ประวัติ ปรมาจารย์โบบิ

bobi

" ผมจะพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า คนไทยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ได้ดีที่สุดในโลก "
อาจารย์โบบิ ผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ระดับโลก

“ Life is beautiful and sight is life ”
โลกของโบบิ ผู้สร้างมาตรฐานใหม่ของแว่นสายตาระดับไฮเอนด์ อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยในระดับโลก

bobi

“ ถ้าเราสามารถทำให้คนทั้งโลก มองเห็นได้ดีที่สุด และรักษาคุณภาพการมองเห็นไว้ได้นานที่สุด มันคงจะดีมากนะ ” นี่คือความฝันของเด็กน้อยโบบิ เมื่อเกือบสี่สิบปีก่อน

หลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาชั้นนำหลายพันคนทั่วโลก เรียกเขาว่า Master Bobi หรืออาจารย์โบบิ ผู้คิดค้นวิธีการตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นโปรเกรสซีฟขั้นสูงแบบทวีคูณ ที่สร้างมาตรฐานใหม่ของแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ในระดับโลก

วันนี้เขาสามารถพิสูจน์ให้ผู้ใช้แว่นสายตาระดับไฮเอนด์หลาย หมื่นคน จากยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา ออสเตรเลีย เอเชีย ได้ประจักษ์แก่ตาตนเองว่า “ คนไทย ตรวจวัดสายตาประกอบแว่น โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ได้ดีที่สุดในโลก “ ที่ไอซอพติก ศูนย์แว่นตาไฮเอนด์ระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่อง แว่นตาอันละแสน สั่งทำเป็นเดือน วัดสายตาแม่นยำ

กับคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ย่อมมีคนอยากเข้าไปศึกษารายละเอียดของความสำเร็จนั้น ๆ แต่ใครจะรู้ ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรมากกว่าที่คุณเห็น ลองปรับสายตาและตัวคุณให้เข้ามาใกล้อีกนิด คุณอาจจะได้เห็นบางแง่มุมในชีวิตของเขาอย่างเข้าใจและชัดเจนขึ้น

ความทรงจำอันแสนประทับใจในวัยเด็กของคุณโบบิ

ผมมีพี่น้อง 8 คน ชาย 6 หญิง 2 ผมเป็นคนที่หก ตั้งแต่จำความได้ ข้าวไข่เจียวนี่ถือเป็นสุดยอดอาหาร ผมโชคดีมากที่ได้ตั้งไข่ หัดเดินในร้านแว่นของคุณพ่อได้ซึมซับความรู้เทคนิคชั้นสูง ในการทำแว่นให้ดีที่สุดด้วยเครื่องมือทันสมัย เกาะโต๊ะชะเง้อดูทีมช่างคร่ำเคร่งประกอบแว่นตาอย่างประณีตบรรจง เสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศที่นั่งรอคิวเพื่อตรวจวัดสายตาจนแทบไม่มีที่ยืน แม้ราคาจะแพงกว่าร้านแว่นตาทั่วไปหลายสิบเท่า แต่ลูกค้าทุกคนต่างประทับใจในคุณภาพและบริการ หลายครั้งที่ลูกค้าถามคุณพ่อว่า " แว่นราคาแพงขนาดนี้ ถ้าใส่ไม่สบายจะทำไง " คุณพ่อยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “ ใส่ไม่สบาย...ไม่คิดเงิน ” พอรับแว่นไปใส่ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วขอบคุณที่คุณพ่อทำแว่นตาให้มองเห็นชัด และใส่สบาย เกือบทุกวันจะมีลูกค้านำผลไม้อย่างดีที่สุดจากสวนที่ปลูกเองมาฝาก ทุกคนรักและให้เกียรติคุณพ่อมาก แม้หลายท่านจะย้ายไปทำงานในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ก็ยังเดินทางไกลย้อนกลับมาใช้บริการที่ร้านของคุณพ่อเป็นประจำเกือบทุกปี

ทำไมครอบครัวคุณโบบิถึงเชื่อพระเจ้า

เรื่องมันยาวนะ คุณปู่เป็นหมอฟันอพยพมาจากเกาะไหหลำ คุณปู่ชอบธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร เลยไปทำสวนยางพาราที่เขาหน้าหมี อำเภอในสระ จังหวัดกระบี่ คุณพ่อเกิดและเติบโตในสวนยาง พอเป็นหนุ่มคุณพ่ออยากค้าขาย จึงขออนุญาตคุณปู่ไปเรียนวิชาช่างนาฬิกาและช่างแว่น แล้วเปิดร้านนาฬิกาแว่นตากับญาติคนหนึ่งที่จังหวัดตรัง กิจการไปได้ดี จนคุณพ่อเจอคุณแม่ที่หาดใหญ่แล้วตกหลุมรัก ตัดสินใจแต่งงานแล้วขอแยกหุ่นส่วนเพื่อเปิดร้านเป็นของตนเอง แต่หุ้นส่วนคุณพ่อบอกว่าเงินสดไม่มี ให้เป็นนาฬิกาแทน คุณพ่อจึงนำนาฬิกาใส่กระเป๋าเร่ขายตามตลาดสดช่วงนั้น ลำบากมาก เพื่อนคุณพ่อคนหนึ่งเป็นคริสเตียนชื่อหมอส้มบอกว่าพระเยซูช่วยได้ให้คุณพ่อ ไปอดอาหารอธิษฐานที่คริสตจักรตรัง ด้วยความรักคุณแม่ที่ท้องแก่ คุณพ่อจึงไปคุกเข่าอดอาหารอธิษฐานกับพระเยซูวิงวอนว่า ถ้าพระเยซูช่วยให้เปิดร้านได้ คุณพ่อจะเป็นคริสเตียนและจะไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเยซูช่วยได้จริง ๆ

