พิธีกรหญิง :
กลับมาช่วงนี้นะคะคุณผู้ชม น่าจะเป็นสิ่งที่คุณอภิชาติคุ้นเคยมาก่อน
พิธีกรชาย :
คือเมื่อก่อนรู้ดีเลยครับว่า เลนส์มีกี่แบบ กี่ชนิด ยี่ห้อดังมาจากไหน เค้าใช้เทคโนโลยีอะไร คือเป็นประเภทที่ว่า จะซื้ออะไรต้องหาข้อมูลมาก่อนครับ
พิธีกรหญิง :
ใช่ค่ะ คือเอาจริง ๆ คุณผุ้ชมหลายคนก็ยังมีความเชื่ออยู่นะคะ ว่าเรื่องของกรอบแว่น เรื่องของเลนส์ ที่คุณภาพดี จะต้องมาจากต่างชาติเท่านั้น แต่จริง ๆ คนไทยเก่งมากนะคะ เราจะพาไปดู เขามีการพัฒนาเป็นแว่นตาที่เป็นเลนส์ 3 มิติ รายแรกของโลกด้วย เดี๋ยวเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
( ปั้นร้านแว่นคนไทยสู่ระดับโลก )
ปรมาจารย์โบบิ :
ผมเกิดในครอบครัวที่ทำร้านแว่นระดับไฮเอนด์ของคุณพ่อ ชื่อร้านสว่างการแว่นที่จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นร้านแว่นที่มีชื่อเสียง ทำแว่นแพงแต่ดี แล้วก็มีฝีมือ ใส่สบาย ใส่แล้วแตกต่างจากร้านแว่นทั่วไปในยุคนั้น จนคนทั้งประเทศจะต้องเดินทางไปทำแว่นที่จังหวัดตรัง ตอนผมเห็นการทำงานของคุณพ่อ รู้สึกอลังการมาก
ในสมัยวัยเด็ก ผมเห็นการทำงาน เห็นลูกค้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย จนร้านแทบไม่มีที่ยืน ตอนผม 7 ขวบ ผมฝันเห็นคนทั้งโลกเดินทางมาทำแว่นกับผม เนื่องจากผมทำแว่นได้ดีที่สุดในโลก พอถึงตอนเช้าผมได้ไปเล่าความฝันให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อก็บอกว่า ถ้าเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง ผมก็เลยตั้งใจตั้งแต่วันนั้นว่า จะทำแว่นที่ดีที่สุดในโลกให้ได้
หลังจากใช้เวลาหลายสิบปี ผมก็สามารถทำได้สำเร็จ แต่ว่าครอบครัวผมมีความพึงพอใจที่จะทำร้านแว่นระดับจังหวัดเท่านั้น ส่วนผม ผมมุ่งมั่นที่จะเป็นอันดับ 1 ของโลก ก็ทำแว่นให้ดีที่สุดในโลก ก็เป็นแว่นโปรเกรสซีฟ ซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ และโปรเกรสซีฟ จนเปิดเป็น ไอซอพติก
ปัจจุบันเราสามารถทำแว่นได้ดีที่สุดในโลกแล้ว ทีนี้แผนต่อไป คือ การรุกสู่ตลาดโลก จะเริ่มที่ประเทศจีนเป็นประเทศแรก ซึ่งอยู่ระหว่างการระดมทุนจากกลุ่มทุนต่างๆ เพื่อที่จะไปเปิดที่เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง คุนหมิง ต้าหลี่ กว่างโจว เชินเจิ้น นะครับ แล้วก็คนจีนมีรสนิยมกล้าซื้อของ แต่ประสบการณ์ผมเนี่ย เศรษฐีพันล้านหลายคน ไม่กล้าจ่ายเงิน 100,000 บาท เพื่อซื้อแว่นที่ดีที่สุดให้กับตัวเองนะครับ แต่ที่จีนไม่ใช่ ที่จีนกล้าซื้อครับ ปกติแล้วคนเราจะมีความสามารถในการมองเห็นได้ดีที่สุดในวัยเด็ก แล้วเมื่ออายุมากขึ้น จนถึงอายุ 40 ปี ความสามารถในการมองเห็นจะลดลงนะครับ พออายุ 40 ปี ขึ้นไป ความสามารถในการเพ่งมองระยะใกล้เริ่มจะไม่พอ เริ่มจะต้องใส่แว่น พออายุยิ่งมากขึ้น ความสามารถในการมองเห็นก็จะยิ่งลดลงมากขึ้น ทีนี้คนเรามองดูด้วยตา มองเห็นด้วยสมอง ทีนี้เมื่อภาพที่จอประสาทตาไม่คมชัด สมองจะสั่งการให้เพ่ง เมื่อเพ่งแล้วชัดจึงฝืนเพ่ง ทีนี้ก็จะเกิดปัญหาก็คือจะเกิดอาหารล้า เหนื่อย แล้วมันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ทำให้การทำงานด้านความคิดลดลง ความสามารถในการวิเคราะห์ลดลง ความเหนื่อยล้าก็จะรวดเร็วตามวัยที่เพิ่มขึ้นครับ
( โปรเกรสซีฟ ดิจิตอล 3D แตกต่างอย่างไร )
ปรมาจารย์โบบิ :
โปรเกรสซีฟธรรมดายังมีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วในการโฟกัสภาพยังช้าอยู่ ความสบายในการสวมใส่ยังไม่เป็นธรรมชาติ ยังมีภาพบิดเบี้ยวด้านข้างในระดับที่สูงอยู่ ทำให้ทุกครั้งเวลาหันศรีษะจะรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ และรู้สึกว่าถูกรบกวนด้วยภาพบิดเบี้ยวด้านข้างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเวลาจะหาระยะชัดแต่ละระยะ จะต้องหันศีรษะเพื่อหาระยะอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ รู้สึกเหมือนกับถูกจำกัดด้วยแว่นตลอดเวลา สมองก็ต้องฝืนเพ่งปรับตัวเข้าหาแว่นอยู่ตลอดเวลา
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเราตระหนักถึงปัญหานี้ จึงคิดค้น พัฒนา เลนส์แว่นตาซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ เมื่อสมัย 12 ปีที่แล้ว เพื่อจะให้ได้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที และใส่สบาย แล้วเราก็พัฒนาต่อเป็นโปรเกรสซีฟ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อให้ได้แว่นที่ใส่แล้ว รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่แว่น เหมือนได้กลับไปอายุ 30 ปี อีกครั้งซึ่งให้ภาพคมชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด โดยไม่ต้องใช้สมองฝืนเพ่ง เทคโนโลยีนี้ใช้วิธีการออกแบบแว่นเข้าหาตัวบุคคล ใช้การผลิต คำนึงถึงการกรอกตาร่วมกันของตาทั้งสองข้าง เพื่อให้ได้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใส่แล้วเป็นธรรมชาติ ใส่สบายในทุกระยะ นี่เป็นนวัตกรรมของคนไทย ของไอซอพติก แล้วก็ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตเลนส์ยักษ์ใหญ่ในเยอรมนีหลายบริษัท ในการสร้างเลนส์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในเวลานี้นะครับ
ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว เดิมทีทางเยอรมนีได้ทำการทดสอบในยุโรปแล้วประสบความล้มเหลว เนื่องจาก การตรวจวัดที่ผิดพลาด การออกแบบที่ผิดพลาด การวัดตำแหน่งที่ผิดพลาด ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ทำให้เลนส์คู่ละแสน ทำงานเหมือนกับเลนส์คู่ละพันนะครับ แต่ไอซอพติกเป็นผู้ที่ทำให้เลนส์คู่ละแสน ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับหลาย ๆ ประเทศครับ
ส่วนใหญ่ผู้สูงวัยจำนวนไม่มากสามารถที่จะปรับตัวเข้าหาแว่นโปรเกรสซีฟแบบธรรมดาได้ ดังนั้นที่ไอซอพติก เราจึงได้คิดค้นเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ รุ่นประหยัด ที่ในราคากรอบพร้อมเลนส์ จะมีราคาแค่ 18,800 บาท ให้สามารถที่จะใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง กับผู้สูงวัยที่มีงบประมาณจำกัด
ในอนาคตเราจะสร้างเลนส์ที่มองเห็นในที่มืด หรือ ในเวลากลางคืนได้ดีขึ้น มองเห็นภาพได้คมชัดขึ้น และพยายามที่จะลดภาระการทำงานของสมองส่วนของการมองเห็นลงให้ได้มากที่สุด เพื่อจะให้ลูกค้าทุกคน สามารถที่จะสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ด้วยพลังสมองที่เพิ่มขึ้น หลายคนไม่เข้าใจ คือ เมื่อคุณภาพแว่นไม่ดีพอ สมองต้องฝืนเพ่ง ดังนั้นประสิทธิภาพการทำงานของสมองจึงลดลง วิธีง่ายที่สุดที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้แบบก้าวกระโดด คือ เพิ่มคุณภาพการมองเห็นครับ
อันนี้เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ระบบดิจิตอล 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด ราคาคู่ละ 300,000 บาท รวมกรอบเข้าไปก็ราคาประมาณ สามแสนต้น ๆ ครับ แต่ช่วงนี้เรามีโปรโมชั่นก็เหลือประมาณ หนึ่งแสนกลาง ๆ ครับ
อันนี้จะเป็นสั่งทั้งกรอบ สั่งทั้งเลนส์ ถ้าเราดูตรงนี้ก็จะมีการสลักชื่อ ซึ่งตัวอักษรที่เห็นอยู่นี้ก็จะเป็นชื่อลูกค้าครับ
อันนี้ประดับเพชรสีชมพู ส่วนขาแว่นทำด้วยทองคำขาว ราคา อันละ 20 ล้านบาท และมีอันเดียวในโลก ตอนนี้ถึงแม้จะมีเงิน 30 ล้าน ก็ซื้อไม่ได้ครับ
พิธีกรชาย :
คือต้องบอกว่าจริง ๆ หลายท่านอาจไม่รู้นะครับ แต่ว่าบริษัทไทยอันนี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งเหมือนกัน ที่มีการพัฒนาเป็นเลนส์ที่เป็นชิ้นพิเศษนะครับ ต้องบอกว่าฝีมือเราก็ดีจริง ๆ นะ นี้แบบไปไกลมากด้วยนะครับ
พิธีกรหญิง :
ก็คือต้องชื่นชมกับวิสัยทัศน์ด้วยกับการปั้นเบรนด์คนไทย แต่ว่าไปโด่งดังไกลถึงระดับโลกนะคะ อันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างนะว่า คนไทยก็เก่งจริง ๆ นะคะ
พิธีกรชาย :
ทำก็ทำได้ดีด้วยนะครับ