การมองเห็นของคนเราแบ่ออกเป็น 3 กลุ่ม
1. มองแล้วชัดทันที ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เราเรียกว่า ไม่มีปัญหา ดังนั้นสมองส่วนการมองเห็นจึงไม่ต้องฝืนเพ่ง ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ประสิทธิภาพการทำงานของสมองดีเยี่ยม สุขภาพร่างกายดีเยี่ยม คนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยเป็นอะไร เพราะว่ามีคุณภาพการมองเห็นในระดับที่เรียกว่าปกติ
2. เป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางสายตาแต่สามารถเพ่งได้ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะพบใน 2 กลุ่มหลักๆ คือ
กลุ่มสายตายาว กลุ่มพวกนี้จะมีสายตายาวระยะไกล แล้วใช้วิธีการฝืนเพ่งเพื่อให้เห็นภาพชัด ในกลุ่มนี้สามารถที่จะมองเห็นได้ชัดใกล้เคียงคนปกติ หรืออาจจะเท่าคนปกติ ด้วยการฝืนเพ่ง
ในคนเหล่านี้ถ้าเขาขับรถทางไกล หรือ ใช้สายตาติดต่อกันนานๆ ก็จะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า แล้วก็อาจจะมีอาการปวดกระบอกตา เพราะว่ามันเกิดจากการฝืนเพ่ง ดังนั้นเมื่อมีการฝืนเพ่ง สมองส่วนการมองเห็นจะต้องทำงานหนักกว่าปกติ และจะมีผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง เมื่อสมองทำงานมีประสิทธิภาพลดลง ความฉลาดของเราย่อมลดลง
ดังนั้นคนที่มีอาการสายตายาวระยะไกลที่ไม่ได้รับการแก้ไข ในกลุ่มนี้เนื่องจากเขาสามารถเพ่งแล้วก็เห็นได้ชัด เขาก็จะมีอาการฉลาดมากตอนเช้า ฉลาดน้อยตอนบ่าย แล้วก็ฉลาดน้อยมากก่อนค่ำ แล้วก็จะมีอาการอ่อนเพลีย และอาการนี้จะยิ่งเป็นมากขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น
3. กลุ่มที่มีสายตาเอียง คนที่มีอาการสายตาเอียงเขาจะเห็นแกนใดแกนหนึ่งชัด หมายความว่าถ้าเป็นเส้นตารางที่เป็นเส้นนอนชัด เส้นตั้งจะมัว บางคนถ้าเป็นแนวเฉียงเขาก็จะมีแนวหนึ่งที่ชัดกว่าอีกแนวหนึ่ง
ดังนั้นคนสายตาเอียง ถ้าเราเอาชาร์จแบบนี้ แล้วเอียงหัว ความชัดของเส้นจะเปลี่ยนไปตามองศาที่เอียง คนสายตาเอียงปกติแล้วสามารถที่จะเพ่งแล้วก็มองเห็นชัดได้คล้ายๆ กับคนสายตายาว เพียงแต่ว่าความชัดจะสู้คนสายตายาวระยะไกลไม่ได้ บ่อยครั้งเราจะเห็นคนที่สายตาเอียง 400 สองข้าง เขาก็สามารถเดินไปเดินมาได้โดยไม่ต้องใส่แว่น เขาไม่เหมือนคนสายตาสั้นครับ
จากประสบการณ์ของผม และจากงานวิจัยที่ศึกษาร่วมกันกับจักษุแพทย์หลายท่าน เรามักจะพบว่า คนที่มีสายตาเอียงเกินกว่า 200 ส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดศีรษะ บางครั้งก็จะมีอาการปวดลงลามไปจนถึงท้ายทอย สำหรับคนที่มีสายตาเอียงก็ไม่ควรทิ้งไว้ ซึ่งสายตาเอียงก็ส่งผลคล้ายๆ กับสายตายาวระยะไกลคือ ส่งผลให้สมองต้องฝืนเพ่ง เมื่อสมองฝืนเพ่งก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง