Market Plus

“ Life is too short to limit your vision ”
“ คุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ”

เลนส์แว่นตาระดับไฮเอนด์เพื่อคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดทุกระยะในเสี้ยววินาที

การมองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด คือ ความสามารถในการมองเห็นของวัยหนุ่มสาว แต่เราเริ่มสูญเสียความสามารถนี้ไปในวัย 40 ทำให้ประสิทธิ์ภาพในการทำงาน ลดลงอย่างรวดเร็ว เหนื่อยล้าง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นชั่วโมง หรืออ่านเอกสารจำนวนมาก อาการเหล่านี้เกิดจากความสามารถในการเพ่งลดลงตามวัย จนไม่สามารถโฟกัสภาพได้คมชัดที่ระยะอ่านหนังสือปกติได้อีกต่อไป เรียกว่าอาการสายตายาวระยะใกล้

แว่นสายตาชั้นเดียว เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มมีใช้กันเมื่อ 700 กว่าปีก่อน ในการแก้ไขอาการสายตายาวระยะใกล้ แม้จะช่วยให้มองภาพระยะใกล้ได้ชัดขึ้น แต่ต้องถอดออก หรือมองลอดแว่น เมื่อมองไกล จึงไม่ค่อยสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีอาการสายตายาวระยะใกล้ ที่มีสายตาสั้น หรือสายตายาว หรือสายตาเอียงระยะไกลร่วมด้วย ทำให้ต้องใช้แว่นสายตาสองอัน ถอดเข้า ถอดออก สลับใส่ไปมา เมื่อมองไกล หรือมองใกล้

เบนจามิน แฟรงคลิน นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดแว่นสายตาชนิดสองชั้นเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากเขามีอาการสายตายาวในระยะไกล ทำให้ต้องใส่แว่นสายตายาวสำหรับมองไกลตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ แต่เมื่อเขาอายุได้สี่สิบกว่าปีก็เริ่มมีอาการสายตายาวระยะใกล้ จึงต้องมีแว่นสายตาสำหรับอ่านหนังสือโดยเฉพาะ หลังจากใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับการพกแว่นสายตาสองอัน ถอดใส่สลับกันเมื่อมองไกลหรือมองใกล้อยู่หลายปี เขารู้สึกไม่สะดวกเป็นอย่างยิ่ง จึงออกแบบแว่นตาสองชั้นด้วยการใช้เลนส์สายตายาวระยะไกลชิ้นหนึ่ง ฝนเป็นครึ่งวงกลมยึดติดกับด้านบนของกรอบแว่น แล้วใช้เลนส์สายตายาวระยะใกล้อีกชิ้นหนึ่งยึดติดกับด้านล่างของกรอบแว่น ทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะไกลด้วยการมองผ่านเลนส์ชิ้นบน และอ่านหนังสือได้ชัดเจนด้วยการมองผ่านเลนส์ชิ้นล่าง ซึ่งนับว่าเป็นเทคโนโลยีแว่นตาที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น และยังคงมีใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

แว่นตาแบบชั้นเดียวและแบบสองชั้น แม้จะช่วยให้มองภาพระยะใกล้ได้ดีขึ้น แต่อาจทำให้สายตาเสื่อมก่อนวัยอันควร เนื่องจากในชีวิตประจำวันที่สวมแว่นอ่านหนังสือแล้วเผลอมองไกลกว่าจุดโฟกัสของกำลังเลนส์ ทำให้ระบบการมองเห็น พยายามปรับให้เข้ากับระยะโฟกัสที่ไกลขึ้น เป็นผลให้ต้องเพิ่มกำลังเลนส์แว่นตาเร็วกว่าปกติ จึงมีการพัฒนาต่อเป็นเลนส์แว่นตาแบบสามชั้น ให้มีชั้นกลางสำหรับมองในระยะสุดปลายมือ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

แต่เลนส์แว่นตาแบบสองชั้นและสามชั้น นอกจากแลดูไม่สวยงามแล้ว และยังคงมีปัญหาเรื่องตำแหน่งของภาพกระโดดไปกระโดดมา เมื่อเปลี่ยนระยะการมองอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ หาระยะชัดได้ช้า และใส่ไม่สบาย ในปัจจุบันมีผู้ใช้แว่นตาจำนวนมาก ไม่สามารถปรับตัวเข้าหาเลนส์แว่นตาสองชั้นหรือสามชั้นได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินบนพื้นต่างระดับเช่น บันได หรือ พื้นที่ลาดชัน หรือขึ้นลงยานพาหนะ ในแต่ปีมีผู้เริ่มใช้เลนส์แว่นตาสองชั้นและสามชั้นเป็นครั้งแรกหลายพันราย เผลอมองพื้นด้วยเลนส์สำหรับอ่านหนังสือ ทำให้กะระยะผิดพลาด เป็นเหตุให้ลื่นหกล้มจนได้รับบาดเจ็บ

เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีอื่น ที่มีจำหน่ายทั่วไปในปัจจุบัน ให้ความคมชัดต่ำปรับตัวยาก มุมมองแคบ หาระยะชัดได้ช้า ใส่ไม่สบาย ในแต่ละปีมีผู้ใช้จำนวนมากทั่วโลกเสียเงินหลายหมื่นบาท ซื้อเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงเทคโนโลยีอื่นเหล่านี้แต่ไม่สามารถใช้งานได้จริง

ปัจจุบัน มีเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อระดับไฮเอนด์เทคโนโลยีล่าสุดจากเยอรมัน ที่ออกแบบและ ผลิตเลนส์กำลังเลนส์ได้ละเอียดกว่าเลนส์แว่นตาเทคโนโลยีอื่นถึง 25 เท่า ตามตำแหน่งการใช้งานจริงของผู้ใช้แต่ละคนบนกรอบแว่นแต่ละอัน ปรับตัวได้ทันที มุมมองกว้าง หาระยะชัดได้อย่างรวดเร็ว รองรับความโค้งของกรอบแว่นได้ถึง 25 องศา หากตรวจวัดประกอบอย่างถูกต้อง จะได้แว่นตาที่ใส่สบาย มองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด เหมือนได้กลับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ราคาตั้งแต่คู่ละแสนจนไปจนถึงคู่ละสี่หมื่นบาท

เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกขณะนี้ อยู่ที่ ERAWAN BANGKOK สี่แยกราชประสงค์นี่เอง วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ปรมาจารย์โบบิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ที่มีลูกศิษย์หลายพันคนในหลายประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นศูนย์แว่นตาระดับไฮเอนด์ที่ดีที่สุดในโลก

จากความใฝ่ฝันในวัยเยาว์ของทายาทร้านสว่างการแว่น จังหวัดตรัง ว่า ‘อยากจะทำแว่นตาให้ดีที่สุดในโลก’ เป็นความใฝ่ฝันที่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านแว่นสายตาทั่วโลก ‘ไม่กล้าแม้แต่จะคิด’ แต่เขาคนนี้กลับพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า ความฝันนั้นเป็นจริงได้ หลังจากทุ่มเทเวลาหลายสิบปีกับการศึกษา ค้นคว้า หาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นสายตาจากทั่วโลก แล้วนำมาต่อยอดพัฒนาจนสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ของการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเทคโนโลยีล่าสุดในระดับโลก ที่ตรวจวัด ออกแบบ ผลิต ประกอบอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ใช้แว่นสายตาแต่ละคน ทำให้ได้แว่นสายตาที่ให้คุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด และใส่สบาย
หลังจากสร้างสถิติจำหน่ายเลนส์แว่นตาระดับไฮเอนด์อันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักของวงการแว่นสายตาในหลายประเทศ จนได้รับเชิญให้สอนเรื่องการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อขั้นสูงแบบทวีคูณ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกว่า สอนเข้าใจง่าย นำไปใช้ได้ทันที สร้างยอดขายแบบทวีคูณจากความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้จริง และได้รับการยอมรับจากลูกศิษย์หลายพันคนทั่วโลกว่า “ มาสเตอร์โบบิ เป็นมือวางอันดับหนึ่งด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นระดับไฮเอนด์ ” เส้นทางสู่ความฝันของเขาคนนี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมาแล้วทั่วโลกว่า “ ถ้าเชื่อ ก็ทำได้ทุกสิ่ง ”

เหตุจุดประกายจากคุณยายผู้ตาบอด

ย้อนภาพกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน ในร้านสว่างการแว่น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดตรัง เด็กน้อยโบบิ ทายาทคนที่ 6 ของ นายสว่าง และ นางนภาพร เชาวนโกศล เจ้าของร้าน “สว่างการแว่น” จะออกมาวิ่งเล่น อยู่ในร้าน ท่ามกลางความพลุกพล่านของลูกค้าที่ยืนรอคิวตรวจวัดสายตาประกอบแว่นจนแทบไม่มีทางเดิน ขณะที่เด็กวัยเดียวกันเล่นซนสนุกสนานไปวันๆ นั้น เขากลับสนใจการทำงานของเครื่องมือตรวจวัดสายตาประกอบแว่น ชอบแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ และมักจะชอบขลุกอยู่กับผู้ใหญ่ เป็นเด็กช่างเจรจาพาที ทำให้เขามีภูมิความรู้มากกว่าวัย สิ่งที่เขาเห็นติดตามาตั้งแต่เด็ก คือการประกอบวิชาชีพทางด้านแว่นสายตาของคุณพ่อคุณแม่ กับช่างประกอบแว่นในร้าน และพนักงานกว่า 10 ชีวิตที่ต่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับลูกค้า ตั้งแต่เช้ายันปิดร้าน และความฝังใจที่สุด คือการที่เขาเกิดมาในช่วงเวลาที่คุณยายสูญเสียการมองเห็น และจากไปด้วยอาการอันสงบในเวลาต่อมา โดยไม่มีโอกาสเห็นหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นคือ ‘ความทรงจำ’ ที่เด็กน้อยโบบิรับรู้และผูกพันมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ และเรื่องของคุณยายก็ได้ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งในหัวใจของเด็กน้อยโบบิเสมอมา

“...ผมมีคุณยายเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียว เพราะ คุณปู่ คุณย่า และคุณตา ท่านล่วงลับไปก่อนผมเกิด คุณยายท่านสูญเสียการมองเห็นก่อนผมเกิดไม่กี่เดือน ผมจึงเป็นหลานคนแรกที่ท่านมองไม่เห็น เรารู้สึกเลยว่าท่านไม่มีความสุข เหมือนกับท่านไม่อยากจะอยู่ ก็นึกอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าโตขึ้น อยากจะทำให้คนที่ตาบอดกลับมามองเห็นได้ หรือคนที่กำลังจะมองไม่เห็น กลับมามองเห็นชัดขึ้นได้ จึงคิดตั้งแต่สมัยเด็กๆ ว่าอยากเป็นหมอตา เป็นจักษุแพทย์ นั่นคือความฝันแรกในวัยเด็กของผม”

วันหนึ่ง เมื่อเด็กน้อยโบบิ อายุได้ 7 ขวบ ลูกค้าคนหนึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของเด็กน้อยคนนี้ไปตลอดกาล ขณะที่คุณพ่อกำลังประกอบแว่นสายตาให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มีผู้ติดตามหลายคน โดยมีเด็กน้อยโบบิเกาะโต๊ะเฝ้าดูช่างประกอบแว่นฝนเลนส์เข้ากรอบแว่นอยู่ใกล้ๆ เครื่องแบบที่แลดูภูมิฐานของลูกค้าท่านนี้สร้างความสนใจให้กับเด็กน้อยโบบิเป็นอย่างมาก ขณะกำลังเพ่งดูเครื่องแบบของลูกค้าท่านนี้อยู่นั้น ก็ได้ยินลูกค้าท่านนี้คุยกับคุณพ่ออย่างสนิทสนมเป็นกันเองว่า

“…หลายปีมานี้ ผมต้องย้ายไปรับราชการในหลายจังหวัด แต่ทำแว่นที่ไหนก็ใส่ไม่สบายเหมือนกับแว่นที่ทำกับนายห้าง ลองมาหลายร้านแล้ว ใส่ไม่สบาย สุดท้ายก็ต้องเอาแว่นอันเก่าที่ตัดกับนายห้างมาใส่ถึงจะสบาย แว่นที่นายห้างทำให้นี่ มองได้คมชัด ใส่สบาย ใช้ดีมาก ผมทำที่ไหนก็ไม่เหมือนกับแว่นที่นายห้างทำให้เลย อยู่ไกลแค่ไหนผมก็จะกลับมาตัดแว่นกับนายห้าง แต่ถ้านายห้างไม่อยู่แล้วใครจะทำแว่นดีๆแบบนี้ให้ผมใส่ล่ะ”

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์ โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มุมมองกว้าง

