เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกทุกรุ่นรับประกันความพึงพอใจในการใช้งานจริง 180 วัน โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นการรับประกันแบบ just don't like ถ้าไม่ชอบคืนได้เลย และคืนเงินเต็มจำนวน 100% ถึงแม้ว่าการชำระเงินจะผ่านบัตรเครดิตก็ตาม เรากล้ารับประกันไม่ใช่แค่รับประกันความพึงพอใจ แต่เรากล้ารับประกันลึกไปจนถึงขนาดว่าใส่แล้วถ้าชีวิตไม่ดีขึ้นเอามาคืน เรารับประกันว่าเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกใส่แล้วชีวิตดีขึ้นแน่นอน ทำไมเราถึงกล้ารับประกันอย่างนั้น โดยจะมีผู้ใช้ 7 ท่าน จากจำนวนผู้ใช้หลายร้อยคน ที่กล้ายืนยัน และแบ่งปันประสบการณ์การใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกเพื่อห้รู้ว่า แว่นที่ใส่แล้วสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้มากขึ้น มีพลังเพิ่มขึ้นมันมีอยู่จริง และทำได้จริงที่ไอซอพติก เท่านั้น
เราได้รับการบอกเล่าว่า แว่นโปรเกรสซีฟไม่เหมาะจะใช้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นคือเลนส์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีเก่า แต่ด้วยเลนส์โปรเกรสซีฟ เราสามารถทำทุกอย่างด้วยแว่นอันเดียว และไอซอพติกเป็นที่เดียวที่สามารถทำได้ ลองนึกอยู่ว่าจะสนุกแค่ไหน จะสะดวกแค่ไหน ถ้าเราทำทุกอย่างได้ด้วยแว่นอันเดียวไม่ต้องสลับแว่นไปมา
สำหรับลูกค้าของไอซอพติกท่านแรก ท่านเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยมีความเชี่ยววชาญในการผ่าตัดกราม ผ่าตัดรากฟัน ซึ่งเป็นงานที่สลับซับซ้อนมาก และใช้สายตาเยอะมาก ตลอดระยะเวลาการผ่าตัดหลายชั่วโมง ต้องการความละเอียด แม่นยำ ถูกต้อง เที่ยงตรงมากที่สุด
อาจารย์หมออำนวย ปัจจุบันท่านอายุ 48 ปี ในช่วงวัยก่อน 40 ปี ท่านไม่ค่อยมีปัญหา เมื่อท่านอายุ 40 ปี ก็เริ่มมีความรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น ล้าง่ายขึ้น ซึ่งอาการเหนื่อยล้าก็เพิ่มขึ้นตามวัย จนในที่สุดก็ถึงระดับที่ว่าต้องไปทำแว่น ซึ่งก็ทำแว่นจากร้านทั่วไป เมื่อใส่แล้วเห็นชัดขึ้น เหนื่อยน้อยลงนิดนึง แต่รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ รู้สึกไม่สบาย แล้วยังคงเจอปัญหาว่าพอเสร็จสิ้นการผ่าตัดในแต่ละวัน เมื่อกลับถึงบ้านก็รู้สึกไม่อยากทำอะไร รู้สึกเหนื่อยล้า อยากพักผ่อน ซึ่งเป็นอาการปกติของคนที่ต้องใช้สายตา ใช้สมองตลอดทั้งวันในวัย 40 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าคุณภาพแว่นตาไม่ดีพอก็สามารถที่จะลดการเหนื่อยล้าได้น้อย
ท่านจึงเข้ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ทางเราก็วิเคราะห์ระบบการมองเห็นอย่างละเอียด ซึ่งตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติอย่างอื่น สาเหตุมาจากการใช้สายตาเยอะ ใช้สายตากับสมองในเวลาเดียวกัน ดังนั้นโจทย์คือ ต้องทำให้อาจารย์หมออำนวย สามารถที่จะกลับมามองเห็นภาพชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด อย่างรู้สึกสบายที่สุด เหมือนกับตอนอายุ 30 ปี นี่คือโจทย์
