ปรมาจารย์โบบิ ( คุณ สมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ ผู้ก่อตั้งศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ผู้บุกเบิกการทำแว่นตาที่ใช้เทคโนยีที่ทันสมัยที่สุด ) ได้มาพูดคุยกับ Expression เกี่ยวกับความตั้งใจของท่านที่จะมอบสายตาที่ดีที่สุดเพื่อชีวิตที่สดใส แค่เชื่อเท่านั้น ผู้มีบุคคลิกที่มุ่งมั่น ผู้ก่อตั้งศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกและเป็นผู้บุกเบิกแว่นตาเฉพาะบุคคล สู่ธุรกิจดูแลสายตาระดับสูง ปรมาจารย์โบบิ กล่าวว่า ผมภูมิใจที่ได้พิสูจน์ แก่คนทั้งโลกว่าคนไทยสามารถทำแว่นตาที่เฉพาะบุคคลที่ดีที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อประกาศให้โลกรู้
ปรมาจารย์โบบิ ในวัย 52 ปี ที่มีหน้าตาดูอ่อนกว่าอายุจริง ใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงความสงบ ผมต้องการให้คนรุ่นใหม่ เข้าใจว่าสิ่งที่คุณต้องตาม คือ ความทะเยอะทยานแล้วคุณจะสามารถเป็นผู้ชำนาญหรือนักลงทุน แต่สิ่งแรกที่ควรจะต้องมีคือเชื่อในตัวเอง และผลักพลังของคุณออกมา หยุดคิดว่าคุณ ทำไม่ได้และจำกัดตัวเอง โดยคาดหวังสิ่งที่ดีๆ และเชื่อในความสามารถของตัวเอง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งง่ายที่จะค้นพบตัวเองและสิ่งที่ตนเองชอบ พยายามหาสิ่งที่คุณสามารถทำได้ดีที่สุดและทำมันให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน และดีขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะลืมวันลืมคืน และนั่นคือความฝันของคุณ จงอย่าไปตามความฝันของใคร
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราไล่ตามบางสิ่ง ให้คิดไปข้างหน้าในทุกๆวัน และวันหนึ่งพวกเราจะตื่นมาพบกับความจริงว่าเราคือ The best ในที่ตรงนั้น จงฝันและอย่าให้ใครมาทำลายความฝัน ผมจึงได้เอามาเป็นปัจจัยในการใช้ชีวิต ผมขอให้ผู้ปกครองอย่ากดดันความฝันของเด็กๆ ผมค่อนข้างกังวลเพราะในหลายครอบครัว พวกเขาต้องการให้เด็กๆ เป็นหมอเพื่อความมั่นคง มีตำแหน่งที่ยอมรับในสังคม แต่ไหนคือความสุขของลูกคุณ ในความเท่าเทียมกัน ความสุขจะมาจากการได้ทำสิ่งที่คุณรัก ถ้าหากลูกๆ ของคุณมีความฝัน อย่ากดดันเขา จงสนับสนุนเขา ถ้าหากลูกคุณมีความฝันที่จะเป็นพ่อครัวที่ผัดผักได้อร่อยที่สุด ผมรับประกันว่าในอนาคต เขาจะเป็นคนที่รวยและมีชื่อเสียง เพราะว่าคนทั่วโลกจะเดินทางมากินอาหารของเขา
ผมเคยพบกับคนที่ไม่มีความฝัน พวกเขาจึงใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ พวกเขาไม่มีความเชื่อกับอะไรเลย พวกเราไม่สามารถอยู่โดยปราศจากความเชื่อ ผู้ปกครองมากมายบังคับลูกของพวกเขาให้ทำสิ่งที่ตนเองต้องการ ซึ่งมันไม่ใช่
ปรมาจารย์โบบิ พูดจากประสบการณ์ ผมมีโอกาสได้ทำตามความฝัน ซึ่งความฝันของผมตั้งแต่ผมเป็นเด็ก คือมองดูคุณพ่อ คุณสว่าง แห่งร้านแว่นตาสว่างในจังหวัดตรัง ( ศูนย์แว่นตาระดับไฮเอนด์เล็กๆ ที่ก่อตั้งมาเกือบ 50 ปี ) เพื่อช่วยเหลือลูกค้า
คุณพ่อของผมเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจนี้ในประเทศไทย โดยท่านได้นำเครื่องวัดสายตาแบบดิจิตอล 3 มิติเข้ามาใช้เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากประเทศเยอรมัน ซึ่งให้ผลในการตรวจวัดสายตาที่มีความเสถียรที่สุด ทุกรายละเอียดและการทำงานอย่างมีระเบียบ เป็นการแสดงความนับถือต่อลูกค้าของท่าน ผู้ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแว่นตาที่ดีที่สุด ผลงานชิ้นเอกของคุณพ่อมีความละเอียดอ่อนและสมบูรณ์แบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้กลายมาเป็นพื้นฐานการทำงานของผม นั่นคือแว่นทุกๆ อันต้องสมบูรณ์แบบ!