คุณพ่อหัวเราะเสียงดัง เด็กน้อยโบบิเพ่งมองด้วยดวงตาที่เบิกโพลง แสดงความสนใจเป็นอย่างมาก แล้วคุณพ่อของเขาก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องห่วงนะ” แล้วชี้นิ้วมาที่เด็กน้อยโบบิ พร้อมกับพูดเชิงแฝงแรงบันดาลใจให้กับลูกชายว่า “ถ้าผมตาย ลูกชายคนนี้จะทำแว่นตาที่ดีที่สุดให้ท่านใส่ ไม่ต้องห่วง”
...คำพูดของผู้เป็นพ่อในวันนั้นเป็นเสมือนเชื้อเพลิงชั้นเยี่ยม ที่ได้ก่อชนวนความฝันของเด็กน้อยโบบิให้เกิดมีแรงบันดาลใจอยากจะทำแว่นตาให้ดีที่สุดในโลกในเวลาต่อมา ในคืนนั้นเด็กน้อยโบบินอนหลับแล้วฝันเห็นผู้คนแต่งตัวภูมิฐาน ทั้งฝรั่ง แขก จีน ไทย นั่งเครื่องบินมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาทำแว่นสายตากับเด็กน้อยโบบิ ความฝันในคืนนั้นเป็นภาพแจ่มชัดในหัวใจของเด็กน้อยตั้งแต่นั้นมา

เด็กน้อยโบบิ เติบโตขึ้นด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันที่จะทำแว่นสายตาให้ดีที่สุดในโลก ด้วยความเชื่อว่า ถ้าทำได้ คนทั้งโลกจะเดินทางมาทำแว่นสายตากับเขา สิ่งนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญแน่นอนในชีวิต เด็กน้อยโบบิจึงสนใจและหมกมุ่นอยู่แต่กับการทำแว่นสายตาในทุกรายละเอียดอย่างเอาจริงเอาจังนับตั้งแต่นั้นมา
หลังจากศึกษาเรียนรู้เคล็ดวิชาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นทั้งหมดจากคุณพ่อคุณแม่ และทีมช่างประกอบแว่นในร้านแล้ว หนุ่มน้อยโบบินำความรู้ทั้งหมดมาต่อยอดพัฒนาอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด จนกลายเป็นการประกอบแว่นสายตาระบบสามมิติ ที่ปรับแต่งตำแหน่งของกรอบแว่นเข้าหาใบหน้าของผู้ใช้แต่ละท่าน เพื่อให้ได้คุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด แม้กระทั่งน๊อตแว่นตาตัวเล็กๆ ที่มักมีปัญหาน๊อตยึดกรอบแว่น น๊อตยึดเลนส์แว่นคลายตัว ก็แก้ไขให้น๊อตล๊อคพอดีได้หลายปีและสามารถคลายน๊อตออกได้ปกติด้วยไขควงเพื่อตั้งความฝืดของขาแว่นตามความชอบของผู้ใช้แต่ละท่าน หนุ่มน้อยโบบิมีความสุขกับการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นตาชั้นเดียว สองชั้นและสามชั้น อย่างตั้งอกตั้งใจ ดูแลลูกค้าแต่ละท่านแม้ในรายละเอียดปลีกย่อยที่สุด จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทุกท่าน
ก้าวกระโดดสู่ระดับโลกของหนุ่มน้อยโบบิ เริ่มต้นเมื่อเริ่มประกอบแว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อคู่แรกให้กับลูกค้าวัย 60 ท่านหนึ่งที่มีปัญหากับการใช้แว่นตาสองชั้น หลังจากใช้แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อคู่แรกได้ไม่กี่วัน ลูกค้าท่านนี้นำผลไม้อย่างดีที่สุดจากสวนที่ปลูกเองมาฝาก แล้วบอกหนุ่มน้อยโบบิว่า “ แว่นอันใหม่นี้ใช้ดีจริงๆ มองระยะไหนก็ชัดแจ๋วทันที ใส่สบาย เหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง ทานข้าว อ่านหนังสือ ขับรถ เดินขึ้นลงบันได จะไปไหน ทำอะไรก็สะดวกไปหมด ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นไปมาเหมือนเมื่อก่อน ” หนุ่มน้อยโบบิจึงคิดว่า “ ถ้าสามารถประกอบแว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อที่ช่วยให้คนวัย 60 กลับมามองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีได้เหมือนวัยหนุ่มสาว คนวัย 60 นับพันล้านคนทั่วโลกต้องอยากซื้อแว่นแบบนี้แน่ๆ ” เขาฝันเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขของคนวัย 60 หลายชาติหลายภาษาทั่วโลก ที่ได้ใส่แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อที่เขาทำให้ จึงทุ่มเทกำลัง ความคิด สติปัญญา ศึกษา ค้นคว้า ใช้เวลาหลายหมื่นชั่วโมง และทดสอบความพึงพอใจในการใช้งานจริงกับลูกค้าหลายพันราย เขาสามารถพัฒนาระบบตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อแบบสามมิติ ให้ใช้งานได้ดีที่สุดได้เป็นผลสำเร็จ จนสามารถสร้างสถิติใหม่ของการขายเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อในประเทศไทยภายในไม่กี่เดือน และอีกไม่กี่ปีต่อมาเขาสามารถทำลายสถิติโลก จนมีชื่อเสียงไปถึงยุโรปว่า ขายเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อระดับไฮเอนด์ได้มากที่สุดในโลกติดต่อกันหลายปีซ้อนมาจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นอีกความภาคภูมิใจหนึ่งของคนไทยในระดับสากลว่า “ คนไทย ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อระดับไฮเอนด์ได้ดีที่สุดในโลก ”

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์ โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มุมมองกว้าง

ปาฏิหาริย์สร้างจุดเปลี่ยนแห่งความศรัทธาในพระเจ้า

ดูเหมือนว่าชีวิตของเขา จะมุ่งมั่นทุ่มเทแต่ในเรื่องการทำแว่นตา จนขาดประสบการณ์และสีสันชีวิตในวัยเยาว์ไป ทำให้ดูผิดต่างไปกับเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ในความต่างนั้นกลับมีเรื่องราวปาร์ฏิหารย์ที่บอกใบ้ให้เขารู้ว่าเส้นทางที่ต้องเดินต่อจากนี้ไปจะไม่เหมือนกับคนอื่น
“ตอนผมเป็นเด็ก ผมประสบอุบัติเหตุมีแผลเป็นที่หน้าผากเพราะวิ่งชนกระจกในร้าน ตอนนั้นเด็กมาก 4-5 ขวบ วิ่งไล่เล่นกันในร้านแล้วก็ จำได้แค่ว่าพี่ชาย วิ่งไล่ ผมก็วิ่งหนี ตาก็หันไปมองพี่ชายที่วิ่งไล่ตามมา หันกลับมาอีกที เพล้ง!!! ผมชนกระจกบานใหญ่เท่าตู้แตก ตัวหลุดเข้าไปในตู้เลย กระจกบาดตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงจมูกและริมฝีปากบน ความทรงจำสุดท้ายตอนนั้น เห็นแม่อุ้มตัวผมขึ้นรถสามล้อไปโรงพยาบาล ฟื้นขึ้นมาอีกทีอยู่ในโรงพยาบาล มีคุณพ่อคุณแม่และญาติๆ อยู่ข้างๆเตียง หลังจากนั้นไม่นาน โพรงไซนัสอักเสบ หายใจไม่ออก ต้องหายใจทางปาก ทรมานมาก ไปหาสารพัดหมอ ทั้งหมอจีน หมอฝรั่ง แพทย์แผนปัจจุบันแผนโบราณ จนต้องผ่าตัดดูดไซนัสออก เจ็บแบบบอกไม่ถูก แพทย์สั่งห้ามว่ายน้ำโดยเด็ดขาด ผมก็ไม่รู้ว่าหมอห้ามทำไม พอสงกรานต์ไปเที่ยวทะเลเกิดลืมตัว ลงไปว่ายน้ำทะเล เลือดไหลออกมาจากโพรงจมูกเต็มไปหมด อีกไม่กี่เดือน มีรุ่นพี่คนหนึ่งป่วยเป็นโรคเดียวกัน ไปวิ่งตากฝนแล้วไซนัสขึ้นสมองจนเสียชีวิตในชั่วข้ามคืน ผมกลัวมาก ก็เลยอธิษฐานกับพระเยซคริสต์ว่า ถ้ารักษาให้หายนะ จะถวายตัวเป็นผู้รับใช้พระเยซูคริสต์เลย อธิษฐานอยู่หลายเดือนอาการก็หายไป หายสนิทเลย หายขาด และก็ลืมๆ ไป”

...และโชคดีก็เป็นของเขา เมื่อวันหนึ่งจู่ๆ อาการที่เคยเป็นต่างๆ เหล่านั้น กลับหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ โดยไม่หลงเหลือร่องรอยของความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานไว้ให้กับเขา แม้เพียงเศษเสี้ยว หลายปีผ่านไป ฝันร้ายก็กลับมาหาเขาอีกครั้ง ในวันที่เล่นกีฬากลางแจ้งกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน และแล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นกับเขาอย่างไม่มีใครคาดฝัน

“ตอนไปเล่นบาสเก็ตบอล โดนกระแทกจากด้านหลังแล้วตัวก็ร่วงลงมา หลังฟาดพื้นกระดูกสันหลังร้าว แตกขึ้นมา หลังจากนั้นก็เดินไม่ได้ อาศัยคลานกระดืบๆ เขย่งๆ เอา เจ็บตลอดเวลา เจ็บร้าวลงขา สุดท้ายก็จะมาผ่าตัด ถ้ามันผ่าตัดประสบความสำเร็จ มันก็ดีไป แต่ถ้าพลาดก็เดินไม่ได้หนักกว่าเดิม เลยขอคิดดูก่อน กลัวมาก เลยอธิษฐานอดอาหารขอให้พระเยซูคริสต์รักษากระดูกสันหลังให้หายเป็นปกติ อธิษฐานอยู่หลายวัน ก็ขณะกำลังอธิษฐานอยู่ก็มีอะไรวูบๆ ตั้งแต่หัวจนถึงหลังเหมือนกับกระแสไฟฟ้า หลังจากนั้นอาการที่เคยเจ็บมาก ก็ไม่เจ็บอีกเลย เดิน วิ่ง เล่นกีฬาได้เป็นปกติจนถึงทุกวันนี้”

ในตอนนั้นหนุ่มน้อยโบบิได้วิงวอนขอต่อพระเยซูคริสต์อีกเป็นครั้งที่สอง ว่าหากพระผู้เป็นเจ้าช่วยเขา ครั้งนี้เขาจะถวายตัวเพื่อรับใช้พระเยซูคริสต์ และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกเป็นหนที่สอง ดังคำวิงวอน อาการป่วยของเขาเกิดหายได้อย่างปริศนา
หลังจากอาการฝันร้ายครั้งนั้น ทำให้หนุ่มน้อยโบบิต้องละทิ้งความฝันที่อยากจะทำแว่นตาให้ดีที่สุดในโลก แล้วไปศึกษาต่อเทียบเท่าระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี ด้านคริสตศาสนศาสตร์ ที่สถาบันกรุงเทพคริสตศาสนศาสตร์ ตรงซอยวชิรธรรมสาธิต สุขุมวิท 101/1
“สิ่งที่คิดว่าผมได้รับจากสถาบันนี้มากที่สุดก็คือ การเข้าใจผู้อื่น ทำให้รู้เรื่องกระบวนการและวิธีคิดของมนุษย์ ผมได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีพลังสร้างสรรค์ยิ่งใหญ่อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ดังนั้นมนุษย์ทุกคนควรใช้พลังอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้ ดูแลโลกนี้ให้น่าอยู่ที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากที่นั่น พระเจ้าไม่ได้สร้างเราให้ต่ำต้อย พระเจ้าไม่ได้สร้างให้เราเป็นคนด้อยความสามารถ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองมีพลังยิ่งใหญ่ในตัวเอง ความเชื่อคือกุญแจปลดปล่อยพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ถ้าคุณไม่เชื่อในอะไรเลย คุณจะกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไร้จุดหมาย พรสวรรค์อีกอย่างหนึ่งของผมคือ การเปลี่ยนความคิดของผู้คน ด้วยการบิดสวิทช์จากความคิดแง่ลบเป็นความคิดแง่บวก ด้วยพลังแห่งความเชื่อ คุณสามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณและคนใกล้ชิดให้ดีขึ้นได้ในข้ามคืน ความสุขของผมอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครสักคนหนึ่งให้ดีขึ้น เพราะผมเชื่อว่านี่คือความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
ชีวิตการทำงานใน “สว่างการแว่น” เริ่มต้นขึ้นอย่างพลิกผันไปจากความตั้งใจเดิม เป็นการเริ่มต้นที่เร็วเกินคาดแม้จะตระหนักรู้อยู่แน่ชัดว่าต้องมีวันนี้

