แว่นอัลตร้าโปรเกรสซีฟเหนือกว่าแว่นโปรเกรสซีฟธรรมดาอย่างไร ในรายการคุยข่าว 10 โมง

พิธีกร : กลับมาคุยข่าวในช่วงนี้ครับ ท่านผู้ชมครับ อยากจะให้ท่านผู้ชมที่มีปัญหาสายตาใครที่สวมใส่แว่นตาอยู่ให้ติดตามในช่วงนี้ เพราะว่าความเข้าใจเราคิดว่าแว่นตาที่เรียกว่าโปรเกรสซีฟแบบปรับสายตาอัตโนมัติคือที่สุดของเลนส์แว่นตาแล้ว แต่วันนี้อยากจะนำเสนอนวัตกรรมเป็นเทคโนโลยีใหม่เรียกว่าอัลตราโปรเกรสซีฟ จะเหนือกว่าโปรเกรสซีฟธรรมดาอย่างไร วันนี้พูดคุยกับปรมาจารย์โบบิ จากศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกครับ สวัสดีครับอาจารย์ครับ

ปรมาจารย์โบบิ : สวัสดีครับ

พิธีกร : สวัสดีครับอาจารย์ ก่อนอื่นถามอาจารย์ก่อนเลยว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของผู้ใช้แว่นโปรเกรสซีฟเป็นยังใงครับ

ปรมาจารย์โบบิ : โปรเกรสซีฟคือเลนส์ที่มีหลายกำลังเลนส์ในเลนส์เดียว ซึ่งออกแบบมาช่วยเหลือคนที่อายุ 40-100 ปี ให้สามารถที่จะมองได้ชัดทุกระยะ โดยไม่ต้องถอดเข้า ถอดออก

พิธีกร: จะใกล้จะกลางยังใงมองชัดได้หมด

ปรมาจารย์โบบิ : มองได้ครับ ซึ่งมีมา 100 ปีแล้วครับ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือใส่ไม่สบาย เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังเลนส์ไม่ละเอียดพอ แล้วก็เวลาใส่จะมีภาพบิดเบี้ยวด้านข้างสูง คือจะเห็นโต๊ะเบี้ยว เห็นชามข้าวเบี้ยว แล้วก็เวลาหันศีรษะจะเกิดคลื่นรบกวน ภาพจะวูบวาบ จะเวียนหัว หลายรายมีอาการอาเจียน ใส่แล้วเดินกะระยะไม่ได้ พื้นลอย เห็นพื้นเป็นหลุมลึกลงไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ถึงแม้จะเป็นเลนส์คู่ละหลายหมื่นบาทก็ยังคงไม่สามารถที่จะแก้ได้ แต่ก็มีบางคนใส่ได้ เพราะบังเอิญมีสภาพตา มีพฤติกรรมการใช้สายตาบังเอิญไปพอดีกับเลนส์แบบสำเร็จรูปที่ทำออกมา ใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ตาคนส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากที่ซื้อเลนส์หลายหมื่นบาทมาใส่ แต่ใส่แล้วไม่สบาย กะระยะไม่ได้ โฟกัสภาพลำบาก สุดท้ายก็คือถอดแล้วก็ใส่ถอด ถอดใส่ สุดท้ายแล้วก็คือไม่ใส่ นั้นคือปัญหาของแว่นโปรเกรสซีฟแบบเก่า ซึ่งไม่ได้ออกแบบเฉพาะบุคคลครับ

พิธีกร: แล้วโปรเกรสซีฟที่วันนี้พูดถึงป็นนวัตกรรมอย่างไรครับ

ปรมาจารย์โบบิ : โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่ฉีกกฏข้อจำกัดทุกข้อของเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ด้วยการเปลี่ยนแนวคิดของการทำใหม่หมดด้วยการทำแว่นเข้าหาตัวบุคคลอย่างเฉพาะเจาะจง ตามค่าสายตา ตามพฤติกรรมการใช้สายตา ตามตำแหน่งดวงตา ซึ่งละเอียดกว่าหลายล้านเท่า ดังนั้นในทุกจุดของเลนส์ไม่ว่าเราจะมองอย่างไรก็ตาม เลนส์จะถูกสร้างขึ้นมา ในพื้นที่ 0.001 มิลลิเมตร ในแต่ละจุดก็จะคำนึงถึงค่าสายตายาว สายตาสั้น สายตาเอียง ตาเขซ้อนเร้น สายตายาวระยะใกล้ ทุกอย่างถูกเอามาคำนวณหมด หลังจากนั้นคำนวณถึงการทำงานร่วมกันของตาสองข้างว่า เมื่อเหลือบไปทางซ้ายก็จะมองผ่านด้านข้างของเลนส์ส่วนไหนบ้าง ทางขวาส่วนไหนบ้าง เอามาคำนวณร่วมกันหมด