อธิษฐานอยู่หลายวันก็ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นไปในตลาด พอเดินผ่านบ้านหลังหนึ่งทำเลค้าขายดีมาก จู่ๆก็มีเจ้าของบ้านเดินตรงเข้ามาหาพ่อผม ถามว่าจะเช่าบ้านเขามั้ย พ่อผมก็บอกตามตรงว่า ‘‘ อยากเช่าร้านไว้ทำแว่น แต่ผมไม่มีตังค์ ’’ เขาบอกว่า ‘‘ หน้าลื้อไม่ใช่คนขี้โกง อยู่ไปก่อน ค้าขายกำไรแล้วค่อยเอากำไรมาจ่ายค่าเช่า ’’ คุณพ่ออัศจรรย์ใจมาก ระหว่างที่กำลังแต่งร้านตรงนั้น คุณพ่อก็ขึ้นมาเรียนการวัดแว่นสายตาเอียงด้วยเครื่องวัดสายตารุ่นล่าสุดจาก เยอรมัน กับอาจารย์คำรณ ประจักษ์ธรรม ที่หสน.นำศิลปไทย กรุงเทพ ฯ ท่านมองว่า ธุรกิจแว่นสายตา ดีกว่านาฬิกา เพราะทุกคนเมื่ออายุเกิน 40 ปี ต้องใส่แว่น คุณพ่อตั้งชื่อร้านว่า “ สว่างการแว่น ” บริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นแก้สายตาเอียงและตาเขด้วยเครื่องวัดสายตารุ่น ล่าสุดจากเยอรมัน บริการลูกค้าด้วยความซื่อสัตย์ ใช้แต่เลนส์แว่นตาและกรอบแว่นตาคุณภาพดีที่สุด รับประกันความพอใจ ใส่ไม่สบายไม่คิดเงิน สมัยนั้นการทำแว่นแก้ไขสายตาเอียงและตาเข เป็นศาสตร์ลึกลับสำหรับร้านแว่นส่วนใหญ่ในประเทศไทย ร้านสว่างการแว่นจึงมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ว่าราคาจะแพงแต่คุณภาพดีจริง ๆ ภายในเวลาไม่กี่เดือนคุณพ่อก็มีกำไรพอจ่ายค่าเช่า

bobi

บ่ายวันนึง คุณพ่อกำลังยุ่งอยู่กับการประกอบแว่นสายตาให้ลูกค้า ก็เห็นคนใส่ชุดขาวหน้าตาดีเดินตรงเข้ามาหา คุณพ่อนึกในใจว่า “ ลูกสาวใครหนอช่างสวยจริง ๆ แต่ทำไมถึงมีหนวดเคราสีทองแลดูงดงาม ” คนนั้นเข้ามาใกล้แล้วยื่นผ้าสีชมพูหลายผืนใส่มือคุณพ่อแล้วพูดว่า “ ความรอดได้มาถึงเจ้าและครอบครัวของเจ้าแล้ว ” แล้วอันตรธานหายไป คุณพ่อจึงรู้ว่าเป็นพระเยซูมาสำแดงให้เห็นเลยไปหา อาจารย์วิลเลียม เชาวน์ชูเวช ศิษยาภิบาลที่คริสตจักร เพื่อขอเข้าพิธีรับศีลบัพติศมาถวายตัวเป็นคริสเตียน แต่อาจารย์วิลเลียม บอกว่าต้องมาเรียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ให้ครบหลักสูตรก่อน คุณพ่อจึงเล่าเรื่องที่พระเยซูมาเยี่ยมที่ร้านให้ฟัง อาจารย์วิลเลียมได้ฟังแล้ว จึงยอมทำพิธีบัพติศมาให้คุณพ่อ

คุณพ่อจะทำงานที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่จนมืดค่ำ สัปดาห์ละ 6 วัน แล้วใช้วันหยุดไปตามชนบทหรือหมู่บ้านต่าง ๆ ตามแต่จะได้ยินว่าพระเยซูใช้ให้คุณพ่อไปประกาศความเชื่อที่ไหน ส่วนใหญ่พระเยซูจะทรงนำคุณพ่อไปในพื้นที่เขตอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ ที่ทางทหารเรียกว่าพื้นที่สีแดง ในเขตจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช กระบี่ รายได้หลักอย่างหนึ่งของคอมมิวนิสต์ในภาคใต้สมัยนั้นคือจับเถ้าแก่ในเมืองไป เรียกค่าไถ่ นี่เถ้าแก่ในเมืองไปหาถึงที่ ครั้งหนึ่งคุณพ่อไปประกาศที่หมู่บ้านตำบลโคกม่วง พื้นที่ชนบทของจังหวัดตรัง คนร้ายวางแผนจับคุณพ่อไปเรียกค่าไถ่ แต่มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามหาคุณพ่อ แล้วเดินทางตามคุณพ่อเข้าไป คนร้ายจึงรอให้ฝรั่งกลับออกมาแล้วค่อยจับคุณพ่อ รอจนเย็นก็ไม่มีใครเห็นว่าฝรั่งกลับออกไปทางไหน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ คนร้ายจึงไม่กล้าลงมือ เมื่อคุณพ่อกลับออกมา พวกคนร้ายแกล้งถามว่า “ ฝรั่งที่มาตามหาคุณพ่อหายไปไหน ” คุณพ่อยิ้มแล้วตอบว่า “ เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาคุ้มครองผม ” พวกคนร้ายจึงล้มเลิกแผนเรียกค่าไถ่ ต่อมาพวกเขากลับใจมาเชื่อพระเจ้า จึงเล่าเรื่องราวที่เคยคิดร้ายกับคุณพ่อให้ฟัง

bobi

หลายปีที่คุณพ่อทำแว่นสายตาคุณภาพสูงควบคู่ไปกับการรับใช้พระเจ้าในชนบทจนเกิดคริสตจักรหลายแห่ง ความเชื่อในพระเจ้าและความมุ่งมั่นในการทำแว่นสายตาของคุณพ่อมีอิทธิพลกับผมมากที่สุด ก่อนนอนทุกคืน คุณพ่อจะจับมือสอนพวกเราทุกคนอธิษฐาน ทุกวันอาทิตย์แปดคนพี่น้อง เดินเป็นพรวนตามคุณพ่อไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรตรัง โดยมีคุณแม่ปิดท้าย คุณพ่อสอนพวกเราเสมอว่า “ ให้ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ครอบครัวเรามีวันนี้ได้เพราะพระเจ้าทรงอวยพระพร ” พ่อปลูกฝังผมเรื่องการทำแว่นว่า “ ทำแว่น ต้องวัดให้แม่น ใช้เลนส์และกรอบคุณภาพที่ดีที่สุด ประกอบให้เที่ยงตรงสวยงามปราณีตที่สุด ถึงราคาจะแพงกว่าหลายสิบเท่าแต่คุณภาพดีจริง ลูกค้าก็ซื้อ ” หลายสิบปีมานี้ ลูกค้าของคุณพ่อหลายหมื่นคนได้พิสูจน์แล้วว่า คำสอนของคุณพ่อเป็นจริง