“หนุ่มน้อยโบบิ” กู้วิกฤตสว่างการแว่น

ระหว่างการทำวิทยานิพนธ์ในเทอมสุดท้ายอยู่นั้น ชีวิตก็ถึงคราวพลิกผันอีกครั้ง กับการละทิ้งการศึกษาเพื่อกลับไปกู้ “วิกฤตสว่างการแว่น” เนื่องจากธุรกิจแว่นตาของครอบครัวเกิดขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงเพราะนำเงินทุนหมุนเวียนในกิจการไปลงทุนเก็งกำไรที่ดินเกินตัวในช่วงฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตก ไม่มีเงินชำระค่าสินค้าจนซัพพลายเออร์หลายรายเริ่มหยุดส่งสินค้าให้ สาขาใหม่ตรงหาดเฉวง เกาะสมุย ที่ติดจำนองกับธนาคาร ก็ไม่มีเงินจ้างผู้รับเหมาตกแต่งร้าน ทำให้ร้านเปิดไม่ได้ รายได้ไม่มี ธนาคารทุกแห่งงดปล่อยสินเชื่อ มีเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ต้องเร่งหาเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท นำมาจ่ายให้ผู้รับเหมาและชำระค่าสินค้า
หนุ่มน้อยโบบิเป็นความหวังสุดท้ายของครอบครัวที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ ทันทีที่เดินทางไปถึงเกาะสมุย ปลายเดือนมกราคม 1991 อันเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกากรีฑาทัพบุกยึดคูเวตคืนจากอิรัก นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่จองโรงแรมในเกาะสมุยส่วนใหญ่ ยกเลิกการจองเกือบหมด หนุ่มน้อยโบบิใช้เวลาสามวัน วางแผนหาเงินสด 3 ล้านบาท ให้ได้ภายใน 3 สัปดาห์ เขาใช้วิธีที่ง่าย ได้ผลเร็วที่สุด คือหาเงินกับนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในเกาะสมุยขณะนั้นเป็นสัปดาห์สุดท้าย ด้วยการเปลี่ยนสินค้าในร้านให้เป็นเงินสด โดยจัดรายการส่งเสริมการขายตรงกับเทศกาลตรุษจีน นำสินค้าที่มีในร้านมาจัดแคมเปญ Chinese Grand Sale ทั้งหมด เรียกลูกค้าด้วยแสง สี เสียง และโต๊ะปูผ้าแดงตลอดแนวถนน ซึ่งเป็นกลยุทธ์แปลกใหม่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนในเกาะสมุย อาศัยความใจกล้า ซื่อสัตย์ บุคลิกต้องตาต้องใจเปี่ยมด้วยพลังของเขา เดินทางไปติดต่อซัพพลายเออร์ จากสำเพ็ง เยาวราช สะพานเหล็ก เพื่อขอเครดิตซื้อสินค้ายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสารพัดอย่างมาจัดรายการขาย ตั้งแต่หน้ากากประดาน้ำ จานร่อนชายหาด นาฬิกา แว่นกันแดด กล้องถ่ายรูป หมากรุก เป็นต้น น่าประหลาดใจที่เขาได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์เหล่านี้เป็นล้านบาท แม้ไม่เคยรู้จักหรือค้าขายกันมาก่อนก็ตาม เพียงไม่กี่สัปดาห์ เขาสามารถขายสินค้าได้เงินสดมากกว่า 3 ล้านบาท ในเวลาเพียงไม่กี่วัน จนสามารถนำเงินไปจ่ายผู้รับเหมาเร่งตกแต่งร้านสว่างการแว่น สาขาหาดเฉวง จนเปิดร้านได้ในที่สุด และมีเงินสดพอสำหรับชำระค่าสินค้าที่ค้างชำระซัพพลายเออร์ทั้งหมด และซื้อสินค้ามาลงในร้านใหม่ได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนกระทั่งธุรกิจ ‘สว่างการแว่น’ สามารถฝ่าวิกฤตกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง

วิกฤตครั้งนั้นเป็นจุดผลักดันให้หนุ่มน้อยโบบิขึ้นขี่หลังเสือได้อย่างสง่าผ่าเผย จนยากที่จะลงได้ เขาใช้เวลาหลายปี พัฒนาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นด้วยมาตรฐานสูงสุด ที่สร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้บริการได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายใต้มาตรฐานการให้บริการหลังการขายที่แสนประทับใจ จนสามารถเพิ่มยอดขายแบบทวีคูณได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน เขาก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้นด้วยการทำร้านแว่นแนวคิดใหม่ที่ออกแบบเพื่อตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อระดับไฮเอนด์เพียงอย่างเดียว ขายดีจนฝรั่งตกใจ ด้วยยอดขายดีอันดับ 1 ทำลายสถิติโลกได้แบบถล่มทลายติดต่อกันหลายปีซ้อน

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์ โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มุมมองกว้าง

แนวคิดที่แตกต่างเรื่องการลด แลก แจก แถม

ขณะที่ร้านแว่นตาทั่วโลก แข่งขันกันเพิ่มยอดขายระยะสั้น ด้วยการ ลด แลก แจก แถม กันมากกว่า 50% โดยบวกราคาไว้สูงกว่าปกติหลายเท่าเพื่อเผื่อส่วนลด ของแถม และลูกค้าสามารถต่อรองขอส่วนลดเพิ่มได้อีกถึง 35% ทำให้ลูกค้าที่ต่อรองเก่ง จุกจิก เลือกมาก ได้แว่นตาที่ไม่มีตำหนิในราคาถูกกว่า ขณะที่ลูกค้าชั้นดี มีมารยาท ไม่เรื่องมาก ไม่ต่อราคา กลับได้แว่นตามีตำหนิในราคาสูงกว่า บ่อยครั้งที่ร้านแว่นตาเดียวกันจำหน่ายกรอบแว่นสายตาและเลนส์แว่นตา ยี่ห้อ-รุ่น เดียวกัน ให้กับลูกค้าชั้นดีในราคาแพงกว่าลูกค้าที่ต่อราคาเก่งๆ ถึงสองเท่า ด้วยการเฉลี่ยกำไรหลายเท่าจากลูกค้าชั้นดีกับขายราคาต้นทุนให้กับลูกค้าที่ต่อราคาเก่งๆ เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่ลูกค้าชั้นดีต้องจ่ายแพงกว่าลูกค้าที่ต่อราคาเก่งๆ จึงกำหนดมาตรฐานราคาเดียวสำหรับลูกค้าทุกท่านเท่ากันหมด ไม่มีส่วนลดให้ลูกค้า ด้วยการตั้งราคากรอบแว่นสายตา เลนส์แว่นตา และสินค้าทุกชิ้น ในราคาที่ลดสุทธิแล้ว เพื่อให้ลูกค้าท่าน ได้รับราคาที่ดีที่สุดเท่ากันทุกท่าน หากลดให้ลูกค้ารายหนึ่ง ก็ต้องคืนส่วนลดย้อนหลังให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อก่อนหน้านั้น ด้วยวิธีคิดที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้ลูกค้าของเขาให้ความไว้วางใจในมาตรฐานของราคาและคุณภาพสินค้าทุกชิ้นเสมอมา

แนวคิดที่แตกต่าง เพื่อการทำแว่นสายตาที่ดีที่สุดในโลก
หลังจากพัฒนามาตรฐานการตรวจวัดประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อจนมีคุณภาพดีที่สุดในเมืองไทยได้แล้ว ความมุ่งมั่นของเขาทุกลมหายใจเข้า-ออก เริ่มจดจ่ออยู่กับการทำแว่นสายตาให้ดีที่สุดในโลก เขาได้พูดตอกย้ำกับครอบครัวถึงแรงบันดาลใจนั้นอีกครั้ง แต่...สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ “ปัจจุบันร้านเราก็เป็นร้านแว่นตาที่ดีที่สุดในประเทศไทยอยู่แล้ว” นั่นหมายถึงการหยุดพัฒนา เพราะคิดว่าตัวเองดีพอแล้ว อิ่มตัวแล้ว และหันไปสนใจกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรหวังเงินก้อนโต ซึ่งขัดแย้งต่อความปรารถนาอันแรงกล้าในหัวใจของเขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความซื่อสัตย์ต่อความใฝ่ฝันที่เขามีอยู่เต็มหัวใจได้อีกต่อไปแล้ว

“ผมมีพี่น้อง 8 คน ตั้งแต่เด็ก...ผมเป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น พี่น้อง พ่อแม่ แม้กระทั่งญาติ ทุกคนลงความเห็นกันหมดว่าผมเป็นตัวประหลาด วันๆเอาแต่เพ้อฝันจะทำแว่นที่ดีที่สุดในโลก แม่พูดกับผมว่า...ผมน่ะเกิดผิดบ้าน ทำไมไม่ไปเกิดเป็นลูกคนอื่น นี่เป็นเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต ขณะที่ผมเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุด สร้างความเจริญให้กับธุรกิจครอบครัวสว่างการแว่นมากที่สุด แต่สิ่งที่รู้สึกฝังอยู่ในใจคือเขาปฏิบัติกับเราไม่เหมือนกับที่ปฏิบัติกับลูกคนอื่นๆ และถ้าไปถามเขาว่าทำไม เขาตอบว่าเพราะผมคิดไม่เหมือนคนอื่น สิ่งหนึ่งที่ผมรับไม่ได้ก็คือเขาจะพูดเสมอ ถ้าอยากให้พ่อแม่พี่น้องปฏิบัติกับผมเหมือนกับที่ปฏิบัติกับลูกๆ คนอื่นๆ ผมก็จะต้องคิดให้เหมือนพวกเขา ทำให้เหมือนพวกเขา และเรื่องงานก็เช่นกัน ผมเป็นคนทำงาน ไม่ยึดติดกับเงิน ไม่ใช่คนทำงานเพื่อเงิน ไม่ได้เกลียดเงิน แล้วก็ไม่ได้ดูถูกค่าของเงิน เพียงแต่ว่าเงินเป็นแค่บางอย่างในชีวิต แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่มีค่ามากกว่าเงิน
ความสุขของผมก็คือการเห็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจของลูกค้าที่มีความสุขเมื่อได้ใส่แว่นสายตาคุณภาพสูงสุดที่ผมทุ่มเททำให้ ผมทำอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยเพราะอยากทำ ไม่ได้ทำเพราะว่าเราหวังเพียงแค่เงิน ทำแล้วลูกค้าเขารู้สึกได้เลยว่า ผมทำแว่นแต่ละอันให้เขาด้วยหัวใจที่รักและปรารถนาดีต่อคุณภาพการมองเห็นของเขา”

หลังจากพัฒนาธุรกิจของตระกูล ภายใต้ชื่อ สว่างการแว่น และ เอสเคออพติก จนประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องจะคิดฝัน เขาเลือกที่จะออกมาสร้างตัวเองจากศูนย์ จากวันแรกที่เขาก้าวเดินออกมาจากธุรกิจของตระกูลจนถึงวันนี้ เขาไม่เคยรับความช่วยเหลือใดๆ ไม่ว่าทางการเงิน หรือการรับรองเครดิตใดๆ จากคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องของเขาเลย เป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้ชายคนหนึ่งสร้างตัวเองจากเงินติดกระเป๋าไม่กี่บาท จนกลายเป็นศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

หนุ่มน้อยโบบิเริ่มสร้างตัวด้วยการสอนการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อขั้นสูง ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาในประเทศไทย ภายใต้ชื่อหลักสูตร “ แว่นตาโปรเกรสซีฟทวีคูณ ” ด้วยสไตล์การสอนที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความเชื่อ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สอนตามพื้นฐานและความต้องการที่แตกต่างกันของลูกศิษย์แต่ละคน มีเทคนิคการสอนที่สนุก สามารถกระตุ้นลูกศิษย์ให้กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าฝัน กล้าทำสิ่งใหม่ๆ แน่นด้วยเนื้อหาทั้งทฤษฎีที่สอนเรื่องโครงสร้างเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อที่ซับซ้อน ให้เข้าใจง่าย การฝึกภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น สามารถนำไปใช้ได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น ทำให้ชื่อเสียงของหนุ่มน้อยโบบิและหลักสูตร “ แว่นตาโปรเกรสซีฟทวีคูณ ” เป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาในประเทศไทยว่า ” ปรมาจารย์โบบิ รู้ลึก รู้จริง เรื่องเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ มีผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตา ทั้งจักษุแพทย์ , Doctor of Optometry (นักทัศนมาตร) , พยาบาลวัดสายตา และช่างประกอบแว่น หลายพันคนต้องการเข้ารับการอบรมกับปรมาจารย์โบบิ จนต้องเปิดสอนปีละ 200 วัน ได้ค่าตอบแทนในการสอนวันละ 40,000 บาท ทำให้เขามีรายได้จากการสอนปีละหลายล้านบาท จนต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุดคือ 37%

ตลอดระยะเวลาที่ทำการสอน เขาได้ปลูกฝังปรัชญาให้ลูกศิษย์ทุกคนให้ความเคารพต่อคุณภาพการมองเห็นของมนุษย์ทุกคนว่าสูงค่าที่ว่า “ Life is beautiful and sight is life ” ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาหลายพันคนจากทั่วประเทศที่ได้รับการถ่ายทอดสุดยอดวิชาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อขั้นสูงกับเขา ต่างประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดดในการประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่ออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นผลให้ผู้ใช้แว่นสายตาหลายชั้นไร้รอยต่อในประเทศไทย ได้ใช้แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อที่ตรวจวัดประกอบด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้นกว่าในอดีตหลายเท่า ทำให้ยอดขายเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อในประเทศเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดในโลก กลายเป็นกรณีศึกษาทางด้านการตลาดในหมู่ผู้ผลิตเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อชั้นนำทั่วโลก และเชิญให้เขาเปิดสอนหลักสูตร “ แว่นตาโปรเกรสซีฟทวีคูณ ” ในต่างประเทศ ตลอดหนึ่งปีที่เขาเดินทางไปสอนผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาหลายพันคนในหลายประเทศ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการแว่นตาในทุกประเทศที่เขาไปสอนและได้รับการยอมรับในระดับสากลว่า “ คนไทย ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อได้ดีที่สุดในโลก ” นับเป็นอีกความภาคภูมิใจหนึ่งของคนไทยในระดับโลก

หลังจากประสบความสำเร็จในการสอนหลักสูตร “ แว่นโปรเกรสซีฟทวีคูณ ” ในระดับโลกแล้ว เขาระดมทุนจากลูกศิษย์ทั่วประเทศ ลงทุน 30 ล้านบาท เปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่ตึกเอราวัณแบ็งค๊อก ชั้น 4 สี่แยกราชประสงค์ บนพื้นที่ 450 ตารางเมตร ที่สามารถสร้างมาตรฐานใหม่ของการตรวจวัดสายตา ออกแบบ ประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อระดับไฮเอนด์ด้วยระบบดิจิตอลสามมิติเทคโนโลยีล่าสุด พรั่งพร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพ ทั้งจักษุแพทย์ , Doctor of Optometry , และช่างประกอบแว่นฝีมือประณีต ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศให้ได้แว่นสายตาระดับมาสเตอร์พีซ ที่ให้คุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด ใส่สบาย สวยงามในทุกรายละเอียด รับประกันความพึงพอใจในการใช้งานอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น กล้ารับประกันคุณภาพแว่นสายตาทุกอันว่าเป็นแว่นตาที่ให้คุณภาพการมองเห็นได้ดีที่สุดในโลก และรับประกันคุณภาพแว่นสายตาทุกชิ้นส่วนในทุกกรณี 2 ปีเต็ม การรับประกันนี้ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุในทุกกรณี นับเป็นการสร้างมาตรฐานสูงสุดของการรับประกันคุณภาพแว่นสายตา ซึ่งศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเป็นเพียงรายเดียวในโลกที่กล้ารับประกันคุณภาพแว่นสายตาทุกอันในระดับนี้ ลูกค้าจึงจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวสำหรับแว่นสายตาแต่ละอันตลอดระยะเวลาสองปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ ด้วยบริการหลังการขายที่รวดเร็ว ถึงลูก ถึงคน มีแว่นสำรองใช้ให้ฟรีในระหว่างซ่อมหรือรออะไหล่ รวมถึงมีแว่นสำรองให้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย กรณีแว่นหาย และบริการแว่นฉุกเฉินแบบ “ On Site Service ” ส่งตรงถึงมือลูกค้า ในกรณีเร่งด่วน

เลนส์โปรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ถ้าตรวจวัดประกอบไม่ถูกต้อง มุมมองแคบลงใส่ไม่สบาย

เลนส์โปรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์ ถ้าตรวจวัดประกอบถูกต้อง มุมมองกว้างล ใส่สบาย

ด้วยคุณภาพของแว่นสายตาระดับไฮเอนด์ ที่ให้คุณภาพการมองเห็นเหนือกว่าแว่นสายตาที่เคยมีมาอย่างชัดเจน และบริการหลังการขายที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายใต้ปรัชญาการทำแว่นสายตาของปรมาจารย์โบบิที่ว่า “ Life is too short to limit your vision ” เขาจึงทุ่มเทฝึกฝนทีมงานทุกคนให้สามารถตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ได้แว่นสายตาที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งสามประการ คือ “See better, feel better and look better” ( มองเห็นภาพคมชัดกว่าเดิม , ใส่สบายกว่าเดิม , เสริมบุคลิกได้ดีกว่าเดิม ) ทุกวันนี้ ปรมาจารย์โบบิ ยังคงควบคุมมาตรฐานของแว่นสายตาทุกอันอย่างเข้มงวดที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ใช้บริการทุกท่าน จะได้แว่นสายตาที่ใส่สบาย มีพลังเพิ่มขึ้น ทำงานได้มากขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง ใส่แล้วสนุกกับการทำงานเหมือนวัยหนุ่มสาว มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น จากความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของผู้ใช้แว่นตาทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ จนมีลูกค้าจากทั่วโลกเดินทางมาใช้บริการเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เหมือนภาพนิมิตที่แจ่มชัดในหัวใจเปี่ยมฝันของเด็กน้อยโบบิ เมื่อเกือบสี่สิบปีก่อน

“สไตล์ผมเป็นสไตล์ถึงลูกถึงคน ไม่ประนีประนอมกับความเหลวไหลใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ชอบความไม่เรียบร้อย ชอบความสมบูรณ์แบบ และทำสิ่งที่สมบูรณ์แบบในวันนี้ให้ดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น พรุ่งนี้ผมก็จะทำให้ดีกว่าสิ่งที่สมบูรณ์แบบในวันนี้ ผมรักการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการทำแว่นสายตาที่ใส่สบายที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้”

แนวคิดการทำศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก

แนวคิดของการทำศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก นั้นปรมาจารย์โบบิกล่าวว่า “ เราไม่ได้เน้นขายแค่แว่นสายตา แต่เราขายคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้ ” จึงฝึกฝนทีมงานทุกคนอย่างหนัก ให้บริการลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุด ให้เกิดความประทับใจเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเดินเข้ามา จะได้รับการต้อนรับด้วยคำทักทายอย่างอบอุ่น ให้รู้ว่า YOU ARE WELCOME จากใจ พนักงานศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกทุกคน ถูกฝึกฝนมาให้บริการลูกค้าให้ดีที่สุด แม้ว่าลูกค้าไม่คิดจะซื้อสินค้าก็ตาม ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จะไม่มีการต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดแบบร้านแว่นทั่วไปว่า “ สอบถามได้นะคะ ” , “ สนใจแว่นตาแบบไหนดีคะ ” แต่ในทางกลับกันที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดว่า “ จะรับชา หรือลาเต้ เอสเปรสโซ่ คาปูชิโน่ หรือชาจีน ดีคะ ”

“ ผมชอบให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ผมอยากให้ลูกค้าทุกท่านมีความรู้สึกอย่างแน่นอนว่า เราดีใจที่ท่านแวะมาเยี่ยม ขอบคุณที่ให้โอกาสเราได้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลคุณภาพการมองเห็นของเขา อยากให้เขารู้ว่าแค่คุณเดินเข้ามาเราก็ดีใจแล้ว จากนั้นคือเราจะรับใช้เขาได้อย่างไรบ้าง วัฒนธรรมของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก คือให้บริการลูกค้าสุดหัวใจ ซึ่งพนักงานที่ ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ทุกคนต้องทำให้ได้ ”

มาตรฐานของ ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก นั้นพนักงานจะบริการลูกค้าทุกท่าน ด้วยการทำความสะอาดแว่นด้วยเครื่องล้างแว่นคุณภาพสูง แล้วตรวจสอบความสมบูรณ์เพื่อซ่อมบำรุงทุกชิ้นส่วนของกรอบแว่น ตลอดจนปรับแต่งตำแหน่งของกรอบแว่นให้ใส่สบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

กระบวนการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก

กระบวนการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เริ่มจาก

1. การสอบถามความต้องการของลูกค้า เริ่มตั้งแต่ลูกค้าเคยใส่แว่นมาก่อนหรือไม่ มีปัญหาด้านการใช้สายตาเช่นไร สุขภาพทั่วไปและสุขภาพตาเป็นอย่างไร เคยผ่าตัดดวงตามาก่อนหรือไม่ สภาพแวดล้อมการทำงาน พฤติกรรมการใช้สายตาในแต่ละวัน ว่าวันหนึ่งคุณใช้สายตากี่ชั่วโมง อ่านหนังสือกี่ชั่วโมง ใช้สายตากับจอคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือแบบพกพาวันละกี่ชั่วโมง ขับรถเร็วไหม ขับรถเองไหม มีปัญหาการมองไกลหรือมองใกล้ เคยประสบอุบัติเหตุอะไรมา คุณทานยาตัวไหนเป็นประจำ มีความดัน มีเบาหวานหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง เรียกว่าละเอียดถี่ถ้วน ข้อมูลเหล่านี้จะใช้ในการวิเคราะห์ค่าสายตาและออกแบบเลนส์แว่นตา เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าแต่ละท่านได้อย่างเฉพาะเจาะจงที่สุด

2. ตรวจวัดจุดศูนย์กลางของรูม่านตาแต่ละข้าง ทั้งระยะไกลและระยะใกล้ ด้วยเครื่องวัดระบบดิจิตอลความแม่นยำสูง เพื่อวางจุดศูนย์กลางของกำลังเลนส์แว่นตาให้ตรงกับจุดศูนย์กลางของรูม่านตาแต่ละข้าง เพื่อผลการตรวจวิเคราะห์สายตาที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ

3. ตรวจวัดความโค้งของกระจกตาด้วยเครื่องวัดความโค้งกระจกตาระบบดิจิตอล เพื่อตรวจหาค่ำกำกำลังสายตาเอียง และองศาสายตาเอียงบนกระจกตา

4. ตรวจวัดกำลังสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง ของระบบการมองเห็นโดยรวม ด้วยเครื่องวัดระบบดิจิตอลความแม่นยำสูงเทคโนโลยีล่าสุด เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการตรวจระบบดิจิตอลสามมิติต่อไป

5. ตรวจวัดกำลังสายตาเดิมของแว่นเดิม ด้วยเครื่องสแกนเลนส์แว่นตาความแม่นยำสูง ระบบดิจิตอล 9 ลำแสง ที่วัดกำลังเลนส์ได้ละเอียดกว่าเครื่องวัดกำลังเลนส์ทั่วไปถึง 25 เท่า เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับค่าสายตาใหม่ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
6. ตรวจหาค่าสายตาของดวงตาแต่ละข้าง ด้วยระบบดิจิตอลสามมิติ จากนั้นจึงตรวจระบบการรวมภาพสามมิติของตาทั้งสองข้าง ความสามารถในการแยกระยะชัดลึก เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่สายตาสองข้างทำงานร่วมกันได้ดีที่สุด ทั้งในระยะไกลและระยะใกล้

7. ตรวจวัดความสามารถในการเพ่งมองระยะใกล้

8. ตรวจความใสของเลนส์ตา กระจกตา ตรวจความสมบูรณ์ของจอประสาทตาด้วยเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา วัดความดันตา มีการใช้เครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา

9. ทดสอบค่าสายตาที่วัดได้ ด้วยชุดทดลองเลนส์ระดับไฮเอนด์ ที่มีให้เลือกมากกว่า 20 รุ่น เพื่อเป็นข้อมูลในการออกแบบโครงสร้างเลนส์แว่นตาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้สายตาของแต่ละท่านมากที่สุด โดยทดสอบทั้งการเดิน การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การอ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์

10. การเลือกกรอบแว่น จะเริ่มจากการวัดขนาด รูปทรง ของศีรษะ เพื่อกำหนดขนาด และความยาวขาของกรอบแว่น เพื่อให้ได้แว่นตาที่ใส่สบายที่สุด

11. ปรับแต่งกรอบแว่น ให้พอดีกับรูปศีรษะ จนได้ตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้ววัดตำแหน่งใช้งานจริงของกรอบแว่นแต่ละอันด้วยระบบสามมิติ เพื่อให้ได้คุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด

Advance Progressive Addition Lenses Club ( APC )
นอกจากบริหารศูนย์แว่นตาคุณภาพระดับโลกแล้ว ปรมาจารย์โบบิยังเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง Advance Progressive Addition Lenses Club ( APC ) เพื่อให้ความรู้ในเรื่องการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นหลายชั้นไร้รอยต่อขั้นสูง แก่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตา และผู้ใช้แว่นตาทั่วโลก ผ่านทางเว็บไซต์ความเร็วสูง www.apcthai.com ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ โดยไม่หวังผลทางธุรกิจแต่อย่างใด

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์ โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มุมมองกว้าง

เป้าหมายของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกในอนาคต
เรียกได้ว่าชื่อเสียงและความสามารถของปรมาจารย์โบบินั้น ทำให้ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่ได้ตอกเสาเข็ม ทำให้ปรมาจารย์โบบิมองข้ามช๊อตไปถึงอนาคตอันใกล้นี้ว่า

“ผมต้องการสร้างให้ ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ไม่ใช่เป็นเพียงร้านแว่นตา เราไม่ได้ขายแค่แว่นแต่เราขายคุณภาพการมองเห็นที่สูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้ ภายใต้มาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุด มาตรฐานต้องสูงกว่าโรงแรม 5 ดาว ผมต้องการพัฒนาให้ ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เป็นสถาบันที่ดูแลการมองเห็น ของลูกค้าและครอบครัว ตั้งแต่ตอนพวกเค้าลืมตาดูโลกครั้งแรก ไปจนกระทั่งถึงวันที่เขาปิดเปลือกตาครั้งสุดท้าย เราจะดูแลพวกเขาให้มีคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด เพราะผมเชื่อว่าถ้าเราทำให้ใครสักคนมีคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด เราก็จะสามารถทำให้สมองของเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ มากที่สุด เพราะเรามองเห็นด้วยตาแต่เรียนรู้ด้วยสมอง เพราะปรัชญาของผมคือชีวิตแสนสั้นเกินกว่าคุณจะไปจำกัดการมองเห็นของคุณ ถ้าคุณมีคุณภาพการมองเห็นด้อยลง 10% ความสามารถในการทำงานของสมองจะลดลงไม่ใช่แค่ 10 % แต่มากกว่านั้น นอกจากนี้ผมกำลังสนุกกับการทำให้คนอายุ 40-50- 60 -70 หรือ แม้แต่ 80 ปี มองเห็นได้ดีกว่าตอนพวกเขาอายุ 40 นั่นคือเรากำลังพาเขาย้อนกลับไปให้เขามองเห็นได้ดีเหมือนวัยหนุ่มสาว ผมเชื่ออย่างนั้น แล้วผมพิสูจน์ได้ ลูกค้าจำนวนสามารถพิสูจน์ทฤษฎีของผมได้ ว่าจริง”