หลักการการสร้างแว่นโปรเกรสซีฟถ้าเราสามารถที่จะคืนคุณภาพการมองเห็นให้อยู่ในระดับสูงสุดให้เหมือนตอนเป็นหนุ่ม ท่านก็จะมีพลังแห่งวัยหนุ่มกลับคืนมาใหม่ อาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจะหายไปอย่างสิ้นเชิง และทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพการทำงานของสมองเพิ่มขึ้น ทำงานได้ดีขึ้น ผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจึงสร้างแว่นโปรเกรสซีฟบนกรอบแว่นเฉพาะบุคคลที่ใช้ไทเทเนียมเกรดสูงสุด
หลังจากใช้ระยะเวลาในการผลิต 2 เดือน เมื่อท่านได้ลองใช้ดู ปัญหาทุกอย่างจบ ท่านสามารถที่จะทำการผ่าตัดได้เหมือนตอนที่ท่านอายุ 30 ปี เพียงแต่ความแตกต่างคือ ท่านมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น อุปสรรคของคนที่เป็นแพทย์ที่ต้องใช้สายตาเยอะเพื่อช่วยเหลือคนไข้คือ ตอนสายตาดี ประสบการณ์น้อย ความรู้น้อย เมื่อประสบการณ์มาก ความรู้มาก สายตาไม่ดี มันจะสวนทางกัน และสุดท้ายต้องเกษียณก่อนกำหนด ถ้าแก้ปัญหาการมองเห็นไม่ได้ ดังนั้นที่ไอซอพติกเรามีความเชี่ยวชาญในการสร้างแว่นตาให้ศัลยแพทย์ทุกท่าน ให้สามารถที่จะใช้ประสบการณ์ที่มี และสายตาที่ดีอยู่ในระดับสูงสุดในการทำงานสอดประสานร่วมกันของสมอง ตา และมือ ทำให้ประสิทธิภาพการผ่าตัด คุณภาพการผ่าตัดอยู่ในระดับสูงสุด และที่สำคัญที่สุดคือ อาจารย์หมออำนวย ได้ชีวิตคืนมา ท่านได้พลังคืนมา สนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้มากขึ้น เมื่อกลับถึงบ้านอยากจะทำอะไรก็ได้ทำ นี่คือชีวิต
การหาเลี้ยงชีวิตกับการใช้ชีวิตเหมือนไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ถ้าเราหมดสภาพกับการหาเลี้ยงชีวิตในแต่ละวัน แล้วเราจะเอาเวลาไหนไปใช้ชีวิต การใช้ชีวิตต้องทำทุกวัน การหาเลี้ยงชีวิต การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ดังนั้นที่ไอซอพติกเราเน้นปรัชญาข้อนี้ เราสร้างแว่นขึ้นมาเพื่อให้กับคนสนุกกับการทำงาน และการใช้ชีวิต การทำในสิ่งที่เราอยากทำ ไปในที่ที่เราอยากไป
ท่านที่ 2 ท่านศาสตราจารย์อาวุธ ศรีศุกรี ปัจจุบันท่านอายุ 89 ปี (ค.ศ. 2019 ) เคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ อาจารย์หมออาวุธท่านใช้เลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกมา 11 ปี ซึ่งท่านก็จะเป็นผู้ที่ใช้สายตาเยอะมาก ใช้คอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน แล้วมีการบรรยายเป็นวิทยากร ดูแลแพทย์ทั่วประเทศ ถึงแม้ปัจจุบันท่านจะอายุ 89 ปี แต่ว่าสุขภาพท่านแข็งแรงมาก
ระยะเวลา 11 ปี ที่เราได้ทำแว่นให้ท่าน เราไม่เคยรู้สึกว่าท่านเคลื่อนไหวช้าลง ท่านยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ปราดเปรียวเหมือนคนหนุ่มสาว และท่านเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก ในเรื่องของบทพิสูจน์ให้เห็นว่าแว่นโปรเกรสซีฟสามารถที่จะทำให้คนในวัย 89 ปี ทำงานได้เหมือนกับคนหนุ่มสาว ซึ่งท่านก็สามารถยืนยันได้ว่าท่านใช้สายตาได้อย่างสบายเหมือนกับตอนท่านเป็นหนุ่ม
ก่อนท่านจะเข้ามาทำแว่นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟตัวก่อนหน้านี้ อาจารย์หมออาวุฒิมีประสบการณ์ในการใช้แว่นตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ท่านใช้แว่นเยอะมาก เริ่มด้วยการใช้แว่นชั้นเดียวหลายอัน เป็นแว่นสำหรับอ่านหนังสือ 1 อัน มองไกล 1 อัน และใช้กับคอมพิวเตอร์ 1 อัน โดยหลักๆ ท่านจะมีแว่น 3 อัน เป็นแว่นชั้นเดียวทั้งหมด ต่อมาท่านก็ทดลองใช้เลนส์ที่เป็นแว่น 2 ชั้น ซึ่งท่านก็รำคาญกับการมองขึ้น-ลง ภาพกระโดดไปมา ท่านพยายามจะเปลี่ยนไปใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ ท่านพบว่าปรับตัวยากมาก ซึ่งเป็นแว่นตาโปรเกรสซีฟแบบรุ่นที่ออกแบบให้มุมมองกว้างคล้ายแว่น 2 ชั้น
ซึ่งเลนส์โปรเกรสซีฟในปัจจุบันพยายามจะทำให้มุมมองกว้าง โดยบอกว่ากว้างกว่าคือดีกว่า ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างสิ้นเชิง เลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีไม่ใช่เลนส์โปรเกรสซีฟที่อ่านหนังสือได้กว้าง แต่ต้องเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ใส่แล้วสบาย แต่ปัญหาคือเลนส์โปรเกรสซีฟที่บอกว่ากว้างกว่า ซึ่งเลนส์พวกนี้ยิ่งกว้างยิ่งใส่ไม่สบาย และยิ่งต้องถอดเข้าถอดออกเพราะรำคาญกับภาพวูบวาบด้านข้าง ดังนั้นอย่าซื้อเลนส์ที่ความกว้าง แต่จงซื้อเลนส์ที่ความสบาย เลนส์ที่กว้างแต่ใส่ไม่สบายไม่มีประโยชน์ เพราะมันไม่ได้ต่างอะไรกับแว่น 2 ชั้น เลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีต้องใส่สบาย
หลังจากท่านอาจารย์หมออาวุธใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่มุมมองอ่านหนังสือกว้างที่สุด ท่านก็ทนไม่ไหวเพราะว่า ภาพด้านข้างมันเบี้ยวเยอะมาก แล้วมันไม่สบาย แล้วใช้คอมพิวเตอร์ไม่สบายตา ซึ่งกลายเป็นว่าเวลาท่านจะใช้คอมพิวเตอร์ท่านก็ต้องเปลี่ยนแว่น หลังจากท่านทราบเรื่องเกี่ยวกับไอซอพติกว่า เป็นศูนย์สร้างแว่นเฉพาะบุคคลที่ใส่สบายที่สุด ท่านได้ทำนัดเข้ามา พอท่านได้ลองก็โอเคเลย เพราะเรามีตัวอย่างเลนส์ให้ลอง แล้วเราก็สร้างแว่นให้กับท่าน
จากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านใช้แว่นอันเดียวทำทุกอย่าง สิ่งที่ท่านค้นพบอย่างหนึ่งคือ ท่านกล้ายืนยันว่าแว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกใส่แล้วสมองทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉลาดขึ้น ทำงานได้มากขึ้น เหนื่อยน้อยลง ไม่รู้สึกว่ามีความเมื่อยล้าใดๆ แม้ต้องใช้สายตากับคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และที่สำคัญท่านสามารถบอกได้เลยว่าตลอดระยะเวลาที่ท่านใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่เป็นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ แล้วพัฒนามาเป็นโปรเกรสซีฟ 11 ปีที่ผ่านมาท่านไม่เคยรู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงลดน้อยถอยลงเลย ท่านยังสามารถคงความกระฉับกระเฉงได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่า 11 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นสายตา เป็นสมอง เป็นร่างกาย แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
เวลาที่สายตาเรามีปัญหา แล้วเราไม่ได้รับการแก้ไข จะทำให้สมองของเราต้องฝืนเพ่งในการมองเห็น ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านอื่นลดลง โดยเฉพาะในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานด้านการใช้ความคิด การประมวลผล กับ สมองส่วนที่ใช้ควบคุมการทำงานของอวัยวะในร่างกาย ในทางการแพทย์อธิบายง่ายๆ ว่า ถ้าระบบการมองเห็นเรามีปัญหาแล้วได้รับการแก้ไม่ถูกต้อง หรือ แว่นตาที่ใส่มีปัญหา ก็จะทำให้เกิดอาการปวดหัว ในหลายรายจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หลายรายมีอาการคล้ายไมเกรน
