
คุณ สันทวัฒน์ สินาเจริญ
ทำธุุรกิจเป็นผู้บริหารสถาบันเอกชน
อายุ ปี
ผมเคยใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงตัวท๊อป คู่ละ 8 หมื่นบาท จากร้านแว่นหลายร้าน แต่ปรับตัวยาก เวลามองมันยังมีความแยกชั้นกันอยู่ เห็นภาพด้านข้างวูบวาบอยู่ตลอดเวลา ต้องหันศีรษะช่วยเพื่อมองผ่านตรงกลางเลนส์ ทำให้รู้สึกไม่สบายตา จนเมื่อยตา และมีความรู้สึกว่า มีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนหน้าตลอดเวลา
พอเปลี่ยนมาใช้แว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคลของไอซอพติก ไม่ต้องปรับตัวเลย ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติจากทุกมุมมอง ไม่มีสะดุด เวลาจะเหลือบตาขึ้นลง ซ้ายขวา ดูด้านข้างก็ไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกว่ามีจุดแบ่ง ใส่สบายมาก
ผมอยากบอกว่าเลนส์แว่นตา ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้คนใส่สบาย แต่อยู่ที่กรอบแว่นด้วย ไอซอพติกสามารถสร้างกรอบแว่นที่พอดีกับศีรษะของเราด้วย ช่างจะมาคำณวนดูกรอบแว่นด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง แบบ 3 มิติ เพื่อคำนวณองศาของดวงตาจริงในการใช้งาน และดูตำแหน่งการเหลือบตาขึ้นลงของเรา ทำให้ตาไม่เมื่อยเลย แม้ต้องใช้สายตาติดต่อกันตลอดทั้งวัน สบายจนลืมไปเลยว่าใส่แว่นอยู่
ถ้าถามผมว่า ความคุ้มค่าในการมีแว่นดีๆสักอันเป็นอย่างไร ก็วัดเป็นตัวเงินยาก มันแล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ผลตอบแทนในเรื่องของการใช้แว่นคุณภาพดีที่ได้แน่ๆคือ ความสุข ความสบาย " เพราะความสุข มันตีค่าเป็นเงินไม่ได้ "
" ผลตอบแทนที่ได้แน่ๆ คือ ความสุข ความสบาย ถ้ามันมีความสุข เดี๋ยวมันก็ไปหาเงินได้เอง แต่ถ้ามันไม่มีความสุข มันจะทำอะไรก็ลำบาก "
มีปัญหาสายตาอย่างไร ?
มีปัญหาทั้งสายตาสั้น และสายตายาวอยู่ในอันเดียวกัน และค่าสายตาที่ใช้ก่อนหน้าเปลี่ยนพอดี เลยมีความรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องตัดแว่นใหม่
ได้ยินชื่อเสียง ISOPTIK มานาน ตั้งแต่สมัยอยู่ที่เดิมแล้ว เพราะว่าที่บ้านผมก็พาน้องสาวมาทำที่นี่ เนื่องจากค่าสายตาของเรา ที่อื่นจะทำไม่ค่อยได้ แต่ของ อ.โบบิเนี่ยเขาทำให้ได้
ส่วนตัวเองไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสได้มาใช้บริการ พอดีคิดว่ามีโอกาสได้ใช้ เราก็เลยทดลองดู
เคยใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อนไหม ?
ก่อนจะมาที่ ISOPTIK เคยใช้ที่อื่นอยู่ เป็นตัวท๊อปๆ แบบ 7-8 หมื่น เวลามองมันยังมีความแยกชั้นกันอยู่ แต่ถ้าไม่สังเกตจริงก็ไม่เห็น
แต่ที่ ISOPTIK แว่นอันนี้ มันเหมือนกลมกลืนไปในเนื้อเลนส์เดียวกันเวลาเหลือบขึ้น เหลือบลง เราจะไม่รู้จุดแบ่ง มันจะเหมือนเป็นอันเดียวกันจริงๆ มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ขั้นตอนการตรวจวัดของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเป็นอย่างไรบ้าง ?
เห็นความพิถีพิถันในการวัดค่าสายตา ค่อนข้างเริ่มมั่นใจ เพราะว่าไม่เคยเจอที่ไหนวัดนานขนาดนี้ วัดทีนึงก็ 3 ชม. รู้สึกละเอียดทุกรูขุมขน
เห็นโฆษณา ก็เลยลองดูว่าเนื้อเลนส์มันดีจริงสมคำร่ำลือหรือเปล่า แล้วก็มาทดลอง เลนส์ดีในเรื่องความใส ความบาง และความเหนียว ใส่ตลอดเวลาเลย
ใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกในกิจกรรมใดบ้าง ?
ใส่ตลอดเวลาเลย ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่ทั้งวัน เพราะว่าการตรวจวัดเขาไม่ได้พิถีพิถันแบบ ISOPTIK แต่ที่ ISOPTIK ช่างจะมาดูด้านข้าง เพื่อคำนวณองศาจริงในการใช้งาน และดูตำแหน่งการเหลือบขึ้น และลงของเรา มันทำให้ไม่ค่อยเมื่อย ของเดิมคือเมื่อย
เลนส์ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้คนสบาย มันอยู่ที่กรอบแว่น และความพอดีของกรอบแว่นกับหน้าของเรา ที่ ISOPTIK จะ Customize ได้ค่อนข้างดี ดัดโน่นนิด นี่หน่อย เอาจนพอดีกับรูปหน้า
การให้บริการหลังการขายเป็นอย่างไรบ้าง ?
After-service ดีมาก มีช่างอยู่ตลอดเวลา เก็บโจทย์ได้เก่ง คือลูกค้าส่วนใหญ่มากกว่าครึ่ง จะอธิบายไม่ถูกหรอก รู้แต่ว่าทุกคนก็จะบอกว่า เมื่อย ใส่ไม่สบาย ทางนี่จะเป็นหน้าที่ของ Technician มากกว่าที่จะถามว่าไม่สบายยังไง ทางนี้ค่อนข้างเก็บโจทย์ได้เก่ง จนกระทั่งรู้ว่ามันไม่สบายยังไง
ต้องปรับตัวในการใช้หรือไม่ ?
ไม่ต้องปรับตัว ผมเหลือบดูข้างๆบ่อย เหลือบตลอดเวลาเป็นร้อยๆครั้ง ตอนนี้ก็เหลือบ ก็ไม่มีปัญหา เหลือบแล้วรู้สึกเหมือนมันก็ยังเห็นเร็ว อันนี้ไม่ต้องหัน เหลือบได้เลย ทำให้ใช้ชีวิตได้ธรรมชาติขึ้น
ถ้าเป็นตัวเดิมๆ ต่อให้แพง แล้วเวลาเหลือบ มันไม่หลุดโฟกัสนะ แต่ว่ามันจะไม่สบายตา เวลาเหลือบมันก็หันหัวไป รู้สึกมันแปลกปลอม มีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนหน้าเรา
- เหมือนกับหูฟัง ถ้าเกิดว่าเรารู้สึกสบายจริงๆ เราต้องไม่รู้สึกว่าเราใส่หูฟังอยู่ อันนี้ก็เหมือนกันบางทีเราใส่แว่นจนเราลืมไปแล้วว่าเราใส่หรือถอด ก็คือเราแยกไม่ออกละ ระหว่างใส่กับถอด คือมันสบายเหมือนถอด
- ถ้าถามว่าความคุ้มค่า คุ้มค่าวัดเป็นตัวเงินเนี่ย อาจจะวัดยากมันแล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ผลตอบแทนในเรื่องของการใช้ของดีเนี่ย ผลตอบแทนที่ได้แน่ๆขั้นต้นก็คือ ความสุข ความสบาย "เพราะความสุขมันตีค่าเป็นเงินไม่ได้"
" ถ้ามันมีความสุข เดี๋ยวมันก็ไปหาเงินได้เอง แต่ถ้ามันไม่มีความสุข มันจะทำอะไรก็ลำบาก อันนี้ตอบได้แน่ๆ คือได้ความสุข ได้ความสบาย "