แว่นอันเดียวสามารถเปลี่ยนชีวิตคนทั้งชีวิตเลยได้จริงหรือ? นั่นคือคำถามที่หลายคนไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง หากแต่วันนี้ปรมาจารย์โบบิได้สร้างความมหัศจรรย์แห่งการมองเห็นด้วยสองมือที่มุ่งมั่นมาตลอดชีวิตการทำแว่นและ ทุกครั้งที่เขาทำได้เขามักจะตอบกับตัวเองเสมอว่า นี่แหละคือรางวัล คือสิ่งที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา และนอกจากคุณภาพระดับ 5 ดาวแล้ว ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ยังมีเป้าหมายที่จะให้บริการแบบ DELIVERY เมื่อลุกค้าต้องการแว่นสำรอง

“สมมุติคุณลืมแว่นไว้ต่างประเทศ แว่นหัก แว่นแตก แว่นรอเคลม เราสำรองให้ใช้ระหว่างซ่อมนะครับ นี่คือมาตรฐานของเรา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกค้าต้องทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ตอน 3 ทุ่มแล้วเกิดมีปัญหาแว่นหายตอน 1 ทุ่ม ทีมงานเรารีบทำแว่นสำรองไปให้ทันเวลาที่ท่านต้องทำหน้าที่ประธานฯ สนุกมาก ส่วนแว่นตัวจริงเดี๋ยวมาว่ากันอีกที นี่คือมาตรฐานการให้บริการของเราครับ”

ส่วนแผนการที่มีการขีดเส้นไว้ในอนาคตแล้ว ก็อยู่ระหว่างดำเนินการนั่นก็คือการเปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก 100 สาขา ใน 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท

“ผมไม่มีทุน ผมทำคนเดียวไม่ไหว จึงอยากจะชวนนักลงทุนในประเทศไทย มาลงทุนร่วมกันเพื่อเปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกทั่วโลก อย่าลงแต่เงิน แต่อยากให้ลูกหลาน คนรุ่นต่อๆไป ของผู้ลงทุนกับศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก มาอยู่กับผม พลังในตัวผมน่าจะถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานคุณได้ ผมอยากให้ลูกๆพวกคุณมีพลังเหมือนผม พลังอันไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ในการทำธุรกิจ พลังแห่งการคิดนอกกรอบ พลังแห่งการมองเห็นอนาคต ผมชอบคิดเพราะคิดแล้วผมเห็นอนาคต คิดแล้วเราไปได้ไกลกว่าคนอื่น”
ซึ่งการเปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกทั่วโลกในความคิดของปรมาจารย์โบบินั้น เป็นการประกาศศักดิ์ศรีของความเป็นไทย ให้ทั่วโลกรู้จัก ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือคนทั้งโลกที่มีปัญหาทางสายตา

“ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบ้านเมืองเรามีนายกรัฐมนตรีที่ฉลาดตอนเช้า ตอนบ่ายสมองไม่ค่อยแล่น พอตอนเย็นติงต๊อง ทำอะไรโง่ๆ ผมถามว่าที่ผ่านมาเรามีนายกรัฐมนตรีที่ทำอะไรโง่ๆจนบ้านเมืองเสียหายพอรึยัง จะเอาอีกไหม ผมไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าแว่นผมน่ะช่วยได้ แต่มันคือเรื่องจริง ดังนั้นผมจึงยินดีที่จะทำแว่นให้กับนายกรัฐมนตรีเป็นแว่นประจำตำแหน่งโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเค้าไม่ทำอะไรโง่ๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายเหมือนที่ผ่านมา แล้วการทำให้นั้นผมไม่ได้หวังผลตอบแทน แล้วก็ไม่ใช่การให้เพื่อทางการค้า ไม่ต้องไปบอกใคร ไม่ต้องไปลงหนังสือตีพิมพ์ไม่เอา แต่บอกว่าอยากทำให้ แล้วมีกำลังจะทำให้ด้วย ปราศจาก การหวัง ไม่ต้องมาหวังอะไรตอบแทน แค่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติผมขอแค่นี้ วันไหนถ้าผมเห็นว่าท่านไม่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเท่าที่ควร เวลาท่านมาหาผม อย่างมากผมก็ขอแว่นผมคืนแค่นั้นเอง”

ลองอ่านบทสัมภาษณ์เจาะใจปรมาจารย์โบบิ แล้วคุณจะพบว่า ผู้ชายคนนี้ มีมุมมองที่ไม่ธรรมดาเลย

ใครๆ มักมองคุณว่าเป็นคนแปลก ตรงไปตรงมาจนน่ากลัว และมั่นใจเกินเหตุ จริงๆ แล้วคุณโบบิเป็นคนแบบไหน
ผมเป็นพวกสุดขอบ พวกสุดโต่ง ถ้าจะทำอะไรก็จะทำสุดหัวใจไปเลย ผมเป็นคนไม่มีสีเทา ไม่มีทางสายกลาง ถ้าไม่ขวาก็ซ้าย อย่างถ้าผมจะทำอะไรสักอย่าง ถ้าเกิดมันไม่ดีก็จะไม่ทำนะ ไม่ทำเลย แต่ถ้าตัดสินใจทำแล้ว ก็ต้องทำให้ได้และดีที่สุด ประมาณแบบทุ่มทุนสร้าง ทุ่มชีวิตสร้าง จะเอาชีวิตทั้งชีวิตลงไปเลย

มีคนไม่เข้าใจคุณบ้างไหม
ตลอดเวลา

แล้วรู้สึกยังไง แคร์ไหมที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจคุณ
ถ้าเรารักเขา หรือรู้ว่าเขารักเรา เราแคร์ แต่ก็แคร์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วถึงเวลาก็ต้องเลือก เพราะผมเป็นของผมแบบนี้ เกิดมาแบบนี้ เลยทำให้หลายคนที่รู้จักผมมักจะบ่นกันว่าผมเป็นคนก้าวร้าว แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนตรงนะ แล้วตรงมากจนคิดไม่ถึงด้วย พวกเขาจึงเข้าใจผมผิดอย่างสิ้นเชิง บางคนบอกว่าผมเป็นคนขวานผ่าซาก ตอบตรงแล้วเปรี้ยงเลย แต่มันไม่ใช่เพราะผมเป็นคนซากผ่าขวาน เช่น คนบางคนถ้าเขารู้ว่าจะต้องไปสู้กับใครสักคนหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าสู้ไม่ได้ เขาก็จะไม่สู้ เพราะเขาคิดว่าเขาคือขวาน ถ้าข้างหน้าเป็นซากเขาก็จะผ่า แต่ถ้าข้างหน้าเป็นเหล็กกล้าซึ่งไม่มีทางที่เขาจะผ่ามันได้ เขาก็จะถอย แต่ผมมันไม่ใช่แบบนั้นไง ผมเป็นคนที่เอาซากไปผ่าขวาน แล้วผมก็เชื่อว่าถ้าคุณใช้ซากหนึ่งชิ้นที่ใช้ความเร็วมาก และกล้าที่จะทำ อย่าว่าแต่ขวานเลย กำแพงเหล็กทั้งกำแพงก็ผ่าได้ นี่คือสิ่งที่ผมกำลังจะบอกว่า ผมเป็นคนที่พร้อมจะตายในสิ่งที่ผมเชื่อ โดยไม่เสียใจเลย สามารถเดินไปในทางที่จะนำไปสู่ความตาย ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ผมเชื่อ แล้วผมก็จะไม่เสียใจ ไม่ลังเล และไม่สนว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง เพราะถ้าผมไม่ไป ผมจะนอนไม่หลับ

คนใกล้ตัวคุณว่ายังไงบ้างในสิ่งที่คุณฝัน
นี่คือสิ่งที่ผมเป็น เด็กพิสดาร ขนาดที่ว่าพ่อแม่พี่น้องหรือคนอื่นๆ ในบ้าน พวกเขาคุยกันรู้เรื่องหมด แต่มีผมที่คุยกับใครไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว ถ้าผมไปคุยถึงเรื่องความฝันของผมนะ พวกเขาก็จะบอกว่า ไม่บ้า ก็เมา ถ้าไม่เมา ก็ขี้โม้ เพ้อฝัน ฝันกลางวัน คือผมจะโดนตลอด

เสียใจไหม ที่เขาพูดกับเราแบบนี้
ผมแค่แปลกใจว่า เฮ้ย...ทำไมคุณมองไม่เห็นในสิ่งที่เราเห็น คือผมมองว่ามันง่ายนะ มันไม่มีอะไรเลยแต่บางทีมันก็เหงาเหมือนกัน ในโลกที่คุณเห็นทางอนาคตแล้วคนอื่นมองไม่เห็น แล้วมันยากที่จะคุยกับเขา ให้เห็นในสิ่งที่เราเห็น โดยเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา
อย่างเวลาไปเรียนก็เหมือนกัน บางครั้งก็จะมีความรู้สึกว่าโรงเรียนมันน่าเบื่อ เพื่อนๆ ก็คุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วครูสอนก็น่าเบื่อ พอน่าเบื่อก็พาลให้ไม่อยากเรียน

คุณเรียนเก่งไหม สมัยเด็กๆ
เปล่าเลย แล้วโรงเรียนที่ผมเรียนก็เป็นโรงเรียนที่ระเบียบจัดมากด้วยนะ ขนาดที่ว่านักเรียนทุกระดับชั้นห้ามขี่มอเตอร์ไซด์ นักเรียนผู้หญิงห้ามใส่เสื้อยืด ห้ามใส่กางเกงขาสั้น เพราะว่าโป๊ ห้ามซอยผม ถ้าผมยาวให้ถักเปียได้ คืออะไรที่เกี่ยวข้องกับความฟุ่มเฟือยใดๆ ทั้งหมด จะห้ามเด็ดขาด แล้วเท่าที่จำได้ไม่มีวันไหนที่ผมไม่โดนตี แล้วเรื่องที่โดนตีส่วนใหญ่ไม่ค่อยซ้ำด้วย แต่ก็ชินแล้ว เวลาถูกตีก็จะเฉยๆ เรียกได้ว่าสัมปทานหน้าเสาธงนี่เราผูกขาด คนดังว่างั้นเถอะ เรียนก็ระดับรองบ๊วยตลอด คือไม่สนใจเรียน ไม่ทำการบ้านด้วย ไม่อ่านหนังสือ เป็นเด็กที่ไม่มีคะแนนเก็บ แต่เวลาสอบ สอบได้ สอบผ่านทุกที

อาจเพราะเรารู้ เราเข้าใจ เลยสอบผ่าน เพียงแต่เราไม่ชอบและน่าเบื่อกับวิธีการเรียนการสอนในยุคที่ผมอยู่ ทำให้ไม่ค่อยสนใจ แต่พอเวลาผ่านไปตอนอยู่ประมาณ ม.1 ก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในชีวิต คืออาจารย์ทุกคนจะมองผมว่าไม่เอาถ่าน เป็นเด็กที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนเลย ดื้อด้วย สิ่งไหนที่เราอยากทำ จะตีให้ตายยังไงผมก็จะทำ แล้วตอนนั้นอาจารย์ใหญ่มาเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ ทุกคนกลัวอาจารย์คนนี้มาก แล้วแกเป็นคนไม่ฟังใครด้วย ทุกคนต้องตามแกหมด ผมมานั่งเรียนกับแก ผมก็ไม่รู้นึกอะไร ดันตั้งใจเรียนขึ้นมา แล้วก็นั่งคิดในใจว่าทำไมต้องไปคิดอะไรให้มันวุ่นวาย สูตรบ้าอะไรทำไมต้องมานั่งคิดตั้ง 10 บรรทัดกว่าจะได้คำตอบสักข้อ คือเราไปปิ๊งขึ้นมาไงว่าทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้ยาก ผมคิดของผม 3 บรรทัดก็ได้คำตอบแล้วง่าย และเข้าใจได้คำตอบเหมือนกันด้วย พอผมเขียนแล้วอธิบายให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ตกใจเลย แต่แกก็ไม่ได้พูดอะไร คือความที่เราโดนยอกย้ำบ่อยๆ ว่าเป็นคนไม่เอาไหน ทำให้ตอนแรกผมคิดว่าเรามันโง่นะ คิดว่าตัวเองโง่ไปเลย ก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองฉลาดเหมือนกันตอนอยู่ ม.1 นี่แหละ แล้วหลังจากนั้นการเรียนก็ดีขึ้นๆ ผมคิดว่าจริงๆ ทั้งหมดมันเป็นมุมหนึ่งที่เราไม่มั่นใจในตัวเอง เหมือนเวลาเราคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แล้วพอเรียนอะไรก็เรียนไม่รู้เรื่องตามไปด้วย เวลาเราทำข้อสอบก็เหมือนกัน แม้เราสอบได้ แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเราไม่ได้โง่ เพราะเด็กที่ไม่อ่านหนังสือแล้วมันสอบได้ก็มีเยอะเหมือนกัน