ถ้าเรามีปัญหาทางสายตา แล้วเราไม่แก้ไขให้ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ นอกจากส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองด้านความคิดแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสมองในส่วนที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายจนสามารถส่งผลให้มีอาการคล้ายกับป่วยเป็นโรคต่างๆ และถ้ามีอาการเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ อันเนื่องมาจากปัญหาทางสายตา แล้วไปพบแพทย์ด้านอื่นที่ไม่ใช่จักษุแพทย์ ถ้าเกิดบังเอิญได้รับการวินิจฉัยที่ไม่ตรงกับสาเหตุ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีระบบการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ จึงยังมีโอกาสที่จะวินิจฉัยพลาดหรือวินิจฉัยไม่ตรง ถ้าเกิดวินิจฉัยไม่ตรง แล้วถูกตีความว่าเกิดจากสาเหตุอย่างอื่น ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการจ่ายยา ซึ่งอาจจะมีผลข้างเคียง และด้วยสาเหตุหลักปัญหาทางสายตาไม่ได้รับการแก้ไข ถ้าใช้สายตาเยอะขึ้นอาการก็จะเป็นหนักขึ้น อายุเพิ่มขึ้นอาการก็จะเป็นมากขึ้น ก็ต้องเพิ่มขนาดยา ซึ่งจะทำให้ผลข้างเคียงของการใช้ยาก็เพิ่มขึ้น
ถ้าเรามีปัญหาทางสายตาแล้วเราแก้ไม่ตรงจุดหรือแก้ไม่จบ สุขภาพของเราก็จะแย่ลง แต่ถ้าเกิดว่าเรามีปัญหาทางสายตา ซึ่งมันเกิดขึ้นแน่นอนในคนวัย 40 ปีขึ้นไป ถ้าเรามีปัญหาทางสายตาแล้วเราแก้ไขอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ สุขภาพเราก็ไม่แย่ลง
อาจารย์หมออาวุธเป็นเคสที่บอกเราได้ว่าสุขภาพดีขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานดีขึ้น สมองส่วนที่ควบคุมอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานดีขึ้น อาจารย์หมอวุธท่านใช้คำว่า ร่างกายอ่อนกว่าวัย เรากำลังพยายามที่จะไปอีกก้าวหนึ่งตรงที่ว่า แว่นตาที่ช่วยให้สมอง และร่างกายเราทั้งระบบดีขึ้น ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆ ทาง ทั้งความคิด จิตใจ และร่างกาย
ปัจจุบันอาจารย์หมออาวุธอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ ท่านทำงานช่วยหน่วยงานหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องเรื่องของการแพทย์ เป็นคนที่มีลูกศิษย์มากมาย และท่านก็เป็นคนที่ช่วยทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกในการทดสอบเลนส์รุ่นใหม่ๆ เพราะว่าท่านชื่นชอบที่จะมีคุณภาพการมองเห็นที่ดีขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ไอซอพติกคิดค้นเลนส์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ท่านก็จะทำ ดังนั้นงานของเราคือ การสร้างแว่นโปรเกรสซีฟ Ultra X และรุ่นในอนาคตต่อไปที่จะเพิ่มพลังสมองได้มากขึ้นเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้ ดังนั้นที่ไอซอพติกไม่ได้สร้างแค่แว่นโปรเกรสซีฟที่ทำให้ดูใกล้ กลาง ไกลได้ ไม่ได้ทำแว่นแค่ใส่สบาย ไม่ได้ทำแว่นแค่ใส่แล้วเป็นธรรมชาติ แต่เราทำแว่นที่ใส่แล้วเพิ่มพลังสมองในระดับสูงสุด เป็นแว่นที่ใส่แล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากที่สุด แว่นที่ใส่แล้วสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้อย่างมีข้อจำกัดน้อยที่สุด เป็นแวนที่ใส่แล้วมีสุขภาพร่างกายที่ดีที่สุด
