นพ. วิรุณพร พรหมพงศา
อายุ ปี
ผู้เชี่ยวชาญด้านผ่าตัดสมอง และไขสันหลัง (ประสาทศัลยแพทย์) โรงพยาบาลนนทเวช
ผมเริ่มมีปัญหาทางสายตาเมื่ออายุ 40 ปี คือ มีอาการสายตายาว ทำให้เวลาอ่านหนังสือ หรือมองระยะใกล้จะเห็นภาพไม่ชัดเจน ตอนแรกผมสงสัยทำไมถึงมองไม่ชัด แต่พอรู้ว่ามีอาการสายตายาว ผมจึงได้ไปตัดแว่นตาสำหรับคนสายตายาวมาใส่
หลังจากที่เริ่มใช้แว่นตาชั้นเดียวอันแรก ผลการใช้งาน คือ ผมเป็นหมอผ่าตัดสมอง ต้องคอยตรวจคนไข้อยู่ตลอดเวลา พอตรวจคนไข้เสร็จ ต้องมาเขียนเอกสาร จึงจำเป็นต้องถอดแว่นตาเข้า ออก สลับไปมาตลอดทั้งวัน วันหนึ่งสลับเปลี่ยนเป็นร้อยรอบ จนทำให้แว่นผมหายเป็นจำนวนมาก และอีกอย่างคือเวลาที่ผมผ่าตัด ผมต้องผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ และเปิด ไมโครสโคป ซึ่งผมไม่สามารถใช้แว่นตาอันนั้นในการผ่าตัดได้ เพราะไมโครสโคปรุ่นใหม่ ๆ จะมีระบบออโต้โฟกัส พอออโต้โฟกัสชัด แต่ผมมองเห็นไม่ชัด ผมก็ต้องปรับให้มันชัด ซึ่งพอปรับชัดแล้ว ภาพที่แสดงผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ สำหรับไว้ให้ผู้ช่วยหมอดู ก็จะมัว ๆ จึงทำให้เป็นปัญหาซ้ำซาก
จากนั้นผมทนไม่ไหว ก็เลยไปตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟจากร้านแว่นตาทั่วไป ซึ่งพอผมไปตัดมาแล้วลองใส่วันแรก ปรากฏว่าผมใส่ไม่ได้เลย เพราะใส่แล้วเวลามองรู้สึกวูบวาบ ลองปรับตัวอยู่นานมาก แต่ก็ไม่สามารถใส่ได้สักที ผมจึงเลิกใส่ แล้วกลับมาทนใส่แว่นตาชั้นเดียวเหมือนเดิม
หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ผมเห็นถึงความแตกต่างเลยครับ ความแตกต่างคือ ผมเกือบไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว ซึ่งตอนลองใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกครั้งแรก ผมก็กลัว เพราะก่อนหน้านี้เคยใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อน แล้วเกิดปัญหา ไม่สามารถใช้งานได้ แต่พอได้ลองใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกแล้ว ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับการที่ใช้งานแว่นตาโปรเกรสซีฟนั้น ไม่มีเลย ใส่แล้วรู้สึกสบายตา ไม่ว่าจะมองซ้าย มองขวา ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ตอนนี้เวลาผมตรวจคนไข้ ผมไม่จำเป็นที่จะต้องถอดแว่นตาเข้าออกอีกต่อไป หรือเวลาที่ผมผ่าตัด ผมสามารถผ่าตัดได้ โดยที่ไม่ต้องถอดแว่นตา และไม่ต้องปรับโฟกัสกล้องเองอีกด้วย จึงทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
และด้วยความที่ผมอยากจะทราบว่าแว่นตามีประสิทธิ์ภาพแตกต่างกันแค่ไหน ผมจึงได้ลองกลับไปใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟอันเก่าเพื่อเปรียบเทียบดูว่า ระหว่างแว่นตาโปรเกรสซีฟอันเก่า กับแว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จะแตกต่างกันแค่ไหน ปรากฏว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟอันเก่า จะมองเห็นตัวหนังสือชัดจริง แต่ตัวอักษรจะใหญ่ขึ้นแล้วแบน ๆ แต่พอเปลี่ยนมาใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ปรากฎว่ามันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมาก เพราะว่าตัวอักษรจะมีขนาดเท่าเดิม แต่ว่าจะมีความลึก แสดงให้เห็นถึงความคมชัดของภาพ และสีสันไม่ผิดเพี้ยน เป็นธรรมชาติ
อีกอย่างที่ผมประทับใจคือ ตั้งแต่ที่ผมเคยไปตรวจวัดสายตามา ผมไม่เคยใช้เวลาตรวจวัดสายตาละเอียด และนานเท่านี้มาก่อนเลย ซึ่งใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมง โดยศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกตรวจวัดแบบเก็บทุกรายละเอียดเลยครับ
และถ้าพูดถึงเรื่องการให้บริการของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกต้องบอกว่า ในช่วงก่อนการขาย พนักงานคอยให้การบริการผมเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องบริการหลังการขาย ร้านอื่นที่ผมเคยไปตัดแว่นมาแล้ว ไม่เคยมาโทรถามเลยว่า แว่นตาที่ใช้อยู่สามารถใช้งานได้ดีมากน้อยแค่ไหน ใช้แล้วมีปัญหาอะไรไหม แต่ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จะค่อยโทรมาถามอย่างสม่ำเสมอ ว่าแว่นตามีปัญหาอะไรไหม ซึ่งผมก็ตอบไปว่ายังใช้งานได้ดีอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร สิ่งนี้จึงแสดงถึงความใส่ใจที่มีต่อลูกค้าเป็นอย่างมาก
ส่วนถ้าถามว่าคุ้มค่า หรือไม่กับการลงทุนให้ดวงตาด้วย แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ผมว่าคุ้ม หรือไม่คุ้ม มันอยู่ที่ความพึ่งพอใจ และคุณภาพ ถ้ามีคุณภาพที่ดี แล้วสร้างประโยชน์ให้ตัวของเรา ราคามันไม่เท่าไรหรอกครับ แล้วอีกอย่างผมดูราคาทางเว็บไซต์ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จริง ๆ แล้วผมถือว่ามีราคาไม่แพง เพราะอย่างที่อื่น ตัดแว่นตาราคา หลักหมื่น แต่ก็เป็นแว่นตาเพียงอันเดียว แต่ที่นี่ ตัดหลักแสน แต่ได้แว่นตาหลายอัน ซึ่งราคามันใกล้เคียงกัน ถ้าเฉลี่ยเป็นคู่ครับ