เลนส์โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ ปรับตัวยาก

เลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ ให้มุมมองกว้างที่สุด ปรับตัวได้ทันที

หลังจากนั้นอาจารย์มองเราเปลี่ยนไปจากเดิมไหม
อาจารย์เริ่มมองเห็น เริ่มเข้าใจเรามากขึ้น เขาให้โอกาสและเปิดโอกาสให้เราเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปทำกิจกรรมมากมาย ผมว่าถ้าเราลองย้อนไปในวัยเด็ก ถ้าเรามีใครที่เป็นเข็มทิศสักคน ก็จะช่วยเหลือเราได้เยอะเลยนะ เพราะผมมองว่าในปัจจุบันวัยรุ่นเคว้งเยอะ หาตัวเองไม่เจอ คนที่เป็นเข็มทิศก็จะเป็นการจุดประกายให้เรา มันเหมือนกับรถที่ถูกล็อกความเร็ว แค่มีคนมาคลิกปลดล็อกความเร็วแค่นี้มันก็พุ่งแล้ว
อย่างเมื่อก่อนผมเคยอิจฉาเด็กที่เรียนเก่งกว่า ได้เกรดสูงกว่า สอบอะไรได้ที่ 1 แต่พอตอนนี้ผมมาถึงตรงนี้แล้ว พอมองย้อนกลับไปที่เพื่อนๆ ที่ผมเคยอิจฉา ตอนนี้เขากลับอยู่ห่าง และล้าหลังผมมากเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ผมเคยคิดว่าคนที่เรียนเก่งน่าจะประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด

คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ที่คนเรียนเก่งใช่จะประสบความสำเร็จเสมอไป
ผมคิดว่าหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการเรียนเก่งคือความสำเร็จของชีวิตและเป็นกุญแจของความสำเร็จของชีวิต จึงไปยึดติดกับตรงนั้น แต่ปัญหาของคนที่เรียนเก่งคือ อย่างเช่นเราเรียนการตลาด ในตำราบอกว่า เมื่อยอดขายตกต่ำให้ลดราคา แถมของแล้วก็โฆษณา ตามตำราให้ทำตามนี้ แต่พอวันหนึ่งดันมีบริษัทมากมายเกิดโตขึ้นมาพรวดพราดประสบความสำเร็จแข่งกับเรา เขาก็ช็อกจะสู้ยังไง ตำราไม่ได้สอน ทำอะไรไม่ได้คิดนอกกรอบก็ไม่เป็นเพราะว่าเคยทำแต่ในข้อสอบ ตามหนังสืออย่างเดียว พอเกิดปัญหาอย่างมากก็กลับบ้านเปิดตำราการตลาด ซึ่งแทบจะหาไม่เจอ อ่านไม่เจอ ว่าต้องทำยังไง กลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้ แก้เกมไม่เป็น
แสดงว่าคุณชอบมองนอกกรอบ
ใช่ ผมชอบมองนอกกรอบ ผมมองว่าหนึ่งปัญหามันแก้ได้หลายวิธี อาจด้วยความที่ผมเป็นนักคิด ชอบคิดอะไรแผลงๆ คิดได้ตลอดเวลา สามารถคิดได้ 24 ชั่วโมง ผมตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่สมองวิ่งทันที อย่างบางทีระยะเวลาแค่ 5 นาที ผมเดินจากบ้านไปโรงเรียนผมคิดได้ร้อยกว่าเรื่อง คือสมองผมทำงานเร็วมาก

คุณเป็นคนคิดเร็ว แล้วถ้าคนอื่นตามคุณไม่ทันล่ะ หงุดหงิดบ้างไหม
ตลอดเวลา แต่ถ้าสมองผมทำงานเร็วเกินไป ผมก็ต้องหามือหาเท้ามาช่วยเสริม เพราะถ้ามีคนหนึ่งคน เราสั่งงานไปแล้วเขาทำไม่ทัน เราก็ต้องหาคนมาเพิ่มเท่านั้นเอง แต่เราไม่จำเป็นต้องปรับการทำงานของเราให้มันช้าลงนะ เพราะธุรกิจเดี๋ยวนี้มันไปเร็ว ความเร็วคือกุญแจดอกหนึ่งที่ไปสู่ความสำเร็จได้ ถ้าคุณทำอะไรได้เร็วคู่แข่งคุณไม่มีทางตั้งรับคุณทันแน่ คู่แข่งผมช็อกได้รายวัน ถ้าคนที่เขาคิดว่าเป็นคู่แข่งผมนะ คือผมเป็นคนที่ถ้าคิดจะทำอะไรผมก็ทำ อย่างคิดจะออกคอนเซ็ปโฆษณาใหม่ ออกบิลบอร์ด โปสเตอร์ คิดสามวันผมเสร็จแล้ว

เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟมีมานานหรือยัง
ที่จริง เลนส์โปรเกรสซีฟมีมาเป็นร้อยปีแล้วครับ ต้นคิดเป็นชาวอังกฤษ แต่ตอนแรกที่ทำออกมานั้นใส่ยาก ขายไม่ค่อยได้ ทั่วโลกนะ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ความที่มีราคาแพง การตรวจวัดประกอบยุ่งยาก ต้องวัดระยะห่างระหว่างเลนส์ถึงกระจกตา ดูความโค้งว่าแอ่นเข้าหรือแอ่นออก วัดมุม ก้มมุมเงย เพื่อให้ได้ค่าที่เที่ยงตรงที่สุด เพราะถ้าไม่แม่นพอ ลูกค้าจะใส่ไม่สบายหรืออาจใส่ไม่ได้เลย ที่เขาใส่เลนส์โปรเกรสซีฟกันไม่ค่อยได้ ใส่แล้วเวียนหัว ไม่มีอะไรหรอก คนทำไม่ละเอียดพอ จับใส่โป้ง เดินออกไปหัวทิ่มทั้งนั้นน่ะ เลนส์แพงขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าทำไม่เป็น ทั่วไปเลยนิยมใส่เลนส์ สองชั้นไว้มองธรรมดากับมองไกล

ใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟแล้วทำไมเหมือนได้ย้อนกลับไปยังวัยหนุ่มสาวอีกครั้ง
เพราะว่าเมื่อคนย่างอายุเข้าวัย 40 จะเริ่มสูญเสียความสามารถในการมองเห็นได้ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที และจะยิ่งมีอาการมากขึ้นตามวัย ส่วนใหญ่แล้ววัย 40 ปี จะเริ่มมองไม่ชัดที่ระยะ 40 เซนติเมตร เมื่ออายุ 50 จุดจะเริ่มมองไม่ชัดตั้งแต่ระยะ 1 เมตรลงมา ถ้าเขาใส่แว่น 2 ชั้น จะมองเห็นชัดที่ระยะ 40 เซนติเมตร กับระยะไกล ๆ แต่ถ้าระยะกลางที่อยู่ระหว่าง 40 เซนติเมตรถึง 1 เมตร จะมองเห็นไม่ชัด เมื่ออายุ 60 – 70 ปี จะมองเห็นไม่ชัดตั้งแต่ระยะ 4 เมตรลงมา กะระยะลำบาก เสียหลักได้ง่าย ในแต่ละปีมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ประสบอุบัติเหตุลื่นหกล้มทำให้ข้อสะโพกหัก ต้องเปลี่ยนมาใช้ข้อสะโพกเทียม

เคยได้ยินมาว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟใส่ยาก เพื่อนๆหลายคนทำมาแล้วใส่ไม่ได้เลย จริงหรือเปล่า
เป็นความจริงที่ว่า ทุกวันนี้ยังคงมีผู้ใช้แว่นตาจำนวนมากทั่วโลก เสียเงินหลายพันไปจนถึงหลายหมื่นบาทซื้อแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง ใส่แล้วเวียนหัว ส่วนใหญ่มักเกิดจากเลือกใช้เลนส์แว่นตาคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่น อีกส่วนหนึ่งเกิดจากตรวจวัดประกอบไม่ถูกต้อง
ปัจจุบันแว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพงส่วนใหญ่ จะใช้งานได้ดีแค่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งใช้งานได้ไม่ดี ใส่ไม่สบาย และมีจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้งานได้เลย แต่ผมสามารถทำแว่นตาโปรเกรสซีฟให้ทุกคนใช้งานได้ดี ใส่สบาย 100% ด้วยเคล็ดลับที่ค้นคว้าพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในโลกจนมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศ สมัยนั้นใครขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้ปีหนึ่ง 10 คู่นี่ถือว่าเก่ง ถ้าขายได้ปีละ 30 คู่ถือว่าสุดยอด แต่ผมเป็นคนแรกของเมืองไทยที่ขายได้มากกว่าปีละ 1,000 คู่ นอกจากยอดขายสูงสุดแล้ว ยังใส่สบาย ปรับตัวได้ง่าย ใส่ได้ทุกคน และสร้างมาตรฐานใหม่ของการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นไฮเอนด์ระดับโลก

กล้าที่จะประกาศทฤษฎีใหม่ว่าด้วยการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟแบบทวีคูณว่า ผู้ใช้เลนส์แว่นตา 2 ชั้นทุกคน สามารถใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้เป็นอย่างดี
ตอนได้รับเชิญให้ไปสอนที่งานแสดงแว่นตาระดับโลกที่เซี่ยงไฮ้ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาจากทั่วโลกต่างก็ตื่นเต้นกับการสาธิตเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์บนกรอบแว่นจำลอง จนผู้มาร่วมงานต่างกล่าวขวัญกันว่า มีคนไทยสอนเรื่องเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้เก่งมาก สอนติดต่อกันตลอดหลายวัน เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็ภูมิใจที่สร้างชื่อเสียงว่า คนไทยก็หนึ่งในเวทีแว่นตาโปรเกรสซีฟระดับโลกจนมีลูกศิษย์หลายพันคนทั่วโลกที่เรียนวิชาแว่นตาโปรเกรสซีฟขั้นสูงกับผมผ่านทาง www.apcthai.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Advance Progressive Addition Lenses Club (APC) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นเว็บไซต์ด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ที่ดีที่สุดในโลก

คิดอย่างไรถึงได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาทั่วโลก
ผู้มีอาการสายตายาวระยะใกล้หลายพันล้านคน ต้องการใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ให้ผมทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่ เพราะฉะนั้นผมจึงถือว่าร้านแว่นอื่นไม่ใช่คู่แข่งผมแต่เป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ผมจึงสอนให้คนที่สนใจแบบไม่หวงวิชา สอนแก่นแท้จริงๆ มานั่งเรียนกับผมวันเดียว รุ่งขึ้นคุณไปทำได้เลย ผมสอนลูกศิษย์เสมอว่า ”ถ้าเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง” ขอเพียงให้คุณเชื่อ เวลามาเรียนกับผม เพียงนั่งลงเปิดใจทำตามที่ผมสอน แล้วคุณดูสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับคุณในวันรุ่งขึ้น นี่คือกติกา ผมขอแค่นี้
ผมศรัทธาในคุณค่าของมนุษย์ทุกคนว่ามีพลังยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้ เพียงแค่บิดสวิทช์จากความคิดแง่ลบเป็นความคิดแง่บวก ก็จะสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ในข้ามคืน เวลาผมไปสอนเรื่องเลนส์โปรเกรสซีฟขั้นสูงที่ต่างประเทศ ผมได้รับการยอมรับว่าสอนได้ผลทันตาเห็นมากที่สุด เพราะผม สามารถเปลี่ยนความคิดและจิตใจของผู้เรียนได้ ผมพูดเสมอว่า “All you have to do is only believe and do what I say. Tomorrow, the miracle will happen in your optic shop. “เชื่อเถิดเท่านั้น ทำตามที่ผมบอก แล้วสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นในร้านแว่นของคุณเอง” ผมมีชื่อเสียงด้านการสอนแล้วได้ผลจริง เปลี่ยนชีวิตผู้เรียนได้ในข้ามคืนแบบก้าวกระโดด ถ้าเราเปลี่ยนชีวิตของใครสักคนให้ดีขึ้นได้นั่นแหละคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสุดยอดแล้วของชีวิต
สอนเกือบทุกวัน วันละแปดชั่วโมงอยู่ปีกว่า ทางมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็เชิญผมไปสอน ปีถัดมาก็ไปเซี่ยงไฮ้ จนต้องเปิดเว็บไซต์และเว็บบอร์ด www.apcthai.com เผยแพร่เทคนิคการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟขั้นสูง กล้ารายงานผลการทดสอบเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟแต่ละรุ่นอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่นราคาแพงหลายรุ่นคุณภาพไม่สมราคา จนผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตเลนส์โปรเกรสซีฟยักษ์ใหญ่ถึงกับโทรมาข่มขู่ผมและครอบครัวหลายครั้ง

