ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลนส์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่าส่วนมาก ไม่ได้มีการออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจงเข้าหาผู้ใช้แต่ละคนอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้ผู้ใช้จำเป็นจะต้องฝืนเพ่งเพื่อปรับตัวเข้าหาแว่นตลอดเวลา โดยสมองส่วนควบคุมการมองเห็นต้องรับภาระหนัก ในการปรับสัญญาณภาพให้คมชัดที่สุด บิดเบี้ยวน้อยที่สุด และมองเห็นสบายที่สุด
หากแว่นตาโปรเกรสซีฟไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้สายตาของบุคคลนั้น สมองส่วนควบคุมการมองเห็นก็จะยิ่งต้องทำงานหนัก ทำให้เกิดอาการเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าได้ง่าย ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองก็จะช้าลง ความคิดความอ่านก็จะช้าลง มีอาการสมองตื้อ โดยในช่วงเช้าสมองจะสามารถประมวลผลความคิดได้เร็วมาก แต่ในช่วงบ่ายและช่วงเย็น ก็จะประมวลผลได้ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด การใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า จึงทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเมื่อยล้าตาได้ง่าย ไม่สามารถหาระยะโฟกัสที่จะทำให้ภาพคมชัดโดยไม่ต้องคอยฝืนเพ่ง เกิดอาการภาพไหววูบวาบเวลาเหลือบตามองภาพด้านข้าง หรือเวลาที่หันศีรษะ และทำให้ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ แว่นตาอยู่เป็นประจำ เพราะรู้สึกว่าแว่นตาใส่ไม่สบาย แม้ว่าจะฝืนปรับตัวเข้าหาแว่นตาโปรเกรสซีฟเป็นระยะเวลาหลายเดือนก็ตาม
ปรมาจารย์โบบิ ได้ศึกษา คิดค้น และพัฒนาแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล ไอซอพติกขึ้นมา โดยใช้เวลากว่า 30 ปี เพื่อสร้างแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใส่บายที่สุด เหมือนไม่ได้ใส่แว่นตา เหมือนแว่นตาเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ของผู้ที่จำเป็นจะต้องใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟในการดำรงชีวิต โดยการออกแบบโครงสร้างเลนส์ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ ที่ทำให้สามารถตรวจวัดสายตาได้อย่างแม่นยำ เที่ยงตรง และถูกต้องในระดับความละเอียดสูงสุด ร่วมกับการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สายตาในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ เพื่อสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟที่เฉพาะเจาะจงกับพฤติกรรมสายตาของผู้ใช้งานมากที่สุด
ดังนั้น ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจึงมั่นใจว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล ไอซอพติก สามารถช่วยทำให้ผู้ใช้ฉลาดขึ้น อ่านหนังสือแล้วประมวลผลข้อมูลได้ไวขึ้น ตัดสินใจได้เฉียบแหลมมากขึ้น เป็นแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ไม่ทำให้สมองเหนื่อยล้าจากการพยายามปรับตัวเข้าหาแว่นตา เพราะศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกสร้างแว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด ที่เหมาะกับผู้ใช้เพียงคนเดียวในโลก
แว่นตาโปรเกรสซีฟไอซอพติก ที่สุดแห่งการมองเห็น