หลังจากนั้น ผมก็ยังไม่มีร่องรอยว่าจะสามารถทำแว่นตาดีๆ ได้สักอันอย่างไร จนวันหนึ่งมีลูกค้า VIP ที่ย้ายไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ได้กลับมาทำแว่นกับคุณพ่อเพิ่มอีกอัน ผมจะทำอย่างไร หากวันหนึ่งคุณไม่อยู่แล้ว? แล้วคุณพ่อก็ชี้มาที่ผม ซึ่งตอนนั้นผมอายุ 7 ขวบ และท่านตอบกลับไปว่า ถ้าผมไม่อยู่แล้วลูกชายผมคนนี้ จะทำแว่นที่ดีที่สุดให้ท่านใส่ คำพูดของคุณพ่อในวันนั้นทำให้ผมฝันเห็นผู้คนแต่งตัวภูมิฐานมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาทำแว่นตาที่ดีที่สุดในโลกกับผม แล้วผมได้เล่าให้คุณพ่อฟัง ท่านพูดว่า จงมีความเชื่อเท่านั้น ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
กุญแจสู่ไอซอพติก ประสบความสำเร็จมาจากความตั้งใจ และความตั้งใจนี้จึงได้เกิดระบบเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ปรมาจารย์โบบิ อธิบายว่า ผมได้ทุ่มเทเวลาเป็นปีในการศึกษาและค้นคว้าการพัฒนาทางเทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างแว่นตาที่ดีที่สุด และวันนี้ผมภูมิใจที่จะนำเสนอเลนส์โปรเกรสซีฟ ที่ผลิตด้วยระบบดิจิตอล 3 มิติ
เทคโนโลยีที่คนส่วนใหญ่ใช้กันแพร่หลาย ในการทำแว่นโปรเกรสซีฟให้ลูกค้าที่มีราคาแพงเป็นเลนสกึ่งสำเร็จรูป และเป็นโครงสร้างตายตัว ปรมาจารย์โบบิ กล่าว เลนส์จำพวกนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเฉพาะบุคคล จึงทำให้ผู้สวมใส่ต้องปรับตัวเข้าหาเลนส์ กำลังเลนส์ในแต่ละระยะมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ราบรื่น ความสามารถในการโฟกัสช้า และทำให้ต้องเพ่งมากขึ้นซึ่งแว่นตาโปเกรสซีฟเหล่านี้ใส่ไม่สบายตามีอาการวูบวาบ และภาพบิดเบือนด้านข้างมากเวลาหันหน้า หลายต่อหลายคนกะระยะผิดในการเดิน ขับรถ หรือ ขึ้นลงบันไดต่างระดับ
แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกทำให้คุณไม่ต้องพกแว่นหลายๆ อัน ปรมาจารย์โบบิ เอ่ยถึงแว่นตาสองชั้นจะทำให้ผู้ใช้เหนื่อยล้า ลดความสามารถในการโฟกัส และเพ่งลงเกินสิ่งที่มันควรจะเป็น ในชีวิตประจำวัน หากใช้แว่นอ่านหนังสือและบังเอิญมองระไกลเกินกว่าระยะที่แว่นจะช่วยได้ จะทำให้ตาเราต้องเพ่งและใช้สมองในการปรับภาพมากขึ้นทำให้ปวดหัว ปวดตา ตาล้า ผลสุดท้ายทำให้คุณต้องเปลี่ยนแว่นตาที่มีกำลังเลนส์มากขึ้นอยู่บ่อยๆ การที่ต้องถอดและใส่แว่นอยู่บ่อยๆ หรือมองลอดผ่านส่วนบนของแว่นเพื่อดูวัตถุที่อยู่ไกลออกไป ทำให้ไม่สบายตาและไม่สะดวกมากสำหรับคนที่มีสายตายาวและสายตาสั้นร่วม หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีสายตายาว และสายตาเอียงระยะไกล ผู้ที่ใช้แว่นบางคนต้องสลับใช้แว่นทีละ 2 3 อัน ซึ่งลำบากมาก
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราควรมองหาในเลนส์สายตาคืออะไร แว่นที่ดีต้องใส่สบาย เห็นภาพชัดทุกระยะ เพิ่มพลังสมอง ต้องทำให้ผู้สวมใส่สบายตาตลอดเวลา รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่แว่น ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ทำให้การมองเห็นของลูกค้าอายุ 80 ปี รู้สึกกลับไปเป็นหนุ่มสาวอายุ 30 ปี อีกครั้ง