หลายคนเคยบอกว่าแว่นสายตาถ้าตั้งเซ็นเตอร์ไม่ตรง จะใส่ไม่สบาย คุณโบบิทำอย่างไรให้เซ็นเตอร์ตรง
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกประกอบแว่นระบบสามมิติ เริ่มจากใช้ดิจิตอลพีดีมิเตอร์ (Digital Pupil Distance Meter) วัดจุดกึ่งกลางตา จมูกคนเราไม่ได้อยู่กึ่งกลางใบหน้าเสมอไป จึงต้องหาจุดกึ่งกลางให้เจอ ถ้าวางจุดตรงนี้ผิด ก็คือการแถมปริซึมให้คนไข้ นี่คือที่มาว่าทำไมตัดแว่นมาแล้ว แว่นเอียง ดูแปลกๆ ต้องปรับสายตาอีกพักหนึ่ง เมื่อได้ค่าจุดกึ่งกลางตาดำมาแล้วก็ต้องตั้งเซ็นเตอร์เลนส์ให้แม่นยำด้วยเครื่องวัดกำลังเลนส์ดิจิตอลแบบ 9 ลำแสง ที่สามารถวัดกำลังเลนส์ได้ละเอียดถึง 0.01 ไดออปเตอร์ แล้วฝนเลนส์ด้วยระบบสามมิติด้วยความแม่นยำถึง 0.01 มิลลิเมตร หลังจากนั้นจึงปรับแป้นจมูกให้พอดีกับสันจมูกของผู้ใช้แว่นอย่างปราณีตแล้วตรวจสอบความถูกต้องของเซ็นเตอร์อีกครั้ง

ร้านแว่นส่วนใหญ่ทั่วโลกขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพสูงเหมือนคุณโบบิหรือเปล่า
ร้านแว่นทั่วโลกส่วนใหญ่เชื่อว่า เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ราคาแพงมาก มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนในโลกที่กล้าซื้อ จึงขายแต่เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่น แต่ผมเชื่อว่าผู้มีปัญหาทางสายตาทุกคน ต้องการใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์คุณภาพสูง และเมื่อได้ทดลองใช้ ลูกค้ายอมรับว่าแพงแต่ดี ใช้ได้หลายปี ค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละพันกว่าบาท ผมจึงสามารถขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์คู่ละหลายหมื่นบาทได้มากที่สุด จนมีชื่อเสียงในระดับโลก

ทราบมาว่าแว่นตาของไอซอพติก ตรวจวัดละเอียดมาก อันละเป็นแสนๆ สั่งทีรอเป็นเดือนๆ
ราคาเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มีให้เลือกตั้งแต่คู่ละ 18,000 บาท – 80,000 บาท ใช้เวลาทั้งสิ้นเฉลี่ยแล้วต่อชิ้นประมาณ 45 วันตั้งแต่กระบวนการตรวจวัด วิเคราะห์ค่าสายตา ทดลองเลนส์ ออกแบบเลนส์ สั่งเลนส์ ประกอบแว่นตาจนถึงส่งมอบให้กับลูกค้า เรามุ่งมั่นทำให้ชิ้นงานทุกชิ้นมีความละเอียด ถูกต้อง แม่นยำมากที่สุด

ลูกค้าของคุณโบบิ เป็นกลุ่มไหน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ต้องการคุณภาพการมองเห็นระดับสุดยอด ใส่แล้วเป็นผลดีต่อสายตา มองเห็นได้ชัด ใส่สบาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น บ่อยครั้งที่ลูกค้าบอกผมว่า แว่นของผมใส่แล้วรวยขึ้น สบายขึ้น มีความสุขมากขึ้น 98% เป็นระดับ Chief Executive Officer (CEO) , Managing Director (MD) , ผู้บริหารระดับสูง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัว หรือ Specialist หรือไม่ก็เจ้าของกิจการ

มีความทรงจำอันแสนประทับใจกับลูกค้าคนไหนเป็นพิเศษไหม
ลูกค้าชาวนอร์เวย์มาทำแว่นโปรเกรสซีฟกับผม แล้วใช้ดีกว่าแว่นเดิมที่ทำจากยุโรปมาก จึงพาคุณพ่อวัย 85 ปีที่ต้องทุกข์ทรมานกับการพกแว่นตาชั้นเดียวอันหนึ่งไว้มองไกล อีกอันหนึ่งไว้มองใกล้ เคยทำแว่นตาสองชั้นและแว่นตาโปรเกรสซีฟในยุโรป แต่ใช้ไม่ได้ ผมให้ทดลองใส่เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพสูงบนกรอบแว่นจำลอง ปรากฎว่าลูกค้ารายนี้ตื่นเต้นมาก ที่มองได้ชัดทุกระยะ เดินขึ้นลงบันไดได้อย่างสบาย เห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของลูกค้าแล้ว หายเหนื่อย รู้สึกคุ้มค้าที่ทุ่มเทพัฒนาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟ ที่ลูกค้าสามารถทดลองด้วยตนเองได้ทันทีก่อนซื้อ

ร้านแว่นส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ลด 20% – 80% คุณโบบิลดกี่เปอร์เซนต์
ผมสร้างมาตรฐานสูงสุดของราคาเลนส์แว่นตา กรอบแว่นสายตา แว่นกันแดด ด้วยระบบ Fair Price = Same Price For Every One ไม่มีการบวกราคาเผื่อลดเหมือนร้านแว่นทั่วไป ลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่ ซื้ออันเดียวหรือซื้อสิบอัน ซื้อแสนเดียวหรือหลายแสน ได้ราคาเดียวกันหมด สินค้าทุกชิ้นรับประกันความพอใจแบบไม่มีเงื่อนไข 6 เดือนเต็มและรับประกันคุณภาพการใช้งาน 2 ปีเต็ม จริงๆแล้วเป็น “ Better Life guarantee ” นะ ใส่แว่นผมแล้วถ้าชีวิตไม่ดีขึ้น เอามาคืนได้ ผมควบคุมมาตรฐานการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ด้วยตัวเองอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้แว่นตาที่ดีที่สุด ใส่สบายที่สุด ถ้าลูกค้าใส่แว่นตาแล้วบ่นว่าใส่ไม่สบายแม้แต่นิดเดียวหรือในรายละเอียดปลีกย่อยที่สุด ผมจะต้องหาคำตอบให้เจอว่าทำไม ขณะที่ร้านแว่นทั่วไปมักไม่สนใจ ทำให้การทำงานไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นลูกค้าผม แว่นตาจะต้องสมบูรณ์แบบ ของผมนี่ถ้าเลนส์หลวม ลูกค้าเอาไปใส่ก็ไม่กระชับ ผมต้องทำให้ใหม่ ขาดทุนก็ต้องทำ เพราะถือว่าถ้ารับเงินลูกค้ามาแล้วต้องทำให้ดีที่สุด

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์ โปรเกรสซีฟทั่วไป มุมมองแคบ

ภาพที่เห็นจากการมองผ่านเลนส์โปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มุมมองกว้าง

คุณโบบิมองกลุ่มลูกค้าที่เป็นแพทย์อย่างไรเพราะว่าต้องดูแลชีวิตคนไข้
ผมมองว่าชีวิตของคนไข้ขึ้นอยู่กับคุณภาพการมองเห็นของแพทย์เป็นสำคัญ หากแพทย์สามารถรักษาคุณภาพการมองเห็นของสายตาตนเองให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ ก็จะสามารถผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ได้ดียิ่งขึ้น ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ที่เกษียณตัวเองจากการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทางสายตา จะดีแค่ไหนถ้าศัลยแพทย์อาวุโสที่มีประสบการณ์สูง สามารถกลับมาผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ได้อีกครั้งอย่างมั่นใจแม้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน เทคโนโลยีแว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้แล้ว

ถ้าตัดแว่นใหม่มาแล้วงง พยายามฝึกใส่หลายสัปดาห์ก็ยังไม่ดีขึ้น ควรฝืนใส่ต่อไปไหม
ไม่ควรนะ แต่ถ้าฝืนใส่ติดต่อกันหลายเดือน คุณจะใส่แว่นอันนั้นได้จริงๆ โดยไม่งง อย่างนั้นน่ะน่ากลัว เพราะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพสายตาและลดประสิทธิ์ภาพในการทำงานด้านการคิด
แว่นสายตา ถ้าตรวจวัดสายตาอย่างแม่นยำ เลือกใช้เลนส์แว่นตาคุณภาพดี ประกอบอย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ระยะเวลาการปรับตัวไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง
เรามองดูด้วยตา แต่มองเห็นด้วยสมอง กรณีตรวจวัดไม่ถูกต้อง หรือใช้เลนส์แว่นตาคุณภาพต่ำ หรือประกอบไม่ถูกต้อง อาจมีอาการปวดหัว มองไม่ชัด แต่หากฝืนใช้ประมาณ 3 เดือน สมองส่วนควบคุมการมองเห็นจะพยายามฝืนปรับตัวเข้าหากำลังเลนส์หรือตำแหน่งของแว่นที่ไม่ถูกต้องได้ แต่จะทำให้สายตาล้าเร็วกว่าปกติ ทำให้ความสามารถด้านอื่นๆของสมองลดลง พอฝืนเพ่งแล้วเห็นชัด สมองก็จะเอากำลังที่มีอยู่ไปทำงานด้านการเพ่งให้มองเห็นชัดอยู่ตลอดเวลา ความสามารถในการคิดก็จะลดลง คนส่วนใหญ่ไม่รู้ข้อนี้

ทำไมเวลาตัดแว่นสายตากรอบโค้งใส่แล้วเวียนหัว ใช้ไม่ได้เลย
ร้านแว่นส่วนใหญ่ทั่วโลก ยังใช้เลนส์แว่นตาชั้นเดียวเทคโนโลยีอื่นที่ออกแบบสำหรับกรอบแว่นที่มีความโค้งด้านหน้าของกรอบไม่เกิน 5 องศา ขณะที่กรอบแว่นโค้งในปัจจุบันมีความโค้งด้านหน้าของกรอบมากกว่าปกติถึง 5 เท่า เมื่อฝืนนำมาใช้กับกรอบโค้งจะทำให้ความคมชัดต่ำ มุมมองแคบ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว จึงเกิดอาการมึนงง ใส่ไม่สบาย กะระยะผิดพลาดได้ง่าย และจะยิ่งแย่ลงเป็นทวีคูณถ้าเป็นเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ทุกวันนี้ยังคงมีผู้บริโภคจำนวนมากทั่วโลก จ่ายเงินหลายหมื่นบาทซื้อแว่นสายตากรอบโค้งที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง

ทำไมแว่นสายตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก จึงใช้งานได้ดีแม้บนกรอบแว่นโค้ง
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟสำหรับกรอบแว่นโค้งโดยเฉพาะด้วยเครื่องมือทันสมัยระบบดิจิตอล 3 มิติ ที่คำนวณระยะห่างจากตาถึงเลนส์แว่นตา ค่าความโค้งและมุมก้มเงยของกรอบแว่น แล้วออกแบบและผลิตเลนส์แว่นตาระดับไฮเอนด์เทคโนโลยีล่าสุด ที่ให้คุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด ใส่สบายที่สุด

ทำไมคุณโบบิ ถึงทำแว่นได้ดีกว่าคนอื่น
ผมไม่ได้เก่งที่สุดในโลกเรื่องการทำเลนส์ หรือการตัดแว่น แต่ที่ทำแว่นได้ดีกว่าคนอื่นๆเพราะทำอย่างสุดใจ เวลามีรายยากๆเข้ามา ผมจะคิดอยู่นั่นว่าทำยังไงให้เขาเห็นดีที่สุด เคยมีนะ แก้กันอยู่นั่น ลูกค้าเลยเห็นว่าผมไม่ทิ้งโจทย์ ไม่ปัดให้พ้นตัว คิดอยู่นั่นว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เกิดอะไรขึ้น แล้วจะแก้ยังไง ถ้าผมคิดวิธีได้ ผมจะบอกลูกค้า แล้วถามว่าคุณจะเอาวิธีของผมมั้ย ผมไม่เคยหยุดนิ่ง ศึกษาค้นคว้าหาความรู้แล้วนำมาต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะตรวจวัดสายตาประกอบแว่นระดับไฮเอนด์ให้ดีที่สุดในโลก เพราะผมศรัทธาในคุณค่าการมองเห็นของมนุษย์ว่าสูงค่า ผมเชื่อว่า “ Life is beautiful and sight is life ” ความสุขของผมอยู่ที่การได้ทำให้คุณภาพชีวิตของใครสักคนดีขึ้น ด้วยแว่นตาที่ผมทำให้ ผมจึงทุ่มเทกำลังความคิด สติปัญญา ทั้งหมด ทำแว่นตาที่ช่วยให้มองเห็นดีขึ้น รู้สึกสบายขึ้น มีบุคลิกภาพต้องตาต้องใจคนรอบข้างมากขึ้น ผมชอบพูดกับลูกค้าชาวต่างชาติเสมอว่า ผมอยากทำให้พวกเขา “ See better , feel better and look better no matter how old you are” สำหรับผมแล้วการทำแว่นให้ลูกค้ามองเห็นได้ดีขึ้นยังไม่พอ แต่ต้องมองเห็นได้ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ( Instant crystal clear vision at any distance like when you was young ) ใส่แล้วมีพลัง ทำงานได้ดีขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง
แว่นทุกอันผมเป็นคนสกรีนตรวจสอบทุกค่าสายตาด้วยตัวเอง เพราะอยากให้แว่นทุกอันจาก ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกคือแว่นที่ดีที่สุดในโลก ใช้เทคโนโลยีระดับ State of the art ที่ทันสมัยที่สุด ตรวจวัดประกอบด้วยความปราณีตระดับมาสเตอร์พีซ ใส่ใจในทุกรายละเอียด เป็นหลักการที่ผมยึดถือมาตลอด เพราะนิสัยส่วนตัวของผม ถ้าทำแล้วไม่ดีก็ไม่ทำเลย แต่ถ้าทำแล้วต้องสุดยอด
ปรัชญาการทำแว่นของผม จึงครอบคลุม 3 ประการ “See better, Feel better and Look better.” ผมมักเอ่ยคำว่า “Welcome to better life” ยามส่งมอบแว่นให้ลูกค้าชาวต่างประเทศ