พิธีกร : เรียกว่าละเอียดกว่าโปรเกรสซีฟธรรมดา

ปรมาจารย์โบบิ : แต่ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายในการผลิต การสร้างมันแพงกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไป ในระดับหลายร้อยเท่า ต้นทุนการผลิตคู่หนึ่งหลายล้านบาท ต้นทุนที่ใช้จริงๆ อยู่ในระดับหลายล้านบาท แต่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกสามารถที่จะทำให้ต้นทุนลดลงด้วยการสั่งผลิต ที่มีจำนวนออเดอร์เยอะพอที่จะลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้คำนวณ ตัวเครื่องจักรที่ใช้ผลิต ทำให้ราคาลดลงจากหลายล้านบาทลดมาคู่ละล้าน และก็สุดท้ายเราก็ทำให้เหลือคู่ละ 300,000 บาท

พิธีกร : จากหลายล้าน มาเหลือล้านหนึ่ง และก็มาเหลือ 300,000 บาท

ปรมาจารย์โบบิ : ใช่ครับ เพื่อให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้แล้วที่สำคัญ คือ เราพัฒนาต่อจนสามารถที่จะจัดโปรโมชั่น ด้วยการเอางบโฆษณาจากต่างประเทศเข้ามาช่วยทำให้คุณผู้ชมสามารถเป็นเจ้าของแว่นโปรเกรสซีฟ กับกรอบแว่นสั่งผลิตเฉพาะบุคคลที่ดีที่สุดในโลก ที่ทำด้วยไทเทเนียมในราคาจาก 300,000 กว่าบาท เหลือแค่ประมาณ 150,000 บาท

พิธีกร : แล้วมันดียังใงบ้างครับอาจารย์

ปรมาจารย์โบบิ : ดีก็คือ ทำให้สมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องเพ่งมอง ทำให้คนในวัย 60 ปี กลับมาใช้สายตา เหมือนกับอายุ 30 อีกครั้ง ให้ภาพคมชัดสมจริงทุกระยะ

พิธีกร : ที่บอกว่าคนใช้แว่นไม่ต้องปรับตัวเข้าหาแว่นคืออย่างไรครับ

ปรมาจารย์โบบิ: ไม่ต้องปรับตัวครับ ตัวแว่นจะถูกสร้างเข้าหาตัวผู้ใช้

พิธีกร.: เข้าหาตัวผู้ใช้เองเลย ของแต่ละคนเลยใช่ไหมครับ

ปรมาจารย์โบบิ : ใช่ครับ ไม่ได้ทำ ไม่ได้ประกอบ ไม่ได้ผลิต แต่คือการสร้างใหม่

พิธีกร : มีกรรมวิธีในการวิเคราะห์วัดสายตาคนอย่างไรครับ

ปรมาจารย์โบบิ : โปรเกรสซีฟต้องเริ่มตั้งแต่วิเคราะห์พฤติกรรม วิเคราะห์ค่าสายตาที่ความละเอียดมากกว่าปกติ 4 เท่า แล้วต้องวิเคราะห์การทำงานของตาทั้งสองข้างทุกระยะ การวัดสายตาในปัจจุบันเรายังใช้เทคโนโลยีสมัยร้อยปีก่อนในการตรวจ แต่ที่ไอซอพติก เราสร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้นเราจะทำการตรวจว่าตาขวาเห็นค่าอย่างไร ตาซ้ายเห็นค่าอย่างไร เมื่อรวมแล้วจะเห็นภาพอย่างไร แล้วทำการชดเชยภาพในแต่ละระยะ เพื่อจะให้สมองไม่ต้องฝืนเพ่ง สรุปคือเราสร้างแว่นตาที่ลดภาระการทำงานของสมองลงให้ได้มากที่สุด เพื่อจะให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

พิธีกร : มีคำยืนยันยังใงบ้างไหมครับ ว่าผู้ที่ใช้แล้วสมองมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ปรมาจารย์โบบิ : คำยืนยันสามารถติดตามได้ที่ WWW.ISOPTIK.COM

พิธีกร : อาจารย์พอบอกตัวอย่างให้เห็นภาพของคนที่ใช้ และประสิทธิภาพการทำงานสมองของเขาเพิ่มมากขึ้นไหมครับ

