ผศ. ดร. วีรณัฐ โรจนประภา
อายุ ปี
นักวิชาการด้านสังคมผู้สูงอายุ
แรกเริ่มนั้นผมมีอาการสายตาสั้นมาก่อน ก็ได้ไปตรวจวัดสายตาตามปกติ เพื่อตัดแว่นตา แต่พออายุมากขึ้น เมื่อช่วงประมาณ 6 - 7 ปีก่อน เริ่มมีอาการอ่านหนังสือแล้วไม่สามารถโฟกัสภาพได้ จึงรู้ว่ามีอาการสายตายาวเข้ามาเพิ่มด้วย
หลังจากที่ทราบว่าตัวเองมีอาการสายตายาวเข้ามาเพิ่มด้วย จึงได้ไปตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟ กับร้านแว่นตาที่ตัดอยู่ประจำ หรือไม่ก็เป็นร้านที่เราสะดวกที่จะมาใช้บริการ ซึ่งแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ได้รับมานั้น จะมีลักษณะการใช้งานแบบเดียวกันเลย คือ รู้สึกว่าตัวเรานั้นไม่สามารถใช้งานแว่นตาโปรเกรสซีฟได้อย่างสมบูรณ์ โดยส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเรื่องของศักยภาพทางสายตาเราคงได้เท่านี้ กับเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตแว่นตาโปรเกรสซีฟที่มีอยู่ตอนนั้น จึงใช้งานแว่นตาโปรเกรสซีฟเท่าที่จะใช้ได้ แต่พอระยะเวลาผ่านไป แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใช้อยู่จะเริ่มมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่เคยอ่านหนังสือได้ 1 ชม. ต่อเนื่องกัน ระยะเวลาในการอ่านลดลงเหลือได้แค่ 45 นาที และลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือ 30 นาที แล้วเมื่อปีก่อนรู้สึกปัญหาจะเริ่มเยอะมากขึ้น คือรู้สึกได้เลยว่า ระยะเวลาอ่านหนังสือเหลือต่ำกว่า 30 นาที แล้ว เนื่องจากพออ่านหนังสือไปประมาณ 20 นาที จะเริ่มมีความเครียด และอาการปวดสายตาขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถอ่านหนังสือต่อไปได้
ซึ่งตอนที่ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอันเก่าอยู่ การใช้งานในระยะหลัง ๆ จะรู้สึกได้เลยว่าต้องใช้เวลาปรับสายตาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จากที่เมื่อก่อนเวลามองไกลแล้ว สลับมามองใกล้ ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากนัก แต่ช่วงปีหลัง ๆ ต้องใช้เวลาในการปรับตัว 3 - 4 วินาที ในการโฟกัส หรือบางครั้งก็จะไม่สามารถโฟกัสได้เลย
จากนั้นผมก็ได้ยินชื่อของ ปรมาจารย์โบบิ และได้เห็นจากรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาใช้บริการ จนถึงปีที่แล้ว รู้สึกว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใช้อยู่ มีปัญหาเวลามองสลับระยะใกล้ กับระยะไกล และเวลาที่ใช้ในการโฟกัสภาพที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เวลาทำงานของเราสั้นลงเยอะมาก จนไม่สามารถทำงานได้เลย เลยทำให้นึกถึง ปรมาจารย์โบบิ จึงลองลองค้นหาข้อมูลดู ว่าศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกตั้งอยู่ที่ไหน แล้วก็ได้มาปรึกษาปัญหากับ ปรมาจารย์โบบิ
พอหลังจากเปลี่ยนมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกแล้ว เรื่องการดำเนินชีวิตประจำวันนี้คือ ยอดเยี่ยมเลย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน หรือการขับรถ รู้สึกเลยว่าภาพมันชัดขึ้น ทัศนวิสัยต่าง ๆ ก็แม่นยำขึ้น สำคัญคือ การใช้สายตาในการอ่านงานต่าง ๆ ตอนแรกนึกว่าสามารถทำให้เรากลับมาอ่านหนังสือได้เหมือนสมัยตอนสมัยสายตายาวช่วงแรก ๆ ซึ่งแค่นั้นก็เป็นที่พอใจสำหรับผมแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่ได้ดีไซน์เลนส์ออกมาให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา ปรากฎว่าสามารถอ่านหนังสือได้ เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ กี่ชม.ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งาน