คุณโบบิ มักพูดบ่อยๆว่า “Life is too short to limit your vision” หมายความว่าอย่างไร ?
“Limit your vision = Limit your life” เราไม่ได้มีอายุยืนยาวสองร้อยปี แล้วทำไมเราต้องจำกัดคุณภาพการมองเห็นของตัวเราเองเพียงเพราะเสียดายเงินเดือนละไม่กี่พันบาท ทำไมเราต้องจำกัดประสิทธิ์ภาพในการทำงาน จำกัดกำลังความคิด จำกัดสติปัญญาของตัวเราเองด้วยการใช้เลนส์แว่นตาคุณภาพต่ำ ผมกล้ารับประกันว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์สามารถช่วยให้ผู้มีอาการสายตายาวระยะใกล้ มองชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที ใส่สบาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น มีชีวิตที่ดีขึ้น บ่อยครั้งที่ลูกค้าบอกผมว่า แว่นของผมใส่แล้วรวยขึ้น สบายขึ้น มีความสุขมากขึ้น จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ขายเลนส์แว่นตานะ ผมขายคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้
ผมรักการมองเห็นของผู้คน เชื่อมั่นในคุณภาพของการมองเห็นของผู้คนว่าสูงค่า แว่นสายตาระดับไฮเอนด์ของไอซอพติกจึงไม่ใช่แค่แว่นสายตาที่ทำให้มองเห็นชัด แต่เป็นแว่นสายตาแห่งความเชื่อ ใส่แล้วมีพลัง มีความสุข มีวิชั่น มองได้ไกลขึ้น เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น และถ้าคุณเชื่อ คุณก็ทำได้ทุกสิ่ง

เทคนิคการครองใจลูกค้าของคุณโบบิ
ผมทำแว่นตาคุณภาพสูงสุดให้ลูกค้าทุกรายด้วยใจ ต่อให้มีลูกค้าเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยลดความใส่ใจในรายละเอียด ไม่เคยทำงานแบบลวก ๆ พยายามพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนวันนี้มาตรฐานของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เหนือกว่ามาตรฐานยุโรปแล้วนะ สำหรับผมแล้วการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการทำธุรกิจคือ การลงทุนใส่ใจกับลูกค้าให้มากที่สุด ให้บริการที่ดีที่สุด ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มาใช้บริการ และอยากพาคนที่เขารักมาด้วย ผมชอบดื่มกาแฟชั้นเยี่ยม จึงลงทุนติดตั้งเครื่องชงกาแฟแรงอัดสูง คัดเลือกเมล็ดกาแฟชั้นดี ชงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้กาแฟรสชาดระดับโลก คอกาแฟถ้ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ควรงดการดื่มกาแฟที่อื่น แล้วมาดื่มด่ำกับกาแฟระดับไฮเอนด์ครับ โดยเฉพาะลาเต้ของเราตอนนี้สู้ลาเต้ชั้นนำในยุโรปได้สบายมาก ลูกค้าผมมักจะนำเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยมจากคอสตาริกา อิตาลี บราซิล มาให้ผมชิมเป็นประจำแล้วผสมกันจนได้สูตรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาดเข้มแบบอิตาเลียนแต่นุ่มแบบบราซิลเลียน

นอกจากทำแว่นแล้ว คุณโบบิสนใจทำเรื่องไหนอีก
นอกจากทำแว่นให้คนมองเห็นได้ดีที่สุดแล้ว ผมยังอยากดูแลสุขภาพสายตาให้สามารถมองเห็นได้นานที่สุด เราเป็นร้านแว่นร้านเดียวในโลกตอนนี้ที่ถ่ายจอประสาทตาให้ผู้ใช้บริการทุกคนภายใต้การดูแลจากจักษุแพทย์ เพราะแค่เราถ่ายภาพจอประสาทตาแล้วให้จักษุแพทย์วิเคราะห์ผลให้ลูกค้าได้ปีละหมื่นคน ก็ช่วยคนจำนวนมากไม่ให้เสี่ยงกับการสูญเสียคุณภาพการมองเห็นอันเนื่องมาจากจอประสาทตาเสื่อมได้แล้ว
ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เราตรวจสุขภาพสายตาเบื้องต้นโดยจักษุแพทย์ และ Doctor of Optometry แล้วประสานงานกับโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด บ่อยครั้งที่พบว่าคนไข้ ‘สงสัยจะเป็นไทรอยด์’ หรือ ‘เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอาจจะมีปัญหา’ เราก็จะบอกคนไข้ให้ไปพบแพทย์เฉพาะทาง ตรงนี้ผมว่าสำคัญ เป็นการดูแลคนไข้ระดับนึง เพราะปัญหาของคนไทยคือไม่ชอบไปโรงพยาบาลตรวจสุขภาพสายตาประจำปี เรามักจะไปตอนมันสายไปแล้ว
หรือบางรายอายุสัก 60-80 ปี มีสีขาวขุ่นๆที่ขอบลูกตาดำเป็นวงเลย อันนี้ไม่กระทบการมองเห็นเพราะรูม่านตาอยู่กลางตาดำ แต่เป็นสัญญาณว่าคอเลสเตอรอลสูง ไขมันมาเกาะที่กระจกตาแล้ว จะเตือนคนไข้ให้ปรึกษาแพทย์ต่อไป

แผนงานในอนาคต
นอกจากเป็นศูนย์ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ระดับโลกแล้ว ผมอยากจะดูแลสายตาของผู้คนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงบั้นปลายของชีวิต โดยจัดให้มีศูนย์ดูแลสุขภาพสายตาเด็กเล็ก ศูนย์ดูแลสุขภาพสายตาเด็กวัยเรียน ศูนย์ดูแลสุขภาพสายตาคนวัยทำงาน และศูนย์ดูแลสุขภาพสายตาผู้สูงอายุ Doctor of Optometry และจักษุแพทย์ งบประมาณในการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด ไม่จ่ายยา ไม่ผ่าตัด ไม่วินิจฉัยโรค แต่เป็นศูนย์ตรวจสุขภาพสายตาเบื้องต้นและส่งต่อคนไข้ที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดยประสานงานกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค เพื่อคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุดของผู้ใช้บริการทุกท่าน ไม่ใช่แค่ให้มองเห็นได้ดีที่สุดเท่านั้น แต่เพื่อให้คงการมองเห็นที่ดีที่สุดไว้ให้ได้นานที่สุด

มีความฝันที่ใหญ่กว่าไหม
เยอะมาก ทุกวันนี้ผมยังคงมีความฝัน มีเป้าหมายสำคัญแน่นอนที่จะทำให้สำเร็จ ตอนนี้ขาดแค่เงินทุนเท่านั้นเอง ถ้าผมระดมทุนได้สักร้อยล้าน ผมจะขยายศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกให้มีห้องตรวจวัดสายตา 100 ห้อง มี Doctor of Optometry ประจำ 100 ท่าน มีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครบทุกโรค เพื่อรองรับผู้ใช้บริการจากทั่วโลกได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีคุณภาพดีที่สุดในโลกได้ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 คน เป็นศูนย์รวมเลนส์แว่นตาระดับไฮเอนด์ที่ดีที่สุดในโลก มีกรอบแว่นคุณภาพสูงทุกแบรนด์ ทุกรุ่น ทุกคอลเลคชั่น บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร อยากเช่าตึก ERAWAN BANGKOK ทั้งตึกนะ ถ้าไม่พออาจต้องเช่าตึกอัมรินทร์อีกตึกนึง ผมอยากให้โลกรู้ว่า ถ้าต้องการแว่นสายตาระดับสุดยอด ต้องทำที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเท่านั้น อยากพิสูจน์ให้โลกรู้ว่า “ คนไทย ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ได้ดีที่สุดในโลก “ หลังจากนั้นอาจเปิดศูนย์บริการย่อยไอซอพติก ที่ดูไบ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ โตเกียว โคเปนเฮเก้น มิวนิค และมหานครหลักๆของโลก เพื่อบริการลูกค้าทั่วโลกหลังการขาย

นอกจากฝันเรื่องศูนย์แว่นตาไฮเอนด์ที่ใหญ่และดีที่สุดในโลกแล้วยังมีความฝันอื่นอีกไหม
เอาเรื่องใกล้ตัวตรงสี่แยกราชประสงค์ดีกว่า ผมตั้งบริษัท ไฮเอนด์อินเตอร์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อรวบรวมสินค้าและบริการระดับไฮเอนด์จากทั่วทุกมุมโลก จับกลุ่มเป้าหมายคนที่รวยที่สุดหนึ่งล้านคนแรกของโลก สี่แยกราชประสงค์นี่แหละทำเลสวยสุด ตึกเกษรเหมาะที่สุดขนาดกำลังดีที่จะทำ Hi-End Shopping Centre ภายใต้แนวคิด “ Hi-End Life , Hi-End Product , Hi-End Shopping Centre “ สินค้าและบริการทุกชิ้นเป็น “ Better Life Guaranteed “ ซื้อแล้วถ้าชีวิตไม่ดีขึ้น ยินดีคืนเงิน รับประกันว่าสินค้า-บริการ ทุกอย่าง ทุกชิ้น คุณภาพระดับสุดยอด ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว อยากได้อะไรที่ไฮเอนด์ สุดยอด ที่สุดของที่สุด ที่นี่ที่เดียวจบ อยากได้อะไรก็แค่โทรเข้า Hi-End Call Centre สั่งได้ทุกอย่าง อยากได้กระเป๋าหลุยส์ สั่งทำพิเศษใบละล้าน อยากได้นาฬิกา PATEK สั่งทำหน้าปัทม์เป็นรูปครอบครัว เรือนละห้าสิบล้านบาท สั่งได้หมด เป็นศูนย์รวมอาหารระดับไฮเอนด์ ปลาตัวละล้าน สเต็กจานละหมื่น ไวน์ขวดละแสน แตงโมลูกละพัน รถสปอร์ตคันละสองร้อยล้าน เสื้อตัวละล้าน ประมาณว่าเป็นสวรรค์แห่งการช๊อปปิ้งที่ดีที่สุดของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลก มีพันล้านช๊อปครึ่งวันหมด ผมไม่ชอบ Paragon เพราะใหญ่เกินไป ไม่เหมาะจะทำ Hi-End Shopping Centre ตึกเกษรนี่แหละขนาดกำลังน่ารักเลย
พอเดินข้ามฝั่งมา ERAWAN BANGKOK ก็เป็น ISOPTIK : The World Best Hi-End Eyeglasses Centre ไง (ยิ้ม ดวงตาเป็นประกายอย่างมุ่งมั่น)

ในเวลานี้คุณประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องงาน และเรื่องอื่นๆ คิดว่าทั้งหมดเป็นรางวัลการจากทุ่มเทของคุณรึเปล่า
ไม่นะ ผมว่าทั้งหมดคือสิ่งที่พระเจ้ามอบให้ แล้วผมก็มีหน้าที่ให้ต่อไปยังคนอื่น คริสเตียนเราเชื่อว่าเราได้รับพรจากพระเจ้า แล้วพระเจ้าก็ตั้งเรามาเพื่อให้พรกับคนอื่นต่อไป และหัวใจหลักของคริสเตียนก็คือ ถ้าคุณสามารถทำให้ชีวิตของใครสักคนหนึ่งดีขึ้น นั่นคือคุณได้รับใช้พระเจ้า และนี่แหละคืองานที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นมนุษย์ การที่คุณทำให้ชีวิตของใครสักคนให้ดีขึ้น เปลี่ยนชีวิตของใครสักคนให้ดีขึ้นได้ นั่นคือความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์สามารถทำต่อมนุษย์ด้วยกัน

มีความฝันอื่นๆอีกไหม
เยอะมาก ผมอยากเกษียณตัวเองตอนอายุ 50 เพื่อใช้เวลาอยู่กับภรรยาและลูกๆ อย่างเต็มที่จนถึงอายุ 60 แล้วผมจะลงเล่นการเมืองสักสิบปี เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นสำหรับลูกหลานรุ่นต่อไปของเรา ถ้ามีคนไทยคิดเหมือนผม ทำเหมือนผมสักหนึ่งพันคน มีโอกาสสูงที่เราจะทำได้นะ

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?