ท่านที่ 3 จะเป็น ท่านปรีชา ประกอบกิจ ปัจจุบันท่านอายุ 70 ปี ท่านได้เข้ามาทดสอบแว่นตาโปรเกรสซีฟ ในยุคนั้นยังเป็นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟอยู่ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ในยุคนั้นท่านเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย ซึ่งในยุคแรกที่ท่านเข้ามาทำแว่นที่ไอซอพติก ท่านจะต้องขึ้นพูดกับคนหลายหมื่นคนเป็นประจำ แล้วต้องดูเอกสาร ดูคอมพิวเตอร์ เดินทาง ซึ่งจะต้องใช้สายตาเยอะ และท่านเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก ในยุคนั้นท่านได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับแว่นตาของไอซอพติกว่า เลนส์ซุปเปอร์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกเป็นเลนส์ที่แพง และดีที่สุดในโลก ปัญหาของท่านคือ แว่นที่ท่านใช้มาไม่สามารถใช้ทำได้ทุกอย่าง ทุกครั้งเวลาท่านขึ้นเวทีก็จะต้องถอดเข้า-ออก ชีวิตก็วุ่นวายอยู่กับการใช้แว่นหลายอัน พอท่านได้ข่าวว่าไอซฮพติกทำได้ดีที่สุดในโลก แพงที่สุดในโลก ท่านก็ทำนัดเข้ามา ตอนท่านเข้ามาท่านก็นึกในใจว่า ถ้าไม่ดีจริงโวยแน่ หลังจากท่านได้ลองชุดทดลองเลนส์ของไอซอพติก ท่านได้อุทานว่า โอ้โห มันต้องอย่างนี้สิ และท่านก็รู้สึกว่าเกิดปรากฏการณ์ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด อย่างที่ท่านไม่เคยเป็นมาเกือบ 20 ปี ภาพแห่งความหนุ่มตอนอายุ 30 กว่าปีกลับคืนมาใหม่ จะทำอะไรก็สบาย แต่ต้องรอ 2 เดือน ถึงจะได้แว่นเพราะว่า ความละเอียดของเลนส์ ความละเอียดในการออกแบบ สร้าง ตรวจวัดทุกอย่างละเอียดกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไปเยอะ ดังนั้นลูกค้าจึงพร้อมที่จ่ายเงินหลักแสน เพราะว่าเขารู้ซึ้งถึงคุณภาพ
ท่านปรีชาแต่ท่านพูดไว้น่าสนใจมาก ท่านบอกว่า อายุยิ่งมากชีวิตก็ยิ่งลำบาก ซึ่งท่านก็พูดเหมือนกับอาจารย์หมออาวุธคือ แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ และโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีอิสระขึ้น ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เหมือนกับว่าเมื่อการมองเห็นเสื่อมสภาพตามวัย แว่นของไอซอพติกเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้กลับมามีคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด เพื่อจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
ท่านที่ 4 ท่านจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ท่านเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ด้วยหน้าที่การงาน และสไตล์ของการใช้ชีวิตของท่านจุตินันท์ ท่านเป็นคนที่ทำแว่นโปรเกรสซีฟให้ใส่ยากที่สุดในโลก เนื่องจากความสนใจของท่านจุตินันท์นั้นหลากหลายมาก ท่านเป็นคนชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาผาดโผน Outdoor สกี ว่ายน้ำ ขับรถ ตีกอล์ฟ กิจกรรมการใช้สายตาของท่านจุตินันท์จะมีความผิดแผกแตกต่าง และท่านมีโจทย์อีกข้อให้เรา ท่านชื่นชอบกับกรอบแว่นที่มีลักษณะพิเศษ เป็นดีไซน์พิเศษ ท่านมีรสนิยมที่ดีมากเรื่องกรอบแว่น ดังนั้นเรียกได้ว่าเวลาท่านมาที่ไอซอพติกแล้วนำกรอบแว่นมาด้วย แว่นของท่านจุตินันท์เป็นแว่นที่ทำยากที่สุด ต้องอาศัยการคำนวณ ทุกอย่างต้องแม่นยำหมด เฉพาะกรอบแว่นอย่างเดียวกับการออกแบบ ผลิต วัดตำแหน่ง ทุกอย่างมีความสลับซับซ้อนกว่าแว่นตาของคนทั่วไปหลายเท่า มีหลายครั้งที่เราจะต้องสั่งผลิตเลนส์ใหม่ เนื่องจากไม่สามารถประกอบหรือทำให้สมบูรณ์ได้ บางกรณีก็ต้องเสียเลนส์ถึง 3 คู่ ที่ไอซอพติกเราเป็น Perfectionist เป็นคนที่มุ่งมั่นทำงานออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด
ท่านจุตินันท์ไปทำแว่นมาแล้วหลายประเทศทั่วโลก แต่ไม่มีแว่นไหนที่เหมือนกับแว่นของไอซอพติก ความแตกต่างชัดเจนเลยคือ แว่นไอซอพติกใส่สบายทุกอัน จะหยิบอันไหนมาใส่สลับก็สามารถใส่ได้โดยไม่ต้องปรับตัว และที่สำคัญท่านจุตินันท์ทำแว่นกับเรามากกว่า 10 อัน แว่นที่ท่านทำไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ปัจจุบันนี้ท่านก็ยังใช้อยู่ถึงแม้ค่าสายตาจะไม่เท่ากัน แต่ท่านก็สามารถใส่สลับได้
ท่านเป็นพยานได้ว่า แว่นของไอซอพติกเป็นแว่นที่ใส่แล้วเป็นธรรมชาติ ใส่สบาย แตกต่างจากแว่นตาทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ท่านเลยชวนภรรยา และเพื่อนๆ มาทำแว่นที่ไอซอพติก
ท่านที่ 4 เป็นสาวสวยหุ่นนางแบบอายุ 59 ปี ท่านสาริณี อังศุสิงห์ ท่านเคยเป็น CEO ของวิทยุการบิน ตลอดระยะเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่ง CEO วิทยุการบิน ท่านจะต้องอ่านเอกสาร ดูคอมพิวเตอร์ ต้องวิเคราะห์ ต้องตรวจ ต้องเซ็น ต้องรับผิดชอบ ต้องใช้สมอง สายตา และมือติดต่อกันตลอดทั้งวันในการพิจารณาเอกสารที่มีความละเอียดซับซ้อน ถ้าเซ็นพลาดก็จะเจอกับเรื่องร้ายแรง ปัญหาร้ายแรง ซึ่งต้องเซ็นตลอดทั้งวัน ต้องใช้ความละเอียดในระดับสูงสุดในกรอ่าน พิจารณา
ท่านสาริณีก็จะเป็นตัวอย่างของคนที่ต้องใช้สายตา และสมองต่อเนื่องกันตลอดทั้งวัน ตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งที่ผ่านมาท่านสาริณีท่านมีปัญหาในการทำงานมากในช่วงวัยประมาณ 50 ปี ท่านใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงที่เป็นเลนส์ที่ออกแบบให้โซนใกล้กว้าง ให้มุมมองใกล้กว้าง ซึ่งเมื่อไปทำให้มุมมองใกล้ของเลนส์โปรเกรสซีฟกว้าง ภาพบิดเบี้ยวด้านข้างก็สูง ระยะกลางก็แคบ ทำให้ใส่ไม่สบาย ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งอาการก็คือ มองเห็นแต่ปวดหัว ถอดแว่นแล้วสบายกว่า
หลังจากทนทุกข์ทรมานอยู่หลายปีท่านสาริณีก็เข้ามาทำแว่นโปรเกรสซีฟ เราออกแบบให้ใช้มองใกล้ได้สบาย มองไกลก็สบาย มองได้ชัดทุกระยะ เคลื่อนไหวก็สบาย ผลของการทำแว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกให้ท่านสาริณี ก็สามารถช่วยให้ท่านสาริณีทำงานได้นานขึ้น อ่านเอกสารได้สบายขึ้น ทำให้การคิดวิเคราะห์รอบคอบขึ้น สบายตามากขึ้น ไม่ปวดหัว ทำให้มีความสุขกับการทำงาน และการใช้ชีวิตมากขึ้น
สำหรับคนที่ต้องใช้สายตาที่ต้องการความละเอียดสูงสามารถที่จะใช้แว่นโปรเกรสซีฟที่จะช่วยให้เราสามารถที่จะทำงานได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ แล้วก็ไม่ปวดหัว รู้สึกสบายตาตลอดทั้งวัน ที่สำคัญที่สุดคือ ไอซอพติกรับประกันเลนส์โปรเกรสซีฟทุกคู่ 180 วัน ใส่แล้วชีวิตไม่ดีขึ้น ใส่แล้วความสุขไม่เพิ่มขึ้น เอามาคืน คืนเงินให้ 100 เปอร์เซ็นต์