ปรมาจารย์โบบิ: ก็จะมี ท่าน ปรีชา ประกอบกิจ อดีตกรรมการผู้จัดการแอมเวย์ ท่านมีประสบการณ์ก็คือท่านพยายามใส่แว่นโปรเกรสซีฟมาเยอะแล้ว ก็ใส่ไม่สบาย ต้องใส่ถอด เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ชีวิตวุ่นวาย พอท่านมาที่ไอซอพติก เพราะว่าท่านรู้ว่าไอซอพติก มีแว่นที่ดี และแพงที่สุดในโลก เป็นแว่นโปรเกรสซีฟ พอได้ใส่ก็ร้อง ว้าว ทุกอย่างเหมือนได้กลับมาเป็นหนุ่ม ทำอะไรก็คล่องไปหมด

พิธีกร : แตกต่างกันชัดเจนเลยใช่ไหมครับ ระหว่าง โปรเกรสซีฟธรรมดาและโปรเกรสซีฟ

ปรมาจารย์โบบิ : ต่างกันเยอะครับ คือใส่แว่นธรรมดาสมองจะต้องปรับเข้าหาแว่นตลอดเวลาทำให้ล้า ทำให้เหนื่อย พอมาใส่แว่นโปรเกรสซีฟใส่แล้วทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้น พอกลับไปใส่แว่นธรรมดาจะปวดหัว และทำงานไม่ได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์

พิธีกร : แตกต่างอย่างชัดเจนเลยใช่ไหมครับ

ปรมาจารย์โบบิ: ชัดเจน ไม่สามารถใส่รวมกันได้

พิธีกร : ถ้าจะบอกว่าใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ได้ไหมครับ

ปรมาจารย์โบบิ : ได้ครับ ใส่แว่นโปรเกรสซีฟไป จะไม่รู้สึกว่าใส่แว่นอยู่ จะเหมือนว่าตัวแว่นเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายได้เลย จะไม่รู้สึกว่าแว่นบังคับอยู่

พิธีกร : ใครบ้างเหมาะที่จะใช้แว่นโปรเกรสซีฟครับ

ปรมาจารย์โบบิ : คนที่ต้องใช้สมองในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เศรษฐกิจแย่ยิ่งต้องใช้สมองเยอะ เพราะต้องทำงานมากขึ้น คนที่จะได้ประโยชน์จากแว่นไอซอพติกมากที่สุด คือคนที่ใช้สมองมากที่สุด คนที่ได้ประโยชน์น้อยก็คือคนที่ใช้สมองน้อย แว่นไอซอพติก ถ้าเอาไปใส่ทำมาหากิน ผมยืนยันว่าใส่แล้วรวย

พิธีกร : เพราะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น

ปรมาจารย์โบบิ : ใช่ครับ เพราะว่าคนเรามีสองทางคือ ทำงานหนักและทำงานให้ฉลาด ทำงานหนักคือ เพิ่มเวลาเปิดร้านขายของมากขึ้นจากเดิมเปิด 8 ชั่วโมง เป็น 16 ชั่วโมง ทำงานให้ฉลาดคือ เอาของที่ขายดีมาขาย ของที่ขายไม่ดีก็ไม่สั่งเข้ามา และของที่ขายไม่ดีก็เอามาลดราคา คนทำงานฉลาดหาเงินได้มากกว่าคนที่ทำงานหนักหลายเท่า

พิธีกร : แว่นอันนี้จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

ปรมาจารย์โบบิ : ใช่ครับ คนเราพอฉลาดขึ้น ก็หาเงินได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเหนื่อยมากขึ้น รวยขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง

พิธีกร : ลองสอบถามเข้าไปดูนะครับ ปัจจุบันอย่างที่อาจารย์บอกว่าไม่ต้องเสียเงินเป็นล้านแล้ว ในราคา 150,000 บาท กับแว่นตาโปรเกรสซีฟ เรามีช่องทางที่จะให้ติดต่อ เป็นหมายเลขที่ขึ้นอยู่ สายตรงปรมาจารย์โบบิ 097-454-9944 และที่ LINE : @isoptik

พิธีกร: เว็บไซต์ก็ https://www.isoptik.com ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก อยู่ที่ตึก AIA CAPITAL CENTER ตรงรัชดา

ปรมาจารย์โบบิ: ใช่ครับ สำหรับผมโทรมาได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พิธีกร: วันนี้ขอบพระคุณนะครับอาจารย์ วันนี้เราสองคนลาพร้อมกันเลยนะครับ สวัสดีครับ