การค้นคว้าพัฒนา และวิจัยที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกไม่เคยหยุดนิ่ง แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกคือผลจากการพัฒนาอย่างมุ่งมั่น เราทุ่มเทเพื่อสร้างแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกที่ทำให้ลูกค้ามีคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุดใส่แล้วรู้สึกเป็นธรรมชาติ ตามพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าแต่ละบุคคล การตรวจวัดสายตาของเรามีการทดสอบการมองเห็นของความแตกต่างของตาแต่ละข้างทำให้มีความแม่นยำในการออกแบบเลนส์มากขึ้น ภาพที่ได้มีความเป็นธรรมชาติทุกมุมมอง ด้านข้างและทุกระยะ
เลนส์ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก การออกแบบเกิดจากความตั้งใจตรวจวัดและวิเคราะห์สายตาลูกค้าของแต่ละบุคคล การทดลองเลนส์ใส่ในกรอบทดลอง เพื่อให้ลูกค้าได้ทดสอบเสมือนจริงตามพฤติกรรมที่ลูกค้าใช้จริง ปรมาจารย์โบบิ กล่าวว่า รายละเอียดทุกอย่างของลูกค้ามีผลทั้งหมด ทั้งในเรื่องของ ลักษณะใบหน้า รูปร่าง การใช้ชีวิต และพฤติกรรมการใช้สายตา โครงสร้างใบหน้าทั้งหมดถูกนำมาวิเคราะห์ ด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ นำไปสู่การออกแบบผลิตเลนส์ และใส่กรอบ ปรมาจารย์โบบิ ค่อยๆ ใช้เวลาในการตรวจสอบแว่นตาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้ได้แว่นตาที่ออกมาดีที่สุด การทดสอบการมองเห็นจากการใช้งานจริงตามพฤติกรรมใช้งานของผู้สวมใส่
นอกจากจะกำหนดตามความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังต้องดูในเรื่องของตาหลัก และมือที่ถนัดอีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการออกแบบระบบ 3 มิติ เพื่อให้ได้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกและนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในการพัฒนาเท่านั้น ทุกรายละเอียดสำคัญหมด เมื่อเลนส์ถูกสร้างขึ้นมาแล้วต้องผ่านการตรวจสอบหลายขั้นตอนรวมไปถึงการสั่งกรอบแว่นตาเฉพาะบุคคล และเมื่อถึงการตรวจสอบเลนส์ขั้นสุดท้าย ปรมาจารย์โบบิ กล่าวว่ามาตรฐานเราสูงกว่ายุโรป 25 เท่าในการควบคุมคุณภาพ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หากตรวจสอบแล้วเจอข้อบกพร่อง ปรมาจารย์โบบิ จะสั่งเลนส์ใหม่ทันที
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ปรมาจารย์โบบิ ยังพัฒนาเทคนิคในการตรวจวัดสายตาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการวิเคราะห์ที่แม่นยำมากขึ้น เป้าหมายหลักของพนักงาน และจักษุแพทย์ คือ ติดตามดูแลรักษาสุขภาพตาของลูกค้า เมื่อตรวจพบสุขภาพตาที่ผิดปกติ เราจะส่งต่อเคสไปให้จักษุแทพย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ลดภาวะเสี่ยงต่อสายตาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต มาตรฐานการดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก และเราวางแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้ถึง 1 ล้านคนในอนาคต