1. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 - 8 ชม.
ในปัจจุบัน เราใช้สายตาอย่างหนักในการจ้องหน้าจอดิจิทัลตลอดทั้งวัน ดังนั้น การพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 - 8 ชม. ก่อนมาตรวจวัดสายตา ทำให้กล้ามเนื้อตาได้ฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่
2. งดการดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้เลือดในร่างกายสูบฉีดเร็วและแรงขึ้นกว่าปกติ ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดมีแรงดันเพิ่มมากขึ้น รวมถึงระบบไหลเวียนของเลือดที่ไหลเข้าสู่ดวงตา ทำให้ค่าสายตาที่ตรวจวัดได้ค่าที่ไม่เที่ยงตรง ไม่แม่นยำ
3. หยุดการใช้งานคอนแทคเลนส์อย่างน้อย 1 - 3 วัน
คอนแทคเลนส์บางชนิด โดยเฉพาะคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง มีการกดกระจกตาของผู้ใช้คอนแทคเลนส์ ทำให้ความโค้งของกระจกตาเปลี่ยนเล็กน้อย ส่งผลให้ค่าสายตาที่ตรวจวัด มีค่ามากหรือน้อยกว่าที่ควร การหยุดใช้งานคอนแทคเลนส์อย่างน้อย 1 - 3 วัน จะช่วยให้กระจกตามีเวลาในการคืนรูปสู่สภาพเดิมที่สมบูรณ์ได้
4. นำแว่นตาอันเก่ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจะนำแว่นตาอันเก่ามาพิจารณากำลังเลนส์ และโครงสร้างของเลนส์เดิมที่มีปัญหา เพื่อวิเคราะห์และนำข้อมูลไปปรับใช้ในการกำหนดกำลังเลนส์ และออกแบบโครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟอันใหม่ ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับสายตาของลูกค้ามากขึ้น
5. นำเอกสารประวัติการรักษาเกี่ยวกับดวงตา หรือประวัติปัญหาสุขภาพมาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
การปรับกำลังเลนส์และการออกแบบโครงสร้างเลนส์ อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับดวงตาของลูกค้า และประวัติสุขภาพของดวงตา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการออกแบบโครงสร้างเลนส์เฉพาะบุคคล
6. หากมีอาการตาแห้ง ควรหยอดน้ำตาเทียมก่อนการมาตรวจวัดสายตาเสมอ
อาการตาแห้งมักจะทำให้มีแผลถลอกที่กระจกตา ทำให้เวลามองเหมือนมองผ่านกระจกฝ้า ไม่สามารถมองเห็นภาพที่คมชัดได้ ไม่ว่าจะวัดสายตาอย่างไร ภาพที่มองเห็นก็จะไม่ชัด ดังนั้น ทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกขอแนะนำให้หยอดน้ำตาเทียม เพื่อให้อาการตาแห้งดีขึ้นก่อนการมาตรวจวัดสายตา
สามารถติดต่อจองคิวเพื่อเข้ารับการตรวจวัดสายตาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มีความแม่นยำ เที่ยงตรง และละเอียดสูง ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก