล้ได้ชัดขึ้น แต่มีผลทำให้ความสามารถในการเพ่ง ลดลงเร็วกว่าวัยอันควร เนื่องจากในชีวิตประจำวัน เมื่อสวมแว่นอ่านหนังสือแล้วเผลอมองไกลกว่าจุดโฟกัสของกำลังเลนส์ ทำให้ระบบการมองเห็น พยายามปรับให้เข้ากับระยะโฟกัสที่ไกลกว่าจุดโฟกัสของเลนส์ เป็นผลให้ต้องเพิ่มกำลังเลนส์แว่นตามองใกล้ให้มากขึ้นเร็วกว่าปกติทุกปี
ปัญหาพวกนี้แก้ได้ ด้วยการใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ แต่แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีอื่น ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ยังให้ความคมชัดต่ำ ต้องใช้สมองฝืนเพ่งอยู่ตลอดเวลา ทำให้สมองล้าเร็ว รู้สึกไม่สบายตา ภาพบิดเบี้ยวด้านข้างสูงมาก จนปรับตัวได้ยาก การเปลี่ยนแปลงกำลังเลนส์ ในแต่ละระยะ ไม่นุ่มนวล โฟกัสภาพได้ช้า ใส่ไม่สบาย เนื่องจากถูกรบกวนจากภาพบิดเบี้ยวด้านข้าง ทุกครั้งที่เหลือบตามองภาพด้านข้าง หรือหันศีรษะ ทำให้รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ต้องปรับชีวิตของตัวเอง เข้าหาความจำกัดของแว่นตา ต้องคอยฝืนเกร็งต้นคอ พร้อมขยับดวงตา และใบหน้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาระยะชัด ทำให้มีข้อจำกัดในการใช้สายตามาก
ขณะที่ แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก มีความละเอียดกว่า ออกแบบเฉพาะบุคคลอย่างเฉพาะเจาะจง ตามตำแหน่งจุดศูนย์กลางของดวงตาแต่ละข้าง บนกรอบแว่นโค้ง ที่สั่งผลิตเฉพาะบุคคลแต่ละอัน สำหรับผู้ใช้แว่นสายตาแต่ละท่าน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้ความละเอียดของภาพสูง ความเร็วในการโฟกัสภาพ ความคมชัด สมจริง ทุกระยะในเสี้ยววินาที ในระดับสูงสุด ใส่สบาย อย่างเป็นธรรมชาติเสมือนแว่นตา เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกาย เหมือนไม่ได้ใส่แว่น เพิ่มประสิทธิ์ภาพการทำงานของสมอง ได้อย่างก้าวกระโดด เหมือนได้กลับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง จนมีลูกค้าเดินทางมาใช้บริการเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เหมือนภาพนิมิตที่แจ่มชัดของปรมาจารย์โบบิ เมื่อ 44 ปีก่อน
ในแต่ละวัน ทีมงานจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน Doctor of Optometry ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ร่วมมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในประเทศไทย ตลอดจนในต่างประเทศ ช่วยคนจำนวนมาก ไม่ให้เสี่ยงกับการสูญเสียคุณภาพการมองเห็น อันเนื่องมาจากโรคตา และโรคต่าง ๆ ด้วยการตรวจสุขภาพสายตาลูกค้าทุกท่าน และวิเคราะห์ระบบการมองเห็นแต่ละคนอย่างใกล้ชิด ด้วยความใส่ใจในระดับสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าแต่ละท่าน มีคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้
นอกจากนี้ ปรมาจารย์โบบิ ยังมีความฝัน อยากจะดูแลสายตาของผู้คน ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงบั้นปลายของชีวิต จัดตั้งศูนย์สุขภาพสายตาไอซอพติก แบบครบวงจร เพื่อพัฒนาคุณภาพการมองเห็นของเด็กทารกแรกเกิด เด็กเล็ก เด็กวัยเรียน คนวัยทำงาน และผู้สูงอายุ ให้มีคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้โดยทีมงานจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน Doctor of Optometry ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ร่วมมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั่วโลก ภายใต้แนวคิด ไม่จ่ายยา ไม่ผ่าตัด ไม่วินิจฉัยโรค แต่เป็นศูนย์ตรวจสุขภาพสายตาเบื้องต้น และส่งต่อคนไข้ที่ทันสมัยที่สุดในโลก