bobi

คุณโบบิมีประสบการณ์กับพระเจ้าเหมือนคุณพ่อบ้างไหม

เยอะมาก ตอนเล็ก ๆ ผมซนสุด ๆ วันนึงพี่น้อง นั่งกินข้าวไข่เจียวกันอยู่ ผมกินในจานหมด ก็หันไปคว้าไข่เจียวในจานพี่ชาย กินไปวิ่งหนีไปหันมองพี่ชายที่วิ่งไล่ตาม พอหันมาอีกทีก็เพล้ง ตัวหลุดเข้าไปในตู้กระจกแล้ว ตอนนั้นเหมือนวิญญาณออกจากร่างแล้วนะ ผมจำได้ว่าเห็นแม่อุ้มผมที่เลือดเต็มหน้า ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไปโรงพยาบาล เห็นแค่นั้นแหละ แผลยาวและลึกตั้งแต่หน้าผากพาดผ่านหัวตาและจมูกขาดร่องแร่งถึงริมฝีปาก แผลผมคงติดเชื้อ พอออกจากโรงพยาบาล เลยเป็นไซนัสอักเสบขั้นรุนแรงมาก ปวดตลอดเวลา

bobi

แผลเป็นบนหน้าผมก็ได้มาตอนนั้น บางคนไม่รู้ นึกว่าผมไปมีเรื่องกับจิ๊กโก๋ที่ไหน ( หัวเราะ ) พอขึ้น ม.ต้น มีเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นไซนัสอักเสบไปวิ่งตากฝนแล้วรุ่งขึ้นตาย หมอบอกว่าไซนัสขึ้น สมอง ผมก็เกิดกลัวตายขึ้นมา รายต่อไปต้องเราแน่ ๆ เลยอธิษฐานบอกกับ ‘‘ พระเจ้าของคุณพ่อ พระเจ้าที่เคยช่วยคุณพ่อ ’’ วันนี้ผมเดือดร้อน อยากให้พระเจ้าของคุณพ่อช่วยผม แล้วผมจะตามรอยคุณพ่อ จะประกาศเรื่องราวที่พระเจ้าช่วยผมให้คนอื่นฟัง อธิษฐานอย่างนี้อยู่หลายเดือน ไซนัสอักเสบก็หายขาด ผมก็ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้า

สองปีต่อมา ผมเล่นบาสแล้วเพื่อนวิ่งมากระแทกข้างหลัง ร่วงลงมาหลังฟาดพื้น เจ็บหลังมากกะเผลกกลับบ้านแต่ไม่บอกใคร ตื่นเช้าขึ้นมาลุกจากที่นอนไม่ได้ ตกใจมาก แม่พาไปโรงพยาบาลถึงได้รู้ว่าหมอนรองกระดูกร้าว รักษาทั้งสมุนไพรจีน กายภาพบำบัดก็ยังไม่ดีขึ้น ก็อธิษฐานขอพระเยซูรักษา สารภาพว่าคราวที่แล้วผิดสัญญา คราวนี้รับรองไม่เบี้ยว ( ยิ้ม ) ขอเพียงรักษาให้เป็นปรกติ จะถวายตัวเป็นผู้ประกาศแน่นอน อดอาหารอธิษฐานอยู่สามวัน ก็รู้สึกร้อนวูบ ๆ ที่หลัง ลองเดินดูก็เดินได้ปรกติ วิ่งเล่นได้ปร๋อเลยผมก็ยอมแล้วไง จะไปเป็นผู้รับใช้พระเจ้าล่ะ

พอพี่ ๆ เริ่มกลับมาช่วยงานที่ร้านแทนผมได้ ก็ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ มาเรียนเป็นผู้รับใช้ พระเจ้า หลักสูตร 4 ปี ที่สถาบันกรุงเทพคริสตศาสนศาสตร์ สุขุมวิท 101/1 ตำรากับอาจารย์ส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศ ผมเลยได้ภาษาอังกฤษที่นั่นแหละ

bobi

แล้วทำไมถึงไม่ได้ทำงานรับใช้พระเจ้าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

เกิดวิกฤตทางการเงินที่บ้าน ต้องกลับมาช่วยกู้สถานการณ์ ตอนนั้นเก็บหน่วยกิตปีสุดท้ายครบหมดแล้ว เหลือแค่วิทยานิพนธ์ พี่ชายคนที่สองขยายสาขาที่สามและสี่เร็วเกินไป หมุนเงินไม่ทัน เป็นปีที่ซัดดัมบุกคูเวต ยอดขายของร้านดิ่งเหวเหลือเดือนละสามหมื่นบาท เงินสดทั้งหมดถูกนำไปซื้อที่ดินเพื่อเปิดร้านสว่างการแว่น สาขาที่สี่ตรงหาดเฉวง เกาะสมุย แต่ไม่มีเงินตกแต่งร้าน สรุปว่าต้องหาเงินสดให้ได้ 2 ล้านภายใน 30 วัน เพื่อนำเงินไปจ้างผู้รับเหมาตกแต่งร้านสว่างการแว่น สาขาหาดเฉวง ให้เปิดขายได้เร็วที่สุดเพื่อนำเงินมาหมุนเวียน ถ้าร้านเปิดไม่ได้ก็ไม่มีเงินส่งดอกส่งต้นกับธนาคาร ที่ดินกับร้านจะโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาด เช็คเริ่มเด้งจนซัพพลายเออร์ไม่ยอมส่งสินค้าให้อีก

พี่ชายคนที่สองขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพ ฯ ปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ผมก็ขอเวลาคิด แล้วคุกเข่าตั้งจิตอธิษฐานกับพระเจ้าว่า หากพระเจ้าประสงค์ให้กลับไปช่วยกู้ธุรกิจครอบครัว ก็ขอให้งานรับใช้พระเจ้ามีอุปสรรค พอดีเกิดวิกฤตศรัทธาบางอย่าง ไม่ใช่ในความเชื่อ แต่ในสถาบัน ในบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานรับใช้พระเจ้า ผมตัดสินใจเก็บของเดินทางไปเกาะสมุย ไปถึงดู cash flow ก็พบว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดไว้แต่แรกมาก

ไม่มีเงิน ไม่มีเครดิต ก็ต้องเปลี่ยนสินค้าที่มีอยู่ในร้านให้กลายเป็นเงินสด ใกล้ตรุษจีนพอดี จัดเลย ‘ ไชนีส แกรนด์เซล ’ ที่ร้านบนเกาะสมุย สิบกว่าปีก่อนที่นั่นไม่รู้จักโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ผมเป็นเจ้าแรก ก็ลุยเตรียมงานคืนเดียวเสร็จ ตอนเช้าขึ้นป้ายโฆษณาลดกระหน่ำฉลองตรุษจีน เปิดเพลง I hate myself for loving you ที่กำลังฮิต ๆ เอาผ้าแดงปูโต๊ะ วันแรก ๆ เรียงแว่นกันแดด นาฬิกา ขายดีมาก คราวนี้เอามันทุกอย่างทั้งกล้องถ่ายรูป เครื่องคิดเลข หน้ากากดำน้ำ เครื่องกีฬา เรียกว่าขาย ทุกอย่างที่ซัพพลายเออร์ที่ยังให้เครดิตเราอยู่ หมุนเงินกันตัวเป็นเกลียว เราขายได้ 2 ล้านภายในเดือนแรก ได้กำไรมาหนึ่งล้านบาท พี่ชายผมนั่งยิ้มทั้งวัน ทอนเงินแทบไม่ทัน ส่วนผมก็ดีใจนะที่ช่วยเขาได้ เพราะเห็นเขาหน้าดำคร่ำเครียดมานาน ก็นำเงินที่ขายของได้ทั้งสองล้านไปแต่งร้านสว่างการแว่น หาดเฉวงจนเสร็จ เปิดร้านขายของได้ มีเงินหมุนเวียนพอหายใจได้บ้าง ส่วนตัวผมต้องบริหารร้านสว่างการแว่น หน้าทอน และหาเงินมาจ่ายค่าสินค้าที่เครดิตมาจากซัพพลายเออร์ ทั้งยังต้องส่งสินค้าช่วยพี่ชายจนเขาตั้งตัวได้อีกครั้ง เหนื่อยสายตัวแทบขาด จ่ายเงินค่าสินค้าทุก 1 ล้านบาท สินค้าให้พี่ชายไปขายครึ่งหนึ่งแต่ผมต้องจ่ายซัพพลายเออร์ 1 ล้าน เงินค่าสินค้าก็ไม่เคยได้คืน แต่ภูมิใจนะที่ได้ทำเพื่อครอบครัว ตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุ 23

พอขี่หลังเสือแล้วหาทางลงไม่ได้จนถึงวันนี้ ผมตั้งใจไว้ว่าอีกแปดปีอยากเกษียณตัวเองจากการทำธุรกิจแล้วกลับไปรับใช้พระเจ้าตามที่ได้สัญญาไว้ อยากใช้เวลาและพลังที่เหลืออยู่ช่วยคนรุ่นต่อไปให้ค้นพบพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ซ่อนอยู่ในมนุษย์แต่ละคน อยากเขียนหนังสือหลายเล่มอยากทำเว็บไซต์เพื่อช่วยคนทั้งโลกให้ค้นพบตัวเอง

bobi

ใคร ๆ มักมองคุณว่าเป็นคนแปลก ตรงไปตรงมาจนน่ากลัว และมั่นใจเกินเหตุ จริง ๆ แล้ว คุณโบบิเป็นคนแบบไหน

ผมเป็นพวกสุดขอบ สุดโต่ง เชื่ออย่างไรก็จะทำสุดหัวใจไปเลย ไม่มีสีเทา ไม่มีสายกลาง ถ้าไม่ขวาก็ซ้าย ถ้าจะทำอะไรสักอย่างก็ต้องทำให้ได้ดีที่สุด ประมาณแบบทุ่มทุนสร้าง ทุ่มชีวิตสร้าง เอาชีวิตทั้งชีวิตลงไปแลกเลย หลายปีมานี้ผมคิดอยู่เรื่องเดียวว่า ทำอย่างไรให้แว่นสายตาของไอซอพติกทุกอันเป็นแว่นตาที่ดีที่สุดในโลก ผมมีวันนี้ได้เพราะผมเป็นของผมแบบนี้ เกิดมาแบบนี้ หลายคนบอกว่าผมมั่นใจในตัวเองเกินไป ก่อนผมจะมั่นใจในอะไรก็ตาม ผมคิดตรึกตรองเป็นหมื่นครั้งนะ แล้วเป็นคนตรงมากจนคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง เข้าใจว่าผมเป็นคนขวานผ่าซาก เขาเข้าใจผิดนะ จริง ๆ แล้วผมเป็นคนซากผ่าขวาน ไม่ใช่ขวานผ่าซาก คนทั่วไปถ้าต้องสู้กับใครสักคนหนึ่ง คำนวณแล้วสู้ไม่ได้ เขาก็จะไม่สู้ เพราะเขาคิดว่าเขาคือขวาน ถ้าข้างหน้าเป็นซากเขาก็จะผ่า แต่ถ้าข้างหน้าเป็นเหล็กกล้าซึ่งไม่มีทางที่เขาจะผ่ามันได้ เขาก็จะถอย แต่ผมเป็นคนที่เอาซากไปผ่าขวาน เพราะผมเชื่อว่าซากมีความเร็วมากพอ อย่าว่าแต่ขวานเลย กำแพงเหล็กกล้าก็ผ่าได้ ผมเป็นคนที่พร้อมจะตายเพื่อสิ่งที่ผมเชื่อ โดยไม่เสียใจเลย ผมสอนลูกศิษย์ผมทั่วโลกว่า “ ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง ’’ ถ้าคุณเชื่อในอะไรสักอย่างหนึ่ง คุณแน่ใจในผลสำเร็จ คุณมีความรู้สึกอย่างแน่นอนว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในวันนี้ สามารถเป็นไปได้ในวันหน้า ถ้าคุณทุ่มเทมากพอ ถ้าคุณสามารถเติมเต็มสิ่งที่คุณขาดอยู่ ด้วยสิ่งที่คนอื่นมี ถ้าคุณสามารถสร้างทีมและรวมใจพวกเขาเป็นหนึ่ง ในโลกนี้แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณมีความเชื่ออย่างแรงกล้าและมีการบริหารจัดการที่ดี คุณสามารถย้ายภูเขาทั้งลูกไปไว้กลางทะเล ซึ่งเกิดขึ้นแล้วนะที่ดูไบ

มีคนไม่เข้าใจคุณบ้างไหม

ตลอดเวลานะ แม่ผมเคยบอกว่าผมเกิดผิดบ้าน ในพี่น้อง 8 คน นิสัยของผมไม่เหมือนใครเลย ผมกล้าที่จะฝันตั้งแต่เด็กว่าผมจะทำแว่นที่ดีที่สุดในโลก ชอบเล่าความฝันของผมให้คุณแม่ และพี่น้องผมฟัง ทุกคนลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า ผมฝันกลางวัน มีเพียงคุณพ่อผมเท่านั้นที่ท่านฟังแล้วอมยิ้ม บอกผมว่า “ ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง ” ในวัยเด็กมีเพียงคุณพ่อกับพระเจ้าเท่านั้นที่เข้าใจผม ก็เหงามากนะ ผมมองเห็นอนาคต เห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น พอผมบอกพวกเขาว่าผมเห็นอะไร พวกเขาไม่เชื่อ พากันหัวเราะเยาะ ก็มีเสียใจบ้างแต่ไม่โกรธนะ รู้ว่าเขารักและเป็นห่วงเรา

ผมโตมากับแผลในใจที่คุณยายผมสูญเสียการมองเห็น ตอนผมเกิดคุณปู่ คุณย่าและคุณตา ท่านเสียหมดแล้ว มีคุณยายคนเดียว เห็นคุณยายทีไรก็จะรับรู้ว่าคุณยายไม่มีความสุข เลยอยากทำให้คุณยายมองเห็น ตอนนั้นรู้แค่นั้น ฝันตามประสาเด็กคนหนึ่งว่าถ้าสามารถทำให้ใครสักคนทีกำลังสูญเสียการมองเห็น ให้กลับมามองเห็นได้ดีขึ้น คงจะดีมากนะ

ผมแค่แปลกใจว่า เฮ้ย...ทำไมคุณมองไม่เห็นในสิ่งที่เราเห็น คือผมมองว่ามันง่ายนะ มันไม่มีอะไรเลยแต่บางทีมันก็เหงาเหมือนกัน ในโลกที่คุณเห็นทางอนาคตแล้วคนอื่นมองไม่เห็น แล้วมันยากที่จะคุยกับเขา ให้เห็นในสิ่งที่เราเห็น โดยเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา

วัยเด็กผมมีเพื่อนสนิทน้อยมาก คุยกับเพื่อน ๆ ไม่รู้เรื่อง ผมไม่ชอบคุยกับพวกเขาเพราะคุยกันแต่เรื่องไร้สาระ ผมเลยชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่า ชอบคุยกับผู้ใหญ่ ตอนผมอายุยี่สิบสี่ เพื่อนสนิทผมส่วนใหญ่มีลูกชายอายุมากกว่าผมเสียอีก ผมชอบคุยแค่สามเรื่อง หนึ่งคือคุยแล้วทำให้เราฉลาดขึ้น รอบรู้มากขึ้น สองคือคุยแล้วทำให้เรามีช่องทางทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น สามคือคุยแล้วสนุกสนาน

วันนี้ผมยิ้มให้กับพระเจ้าและตัวเองทุกครั้งเมื่อมองย้อนกลับไป ภาพที่ผมเคยเห็นในวัยเด็กกลายเป็นความจริงที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก และผมมีความสุขกับการได้ใช้เวลาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรขนาดใหญ่ ความรู้ที่ผมได้รับจากท่านเหล่านี้ยิ่งใหญ่กว่าความรู้ที่ได้จากตำราอย่างเทียบกันไม่ได้นะ

bobi

คุณเรียนเก่งไหม สมัยเด็ก ๆ

ไม่เลย ( ลากเสียงยาว ) รู้สึกว่าโรงเรียนมันน่าเบื่อ เพื่อน ๆ ก็คุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ฟังครูสอนแล้วรู้สึกน่าเบื่อ พาลไม่อยากเรียน ไม่อยากทำการบ้าน เรียกได้ว่าไม่ให้ความร่วมมือกับคุณครูเลย มองย้อนกลับไปรู้สึกผิดนะที่ทำให้คุณครูหนักใจ เพราะทราบดีว่าคุณครูอยากให้เราได้ดี

คุณพ่อคุณแม่ท่านอุตส่าห์ให้เรียนโรงเรียนบูรณะรำลึก ซึ่งสมัยนั้นถือว่าดีที่สุดในจังหวัดตรัง เป็นโรงเรียนที่ระเบียบจัดมาก นักเรียนทุกระดับชั้นห้ามขี่มอเตอร์ไซด์ นักเรียนผู้หญิงห้ามใส่เสื้อยืด ห้ามใส่กางเกงขาสั้น เพราะว่าโป๊ ห้ามซอยผม ถ้าผมยาวให้ถักเปียได้ คืออะไรที่เกี่ยวข้องกับความฟุ่มเฟือยใด ๆ ทั้งหมด จะห้ามเด็ดขาด ผมเรียนโรงเรียนนี้ตั้งแต่อนุบาลจนถึง ม.3 เท่าที่จำได้ไม่มีวันไหนที่ผมไม่โดนตี แล้วเรื่องที่โดนตีส่วนใหญ่ไม่ค่อยซ้ำด้วย ถูกตีจนชินชา สัมปทานไม้เรียวหน้าเสาธงนี่ผมผูกขาด ผลการเรียนก็ระดับรองบ๊วยตลอด คือไม่ฟังครูสอน ไม่ทำการบ้าน ไม่อ่านหนังสือ เลยไม่มีคะแนนเก็บ แต่เวลาสอบ final สอบได้นะ สอบผ่านทุกที คะแนนดีด้วย ( หัวเราะ )

แต่พอเวลาผ่านไปตอนอยู่ ม.1 ก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในชีวิต อาจารย์ทุกคนจะมองผมว่าไม่เอาถ่าน เป็นเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนเลย ดื้อด้วย สิ่งไหนที่เราอยากทำ จะตีให้ตายยังไงผมก็จะทำ วันหนึ่งอาจารย์ใหญ่ ชื่ออาจารย์มารศรี สอนวิชาคณิตศาสตร์ ผมก็นั่งฟังอาจารย์สอนพลางคิดในใจว่าทำไมต้องไปคิดอะไรให้มันวุ่นวาย ตั้ง 10 บรรทัดกว่าจะได้คำตอบสักข้อ ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้ยาก ผมคิดของผม 3 บรรทัดก็ได้คำตอบเหมือนกัน อาจารย์ถามว่า “ มีใครไม่เข้าใจบ้าง ” ผมยกมือขึ้นทันทีแบบไม่ได้ตั้งใจยกนะ สมองไม่ได้สั่ง แต่ใจสั่งมา ผมลุกขึ้นอย่างมั่นใจบอกอาจารย์ว่า ผมมีวิธีคิดอีกแบบ อาจารย์ทึ่งมาก เรียกผมออกไปหน้าชั้นแล้วให้ผมเขียนวิธีคำนวณของผมบนกระดานดำ ผมก็เขียนให้ทุกคนดู อาจารย์ประหลาดใจแต่ยอมรับว่าวิธีของผมถูกต้อง ที่ตลกคือผมคิดของผมเอง เหมือนเป็นปัญญาจากเบื้องบน ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าตกลงกลางกบาลอย่างนั้นแหละ ที่ตลกที่สุดคือนี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกเรียกออกมาหน้าชั้นแล้วไม่ถูกทำโทษ (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็เลยเริ่มตั้งใจเรียนมากขึ้นเริ่มสนุกกับการคิดนอกกรอบ พยายามคิดให้ไกลกว่าที่ครูสอน เริ่มขลุกอยู่ในห้องสมุดได้ทั้งวัน อ่านประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากล จนกลายเป็นคนชอบศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ เริ่มสนใจปรัชญา แล้วอ่านหนังสือเร็วมาก ความที่หนังสือในห้องสมุดเยอะแล้วอยากอ่านหลายร้อยเล่ม เลยกลาย เป็นคนอ่านหนังสือเร็วมาก อ่านทีละสามบรรทัด อ่านแบบสแกนเนอร์เลย ความรู้จากการอ่านมีส่วนสำคัญมากในความสำเร็จของผมในวันนี้

bobi

หลังจากนั้นอาจารย์มองเราเปลี่ยนไปจากเดิมไหม

อาจารย์เริ่มมองเห็นศักยภาพในตัวผมนะ เริ่มเข้าใจผมมากขึ้น ให้โอกาสเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปทำกิจกรรม เพื่อน ๆ โหวตให้เป็นหัวหน้าชั้นในวัยเด็ก ถ้าเรามีใครที่เป็นเข็มทิศสักคน ก็จะช่วยเหลือเราได้เยอะเลยนะ เพราะผมมองว่าในปัจจุบันวัยรุ่นเคว้งเยอะ หาตัวเองไม่เจอ ปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่าไร้จุดหมาย

ผมเคยอิจฉาเด็กที่เรียนเก่ง ได้เกรดสูง สอบได้ที่ 1 ตลอด แต่พอตอนนี้ผมมาถึงตรงนี้แล้วมองย้อนกลับไปที่เพื่อน ๆ ที่ผมเคยอิจฉา ตอนนี้เขากลับอยู่ห่างและล้าหลังผมมาก ทั้ง ๆ ที่ผมเคยคิดว่าคนที่เรียนเก่งน่าจะประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด ผมว่าถ้าเราฝึกให้เด็กรุ่นต่อของเราคิดเป็น ต่อยอดเป็น แล้วทุ่มเททำอย่างมุ่งมั่น เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลกนะ ถ้ามีผู้นำทางที่ดี

คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ที่คนเรียนเก่งใช่จะประสบความสำเร็จเสมอไป

ผมคิดว่าหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการเรียนเก่งคือความสำเร็จของชีวิตและเป็นกุญแจของความสำเร็จของชีวิต จึงไปยึดติดกับตรงนั้น แต่ปัญหาของคนที่เรียนเก่งคือ อย่างเช่นเราเรียนการตลาด ในตำราบอกว่า เมื่อยอดขายตกต่ำให้ลดราคา แถมของแล้วก็โฆษณา ตามตำราให้ทำตามนี้ แต่พอวันหนึ่งมีบริษัทคู่แข่งทำตามแบบเดียวกัน ก็หนีไม่ออก ตำราไม่ได้สอน สุดท้ายเลยต้องดัมพ์ราคาเข้าสู้ กอดคอกันตายหมู่ ผู้บริโภคก็รับกรรมจากคุณภาพการให้บริการที่สาละวันเตี้ยลง เป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย ทำอะไรไม่ได้ คิดนอกกรอบไม่เป็นเพราะว่าเคยทำแต่ในข้อสอบ ตามหนังสืออย่างเดียว พอเกิดปัญหาอย่างมากก็กลับบ้านเปิดตำราการตลาด ซึ่งแทบจะหาไม่เจอ อ่านไม่เจอ ว่าต้องทำยังไง กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ แก้เกมไม่เป็น คิดได้แค่สามมิติ กว้าง ยาว สูง เดี๋ยวนี้ไม่พอหรอก ต้องคิดได้สี่มิติมิติพิศวง คิดในสิ่งที่คนอื่นคิดไปไม่ถึง เห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น คนที่คิดได้สี่มิติ คือคนที่มองเห็นอนาคต มองการณ์ไกล คิดล่วงหน้า จึงสามารถนำพาองค์กรให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบเสมอ สำหรับผมแล้วมิติที่สี่คือการนำความรู้สามมิติมาต่อยอดเป็นองค์ความรู้ของเราเอง มิติที่สี่คือปัญหาจากเบื้องบน คนที่จิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้รับปัญญานี้ คนที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินจะเข้าไม่ถึงมิติที่สี่ แต่คนที่รู้จักให้และรับจะเข้าถึงครับ

แสดงว่าคุณชอบมองนอกกรอบ

ใช่ ผมชอบมองนอกกรอบ ผมมองว่าหนึ่งปัญหามันแก้ได้หลายวิธี อาจด้วยความที่ผมเป็นนักคิด ชอบคิดอะไรแผลง ๆ คิดได้ตลอดเวลา สามารถคิดได้ 24 ชั่วโมง ผมตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่สมองวิ่งทันที อย่างบางทีระยะเวลาแค่ 5 นาที ผมเดินจากบ้านไปโรงเรียนผมคิดได้ร้อยกว่าเรื่อง คือสมองผมทำงานเร็วมาก ผมสนุกกับการคิดมาตั้งแต่เด็ก ผมหยุดคิดไม่เป็น ผมชอบคิดทำอะไรให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา

bobi

พี่น้องแปดคน คุณโบบิเป็นลูกคนโปรดหรือเปล่า

เปล่าเลย ตั้งแต่เด็กผมรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าผมเป็นลูกที่พ่อแม่รักน้อยที่สุดแล้วนะ เมื่อเทียบกับลูกคนอื่น ๆ พี่น้อง 8 คน ผมเป็นคนที่ 6 ขนมไหว้พระจันทร์หนึ่งชิ้น ต้องแบ่งกัน คือผ่าแบ่งเป็น 8 ส่วน พี่น้องทุกคนต่างคนต่างได้คนละส่วน ผมก็จะค่อย ๆ กิน นั่งกินของผมไปอย่างมีความสุข ทีนี้พอพี่กินหมดแล้วเขามาเห็นของผมยังเหลืออยู่ ก็จะมาแย่ง แต่ถ้ามาแย่งผมนะ ผมก็จะชกเอาเท่านั้นแหละ ชกคนตัวโตกว่าผมไม่รู้สึกผิดนะ แล้วเขาก็จะร้องไห้ไปฟ้องแม่ ถ้าไม่ให้ผมก็โดนตี คุณแม่บอกว่าทำไมเห็นขนมดีกว่าพี่ ทำไมไม่ให้พี่ เราเป็นน้องต้องเคารพพี่ โอเค...ตรงนี้ผมเข้าใจ แต่วันต่อมาน้องมาแย่งผม ผมไม่ให้ ผมก็โดนตีอีก แม่ก็บอกว่าเขาเป็นน้อง เราเป็นพี่ต้องให้น้อง เราก็เฮ้ย..อะไรเนี่ย เราเป็นน้องต้องยอมพี่ เราเป็นพี่ต้องให้น้อง เฮ้ย...เราอยู่ตรงกลาง มันยังไงกันแน่ รู้สึกว่าทำไมพ่อแม่ไม่รักเรา มีหลายครั้งที่เสียใจมาก แอบไปนั่งร้องไห้ได้เป็นวันๆ น้อยใจมากขนาดจนคิดหาวิธีฆ่าตัวตายสารพัดตามประสาเด็กสิบขวบ คิดเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟก็ไม่กล้ากลัวเจ็บ กระโดดลงคลองห้วยยางก็เหม็น จะวิ่งให้รถชนก็สงสารคนขับต้องติดคุก คิดไปคิดมากลัวไม่ตายแต่พิการ กลัวคนอื่นเดือดร้อน กลัวคุณพ่อคุณแม่โดนคนอื่นว่า " เลี้ยงลูกยังไงถึงฆ่าตัวตาย " เลยไม่เอาดีกว่า ( หัวเราะ ) แต่พอมองย้อนกลับไป มันก็สมควรอยู่หรอก รับขนมมาแล้วจะกินให้หมด ๆ ให้จบเรื่อง แต่เราดันมานั่งละเมียดละไมก็เลยกลายเป็นปัญหา

bobi

ในส่วนของนิสัยคุณได้รับอะไรมาจากคุณพ่อคุณแม่บ้าง

ส่วนที่ได้รับจากคุณพ่อคุณแม่คือ ความศรัทธาในพระเจ้า ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ความตั้งใจในการทำงาน เวลาถูกพี่น้องเอารัดเอาเปรียบ ไม่ว่าเรื่องอะไร ท่านสอนผมว่า จงรักศัตรู จงอวยพรผู้ที่เกลียดชังเรา แล้วพระเจ้าจะอวยพรเรา หลายสิบปีมานี้ เป็นจริงตามคำพ่อทุกประการ คนที่เคยเอารัดเอาเปรียบเราก็ไม่ได้ร่ำรวยขึ้น ครอบครัวเราไม่ได้ยากจนลง คุณพ่อคุณแม่ ท่านเลี้ยงลูกทุกคนได้ดีมาก ๆ ผมไม่ใช่ลูกรักของท่าน แต่ขอเป็นลูกที่เคารพรักท่านมากที่สุด ผมมีความสุขที่ได้ทำให้ท่านภูมิใจกับความสำเร็จของผมในวันนี้

bobi

ทำไมคุณโบบิ ถึงทำแว่นได้ดีกว่าคนอื่น

ผมไม่ได้เก่งที่สุดในโลกเรื่องการทำเลนส์ หรือการตัดแว่น แต่ที่ทำแว่นได้ดีกว่าคนอื่น ๆ เพราะทำอย่างสุดใจ เวลามีรายยาก ๆ เข้ามา ผมจะคิดอยู่นั่นว่าทำยังไงให้เขาเห็นดีที่สุด เคยมีนะ แก้กันอยู่นั่น ลูกค้าเลยเห็นว่าผมไม่ทิ้งโจทย์ ไม่ปัดให้พ้นตัว คิดอยู่นั่นว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เกิดอะไรขึ้น แล้วจะแก้ยังไง ถ้าผมคิดวิธีได้ ผมจะบอกลูกค้า

แล้วถามว่าคุณจะเอาวิธีของผมมั้ย ผมไม่เคยหยุดนิ่ง ศึกษาค้นคว้า หาความรู้แล้วนำมาต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะตรวจวัดสายตาประกอบแว่นระดับ ไฮเอนด์ให้ดี ที่สุดในโลก เพราะผมศรัทธาในคุณค่าการมองเห็นของมนุษย์ว่าสูงค่า ผมเชื่อว่า “ Life is beautiful and sight is life ” ความสุขของผมอยู่ที่การได้ทำให้คุณภาพชีวิตของใครสักคนดีขึ้น ด้วยแว่นตาที่ผมทำให้ ผมจึงทุ่มเทกำลังความคิด สติปัญญา ทั้งหมด ทำแว่นตาที่ช่วยให้มองเห็นดีขึ้น รู้สึกสบายขึ้น มีบุคลิกภาพต้องตาต้องใจคนรอบข้างมากขึ้น ผมชอบพูดกับลูกค้าชาวต่างชาติเสมอว่า ผมอยากทำให้พวกเขา “ See better , feel better and look better no matter how old you are ” สำหรับผมแล้วการทำแว่นให้ลูกค้ามองเห็นได้ดีขึ้นยังไม่พอ แต่ต้องมองเห็นได้ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ( Instant crystal clear vision at any distance like when you was young ) ใส่แล้วมีพลัง ทำงานได้ดีขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง

อาจารย์โบบิ - สมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ

Somboon Numtipjuntacharern or Master Bobi

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟระดับโลก ประจำศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เปิดตัว “เลนส์คู่ละล้าน เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”

ระบบการตรวจวัดสายตาแบบมาตรฐานทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเป็นระบบที่คิดค้นขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เมื่อใช้ระบบนี้ในการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่า จึงทำให้ประสิทธิภาพของเลนส์โปรเกรสซีฟลดลงเหลือเพียงแค่ 10% อาจารย์โบบิจึงทุ่มเทเวลาหลายสิบปี ศึกษา ค้นคว้า พัฒนาหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นสายตาจากทั่วโลก ในที่สุดก็เป็นผู้ปฎิวัติวงการแว่นตาด้วยระบบการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์แบบดิจิตอล 3 มิติ และนำมาต่อยอดพัฒนาร่วมกับโรเด้นสต๊อก บริษัทผู้ผลิตเลนส์คุณภาพชั้นนำจากเยอรมนี พัฒนาเลนส์แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
Impression FreeSign® 3 Multi - Individual
ลิขสิทธิ์เฉพาะของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก และโรเด้นสต๊อก ที่ทำให้สามารถออกแบบ และผลิตเลนส์ซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ ที่มีความละเอียดกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าทุกชนิดในโลก ถึง 200 ล้านเท่า เพื่อให้ได้คุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด ตามพฤติกรรมการใช้สายตาของผู้ใช้แต่ละคน บนกรอบแว่นแต่ละอันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

จากเด็กชายชาวตรังที่เกิด และโตมากับธุรกิจร้านแว่นระดับไฮเอนด์ของคุณพ่อสว่าง ผู้เป็นต้นแบบในชีวิต และเป็นผู้มองเห็นศักยภาพในตัวลูกชายคนนี้ เขาจึงค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พร้อมกับความฝันที่จะเป็นคนทำแว่นสายตาที่ดีที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาจึงมุ่งมั่นทุ่มเทพัฒนาคุณภาพของแว่นสายตามาโดยตลอด ด้วยปรัชญาในการทำงานที่จะต้อง “ ดีที่สุด ” และ “ ยอดเยี่ยมที่สุด ” ในทุก ๆ วัน จนปัจจุบันนี้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำแว่นสายตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟระดับท๊อปเอนด์ ที่มีลูกค้าบินมาจากทั่วโลกเพื่อตัดแว่นตาที่ดีที่สุดในโลกด้วย

แว่นตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เป็นแว่นสายตาที่ตรวจวัด ออกแบบ ผลิต ประกอบ อย่างเฉพาะเจาะจง สำหรับผู้ใช้แว่นสายตาแต่ละคนบนกรอบแว่นแต่ละอัน ทำให้ได้แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ที่ใส่สบายอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยผู้ใช้แว่นสายตาไม่ต้องฝืนปรับตัวเข้าหาแว่นเหมือนที่ผ่านมา ในขณะที่แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าทั่วไป ผู้ใช้แว่นสายตาต้องพยายามฝืนเพ่งปรับระบบการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการมองเห็นให้เข้ากับแว่นสายตาที่จุดศูนย์กลางของเลนส์ ซึ่งไม่ตรงกับตำแหน่งการใช้งานจริงของดวงตา ทำให้ใส่ไม่สบาย ใช้เวลาปรับตัวนาน และทุกวันนี้ยังคงมีผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีเก่าจำนวนมากจากทั่วโลก ต้องเสียเงินเปล่า จ่ายเงินค่าเลนส์แว่นตาคู่ละ 100,000 บาท แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้จริง และไม่มีการรับประกันความพึงพอใจในการใช้งานที่แท้จริง ซึ่งไม่เป็นธรรมสำหรับผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ เป็นอย่างยิ่ง

แต่ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เราตรวจวัด ออกแบบ ผลิต กรอบแว่นและเลนส์แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ เทคโนโลยีล่าสุด จากโรเด้นสต๊อก อย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ใช้แต่ละท่าน ตามพฤติกรรมการใช้สายตาจริง ทำให้มองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติ ใส่สบาย เพิ่มพลังสมองได้อย่างก้าวกระโดด และถนอมสายตาได้ดีกว่า

เลนส์แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่

1. ราคาเลนส์แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ราคาเริ่มต้นตั้งแต่คู่ละ 100,000 บาท - 2 ล้านบาท รับประกัน 3 ปี - 30 ปี เปลี่ยนเลนส์ฟรี 1 คู่ - 18 คู่ ภายในระยะเวลารับประกัน

2. ค่าวิเคราะห์ระบบการมองเห็น ครั้งละ 1,000 บาท

3. ราคากรอบแว่นคุณภาพสูงสุด สั่งผลิตเฉพาะบุคคล อย่างเฉพาะเจาะจง ตามขนาดใบหน้าของผู้ใช้แต่ละท่าน เพื่อคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด สั่งสลักชื่อบนขาแว่นได้สูงสุด 27 ตัวอักษร
ราคาอันละ 21,800 บาท - 20 ล้านบาท รับประกัน 5 ปี


" ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง "

สายด่วน อาจารย์โบบิ : 097-454-9944
LINE ID : masterbobi
www.facebook.com/masterbobi
masterbobie@gmail.com
www.isoptik.com

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?