ส่วนเรื่องการปรับตัว ตอนแรกๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวนิดหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเรื่องของตัวกรอบแว่นเอง เพราะกรอบแว่นแรกที่ใช้กับเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ของทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เป็นกรอบแว่นที่นำมาเอง มาทราบภายหลังว่า ตัวกรอบอาจจะไม่เหมาะกับดีไซน์ของตัวเลนส์ ที่ผลิตออกมาตามค่าสายตาผมเท่าไร จึงใช้เวลาในการปรับตัวนิดหนึ่ง แต่พอกรอบถัดมาจะให้ทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเลือกกรอบแว่นตาที่คิดว่าเหมาะกับสายตาของผมให้ ทำให้แว่นตาโปรเกรสซีฟอันที่ 2 แทบจะไม่ต้องปรับตัวเลย คือใส่ปุ๊บ ก็สามารถปรับตัวได้เลย
อีกทั้งเรื่องความสามารถในการโฟกัสภาพ ปัญหาตรงนี้เป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการของผมได้ดีมาก ๆ ซึ่งแว่นตาโปรเกรสซีฟอันก่อนหน้านี้ เราก็ไม่ทราบว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟนั้นมีปัญหา เราคิดว่าปัญหาอาจมาจากอายุที่มากขึ้นของเราเอง หรือเทคโนโลยีที่ในการผลิตเลนส์โปรเกรสซีฟประมาณนั้น แต่พอหลังจากมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่มีการออกแบบเลนส์ให้เหมาะกับค่าสายตาที่เป็นผลมาจากการตรวจวัดอย่างละเอียดของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ทำให้รู้เลยว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟอันก่อนหน้านั้นคือตัวปัญหา เพราะแว่นตาโปรเกรสซีฟของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกนั้นสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านงานวิชาการต่างๆ และการมองด้านข้าง อาจจะเป็นเพราะการเลือกกรอบแว่นตาที่ทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกแนะนำอย่างถูกต้อง มันเลยตัดปัญหาตรงนั้นไปด้วย เพราะกรอบมันตรงกับการใช้งานของผมเองอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องของการตรวจวัดสายตา ตอนแรกค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับตัวผมมาก ว่าทำไมต้องมีการนัดตรวจล่วงหน้านานอะไรขนาดนั้น แถมระยะเวลาในการตรวจวัดสายตาสองข้างก็ต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน ทำให้รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง แต่พอได้คิวนัดตรวจวัดสายตาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกมา ได้มาลองตรวจกับทีมงาน และ ปรมาจารย์โบบิ เอง ทำให้ได้รู้เลยว่าเป็นการตรวจที่มีความละเอียดเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยนึกเลยว่าตาแค่ 2 ข้าง มันจะมีจุดที่ต้องใช้ศาสตร์ ทางด้านสายตาเข้ามาประเมินเยอะมากๆ แม้จะเหนื่อยกับการตรวจวัดสายตา แต่รู้สึกก็พอใจเป็นอย่างมาก ผลจากการที่เรายอมเสียเวลาครึ่งวัน แต่ได้รับการตรวจวัดสายตาของเราได้อย่างครบถ้วน ตามการใช้งานจริงของสายตาเรา และทำให้คิดว่าน่าจะตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่เราเจอได้อย่างจริง ๆ
หลังจากที่ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกแล้ว มีโอกาสได้กลับไปใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอันเก่า เพราะจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่แว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกหัก จึงได้นำแว่นตาโปรเกรสซีฟมาซ่อม ซึ่งทำให้ต้องใช้แว่นตาสำรองไปก่อน แว่นตาสำรองแต่เดิมคือ แว่นตาโปรเกรสซีฟที่เคยตัดมาก่อนหน้าที่จะมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก พอกลับไปใส่ปรากฎว่าไม่สามารถใส่ได้เลย เนื่องจากพอใส่แว่นตาแล้ว จะมีอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำให้ไม่กล้าออกจากบ้าน จึงแก้โดยใช้แว่นตาสำหรับอ่านหนังสือ ในช่วงระหว่างรอแว่นที่ซ่อมอยู่ชั่วคราวไปก่อน โดยแว่นตาสำหรับอ่านหนังสือ ที่ทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ให้เป็นของแถมจากแพ็คเกจที่ซื้อ
และอยากจะบอกว่าการให้บริการของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เป็นการบริการที่อยากเรียกว่า เป็นการดูแลมากกว่า ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นการบริการหลังการขายแว่นตา แต่เป็นการดูแลลูกค้าที่ต้องการแก้ไขปัญหาสายตาจริง ๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการบริการหรือการขายแว่น ครับ
