ต้อหิน
เป็นโรคที่มีการเสื่อมสภาพของเส้นประสาทตา โดยมีอาการ คือ เริ่มสูญเสียการมองเห็นจากรอบขอบตา ลุกลามบีบวงแคบเข้ามาข้างใน จนสูญเสียการมองเห็นโดยสิ้นเชิง มีปัจจัยเสี่ยงหลักเกิดจากความดันตาสูง เพราะ น้ำเลี้ยง (Aqueous humor) ที่ผลิตขึ้นในลูกตาเกิดความไม่สมดุลย์ เมื่อความดันตาสูงขึ้น จะก่อให้เกิดการกดทับของเส้นประสาทตา จนเกิดอาการเสื่อมได้ นอกจากนี้ อาการต้อหินยังเกิดได้จากการใช้ยา ซึ่งจะเรียกว่า ต้อหินมุมเปิดที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ และ ต้อหินมุมปิดที่เกิดในกลุ่มผู้มีอาการมุมตาแคบเป็นทุนเดิม และใช้ยาจำพวก ยาต้านซึมเศร้า, ยาโรคทางจิตเภท และ ยารักษาโรคพาร์กินสัน เป็นต้น ในส่วนของการรักษา ขึ้นอยู่กับประเภทของต้อ หากเป็นต้อหินแต่กำเนิด สามารถรักษาได้ด้วยการผ่านตัดเพื่อเปิดทางระบายน้ำในตาที่ผิดปกติให้สามารถระบายน้ำออกจากตาได้มากขึ้น โดยก่อนเข้ารับการผ่าตัด จะมีการลดความดันตา เป็นการควบคุมความดันตาชั่วคราว เพื่อเตรียมตัวสู่การผ่าตัด ส่วนต้อหินเฉียบพลัน รักษาได้ด้วยวิธี ให้ยาหยอดตา หรือ ยาทาน เพื่อลดความดันตา จากนั้น แพทย์จะยิงเลเซอร์เพื่อเจาะรูม่านตาในตาทั้งสองข้าง เพราะ ต่อให้เป็นแค่ข้างเดียว โรคต้อหินสามารถลุกลามไปอีกข้างได้ จึงต้องเลเซอร์ดวงตาทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการลุกลาม หากใครมาพบแพทย์ช้า เลเซอร์อาจใช้ไม่ได้ผล ต้องเข้ารับการผ่าตัด และมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคต้อหินได้ที่นี่
ต้อหินเฉียบพลัน (Acute angle closure glaucoma) : https://www.isoptik.com/th/article/eyecare/701
ต้อหินแต่กำเนิด : https://www.isoptik.com/th/article/eyecare/473
ต้อกระจก
เป็นอาการที่มีสาเหตุที่หลากหลาย เช่น สามารถเป็นได้แต่กำเนิด, อายุที่มากขึ้น, เกิดจากโรคติดเชื้อในครรภ์, อุบัติเหตุ, โรคบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง, การรับรังสี หรือการขาดสารอาหาร เป็นต้น เป็นอาการที่สามารถรักษาให้หายได้หากผู้ป่วยรู้ตัวเร็ว โดยสังเกตุอาการได้จากวิสัยทัศน์การมองเห็นจะค่อย ๆ มัวลง, รูม่านตาเป็นสีขาวขุ่น, เกิดอาการมองไม่ชัดในที่แสงจ้า วิธีรักษา ขึ้นอยู่กับระยะของต้อกระจก หากเป็นแค่ระยะเริ่มต้น สามารถใส่แว่นตาเพื่อช่วยในการมองเห็นก่อนได้ ต้อกระจกระยะกลาง จะผ่าตัดเลย หรือใส่แว่นตาไปก่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า อาการของผู้ป่วยนั้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมากหรือไม่ หากรบกวนมาก ใช้ชีวิตยาก ควรเข้ารับการผ่าตัด ในส่วนของระยะสุดท้าย คือ ต้อกระจกที่เป็นมาก สามารถผ่าตัดได้เมื่อผู้ป่วยพร้อม เพราะถ้าปล่อยให้เป็นมากเกินไป อาจเกิดภาวะต้อหิน และม่านตาอักเสบแทรกซ้อน ส่งผลให้ตาบอดถาวรได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้อกระจก (Cataract) ได้ที่นี่ : https://www.isoptik.com/th/article/eyecare/730
ต้อเนื้อ
เกิดจากการใช้สายตาหนักเกินไป ดวงตาได้รับการสัมผัสกับมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่น แสงแดด และรังสี UV เป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล และ สามารถลุกลามเข้าไปในดวงตาตาดำได้ ส่งผลให้เกิดอาการสายตาเอียงหรือสามารถสูญเสียการมองเห็นได้ การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากไม่รุนแรงมาก สามารถรักษาได้ด้วยการหยอดน้ำตาเทียม และลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา แต่หากมีอาการขั้นรุนแรงจะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการมองเห็น และต้องเข้ารับการผ่าตัดลอกต้อ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้อเนื้อ ได้ที่นี่ : https://www.isoptik.com/th/article/eyecare/445
ต้อลม
เกิดจากการเสื่อมของเยื่อบุตาขาว มีลักษณะเป็นเป็นก้อนเนื้อเล็ก ๆ นูนขึ้นบริเวณตาขาว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้สองจุด คือ ตรงส่วนหัวตา และหางตา ต้อลมไม่ใช่อาการเดียวกับเนื้องอกในตา ไม่เป็นอันตรายจนถึงขั้นสูญเสียการมองเห็น แต่มีสาเหตุคล้ายคลึงกับโรคต้อเนื้อคือการใช้สายตาหนักเกินไป จนเกิดอาการระคายเคือง พบได้ในผู้ป่วยที่มีปัจจัยต้องพบเจอกับมลภาวะ ฝุ่นควัน แสงแดดจัด หรือรังสี UV เป็นเวลานาน และยังพบได้ในผู้ป่วยที่มีอาการตาแห้งง่ายด้วยเช่นกัน วิธีการรักษาและการป้องกัน คือ การหยอดน้ำตาเทียม และ หลีกเลี่ยงการพบเจอกับมลภาวะต่าง ๆ ให้มากที่สุด
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้อลม : https://www.isoptik.com/th/article/eyecare/445