ท่านที่ 5 คุณวรารัตน์ ชุติมิต ปัจจุบันท่านอายุ 47 ปี ท่านเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง ม่านเข้ามาครั้งแรกตอนท่านอายุ 41 ปี ณ ตอนนั้นยังใส่แว่นชั้นเดียวอยู่ เวลาที่จะมองใกล้ก็จะต้องถอดแว่นแล้วก็ดูใกล้ๆ พอจะมองไกลก็จะใส่แว่น เราก็ทำแว่นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟให้ จนอัปเกรดขึ้นมาเป็นเลนส์โปรเกรสซีฟ หลังจากนั้นชีวิตของคุณวรารัตน์ก็เปลี่ยนไป ท่านสามารถที่จะใช้แว่นโปรเกรสซีฟ ทั้งในแง่ของการทำงาน เล่นกอล์ฟ ทำทุกอย่างเท่าที่ใจอยากทำ ด้วยแว่นอันเดียว เหมือนตอนท่านอายุ 30 ปี อารมณ์ดีขึ้น มีพลังเพิ่มขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง
ท่านที่ 7 ท่านจรินทร์ จักกะพาก เป็นอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งก็เป็นผู้บริหารระดับสูง ท่านมีประสบการณ์การใส่แว่นโปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า ในตอนที่ท่านใส่โปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า คู่ละหลายหมื่นบาท ท่านไม่สามารถใส่ขับรถได้ เพราะว่าพอมองด้านข้างมันวูบวาบ มันมองไม่เห็น มันแคบ มันไม่ชัด ภาพมันล้ม ภาพมันเบี้ยว คนใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ราคาแพง เทคโนโลยีเก่า หลายหมื่นบาท จะเจอปัญหานี้ ซึ่งปัจจุบันยังแก้ไม่ได้เพราะมันเป็นความจำกัดของแนวคิดการออกแบบเลนส์ ซึ่งท่านจรินทร์ใช้เวลาปรับตัวนานถึง 4 เดือน
สำหรับการการใช้สมองฝืนเพ่งปรับตัวเข้าหาแว่นอยู่ตลอดเวลา 4 เดือน ทำให้สมองต้องฝืนเพ่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อปรับตัวเข้าหาแว่น เป็นเหตุให้สมองมีพลังไปทำเรื่องอื่นน้อยลง ซึ่งจะลดทอนประสิทธิภาพการทำงานของสมองโดยตรงใน 2 ส่วนคือ ส่วนที่ทำงานด้านการใช้ความคิด และส่วนที่ใช้ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ทั้งสองส่วนนี้บกพร่อง ด้อยประสิทธิภาพลง ดังนั้นจึงเป็นการเสื่อม 3 อย่างคือ ตาเสื่อม สมองเสื่อม และร่างกายเสื่อม นี่คือผลของการใช้แว่นโปรเกรสซีฟคุณภาพต่ำ ดังนั้นถ้าอยากได้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดต้องโปรเกรสซีฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ultra X ของไอซอพติก
อาการของท่านจรินทร์หลังจากเลย 4 เดือนไปแล้ว ท่านก็จะมีอาการเมื่อยตา เวียนศีรษะ ไม่ว่าจะมองระยะไหนก็ตามต้องใช้เวลาในการโฟกัสภาพ ซึ่งมันทำให้การมองเห็นไม่เป็นธรรมชาติ มันฝืนธรรมชาติ ดังนั้นท่านจรินทร์จึงเข้ามาที่ไอซอพติก แล้วก็ได้ใช้โปรเกรสซีฟ ผลปรากฏว่า ท่านใส่แล้วรู้สึกได้ทันทีคือ คล่องตัวขึ้น โฟกัสภาพทุกระยะเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องมีดีเลย์ โฟกัสภาพเร็ว และเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่าต้องปรับเข้าหาแว่น ไม่มีอาการปวดตา และเมื่อยตาเลย
ท่านจรินทร์จึงบอกว่า ท่านสามารถใส่แว่นได้ทั้งวัน เพราะว่ามันใส่สบาย เคลื่อนไหวทุกอย่างได้สบายมาก ไม่มีปัญหาเรื่องภาพวูบวาบด้านข้างเลย ขับรถสบายมาก มองกระจกขวา-ซ้ายสบาย ดังนั้นท่านจรินทร์สามารถยืนยันถึงความแตกต่างระหว่างโปรเกรสซีฟ ราคาแพงทั่วไป กับ โปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก