แรงบันดาลใจในการเริ่มทำแว่นตาของคุณโบบิ เกิดจากการที่ได้เห็นคุณพ่อทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการสร้างสรรค์ แว่นตาคุณภาพดีให้กับลูกค้ามาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ผมเป็นเด็กที่เติบโตมากับความรู้สึกที่ อยากจะทำให้คนมองเห็นได้ดีขึ้น และรักษาการมองเห็นไว้ให้ได้นานที่สุดเพราะว่าตอนที่ผมเกิดคุณปู่คุณย่า คุณตาเสียหมดแล้วเหลือคุณยายอยู่ท่านเดียว และท่านก็มองไม่เห็นแล้ว อีกอย่างคือ ผมเติบโตขึ้นมาในร้่านแว่น ตาของคุณพ่อ คือ ร้านสว่างการแว่น ที่จัง หวัดตรัง และ ตอนที่ผมอายุ7 ปี ก็มีความใฝ่ฝันว่าจะทำแว่นที่ดีที่สุดในโลก เพราะว่าลูกค้าของคุณพ่อ ถามคุณพ่อว่า ทำแว่นที่ร้านไหนก็ ไม่เหมือนทำ ที่ร้านของคุณพ่อ กลุ่มลูกค้าถามว่าถ้าพ่อเสียชีวิตไปแล้วใครทำแว่นดีๆแบบนี้ให้เขาใส่ คุณพ่อก็ยิ้ม แล้วชี้มา ที่ผมซึ่งกำลังวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น พร้อมบอกว่าถ้าคุณพ่อเสียชีวิตก็จะมีลูกชายคนนี้ทำแว่นที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ใส่ ผมก็เลยรู้สึก ว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ ผมจึงเติบโตมาด้วยความฝันที่ว่าวันหนึ่งเราจะเป็นมือหนึ่งของโลกด้านการทำ แว่นตา และ ทำ แว่นตาได้ดีที่สุดในโลกด้วยความที่เป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว และมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าคนวัยเดียวกัน ชีวิตในวัยเด็กของ คุณโบบิจึงไม่ได้สนุกสนานไปกับกลุ่มคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเหมือนกับเด็ก ทั่วๆ ไปผมคุยกับเด็กวัยเดียวกันไม่ค่อยรู้ เรื่องอย่างเด็กอื่นๆ ถ้ามาเล่นกับผม ก็จะเล่นกันไม่ได้ คือผมจะรู้สึกว่าสิ่ที่เด็กเหล่านั้นเล่นกันอยู่เป็นสิ่งไร้สาระ น่าเบื่อ ไป โรงเรียนครูสอนก็น่าเบื่อ ดังนั้นผมก็ชอบที่จะเล่นกับเด็กที่โตกว่า ส่วนมากผมจะชอบอยู่กับผู้ใหญ่ ขนาดตอนที่ผมโตแล้ว ตอนอายุประมาณ 24-25 ปี ส่วนใหญ่ลูกชายของเพื่อนผมก็ยังอายุมากกว่าผมสรุปคือตอนผมอายุ 25 ปี เพื่อนผมอายุ ประมาณ 60 ปี ไม่อย่างนั้นจะคุยกับผมไม่รู้เรื่อง คือความคิดมันต่างกันเกินไป เหมือนอย่างพวกวัยรุ่นเขาจะคุยกันเรื่อง สนุกสนานอย่างเดียว แต่สำหรับในชีวิตผมจะคุยอยู่แค่ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือเรื่อง ที่คุยแล้วได้ความรู้ เรื่องที่สองคือคุยแล้วรวย คุยแล้วทำมาหากินได้ดีขึ้นเรื่องที่สามคือคุยแล้วสนุกแบบไม่ไร้สาระ นอก เหนือจาก 3 เรื่องนี้ผมจะไม่คุย
ผมจึงมีปัญหาเรื่องสื่อสารไม่รู้เรื่องกับคนในวัยเดียวกัน สำหรับเพื่อนรุ่นเดียวกันพวกเขาก็เข้ากันได้ดี จะมีผมที่ เป็นแกะดำ โดดเดี่ยว(หัวเราะ) ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผม แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นผมก็เป็นผู้นำพวกเขาได้ คือผมไม่สามารถเป็นเพื่อนกับคนวัยเดียวกันได้
แต่ผมเป็นผู้นำพวกเขาได้ ด้วยความคิดที่โตกว่า คิดไกลกว่า คือการที่เรามองเห็น อนาคต เราเห็นในสิ่งที่คนอื่น มองไม่เห็น เราเห็นว่าอีก10 ปีจะเกิดอะไรขึ้น20 ปี จะเกิดอะไรขึ้น เรามองเห็นโลกแห่ง อนาคต และบางทีเราไปคุยกับคนในปัจจุบันแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง คล้ายๆ กับว่า เราอยู่ในกรุงเทพ และเดินทางไปเจอชาว เผ่าเผ่าหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นรถยนต์ ไม่เคยเห็นรถไฟไม่เคยเห็นไฟฟ้า ไม่เคยเห็นอะไรทั้งนั้น ชีวิตเค้ามีแค่ป่าเขาลำเนา ไพรถ้าเราไปบอกว่ารถยนต์มันวิ่งได้ เขาก็จะหาว่าเราบ้า หรือไม่ก็ว่าเราขี้โม้ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่ความผิดของเขา
แม้คุณโบบิจะมีโอกาสน้อยในการศึกษาหลักสูตรจากตำราแต่ด้วย ประสบการณ์ในการทำงานที่ได้ลงมือทำจริงตั้ง แต่อายุยังน้อยรวมทั้งความพยายามในการค้นคว้าหาความรู้ เพื่อต่อยอดประสบการณ์ความรู้ทั้งหมดที่คุณพ่อได้ถ่ายทอด ให้มา จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่นำพาสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง ผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างด้อยโอกาสด้านการศึกษา ในขณะ ที่เด็กทั่วไปมีโอกาสได้เรียน ผมแทบไม่มีโอกาสได้เรียนเพราะว่าความที่เราสนใจเรื่องแว่น และเราก็ช่วยคุณพ่อมาตลอด ดังนั้นผมจึงไม่มีโอกาสได้เรียนหลักสูตรทางดอกเตอร์ทางด้านสายตาเหมือนคน ทั่วไป แต่ประสบการณ์ในการทำงานทำให้ ได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะว่าพ่อผม ตระกูลผมทำแว่นมาเป็นเกือบแสนๆ อันแล้ว แต่ตัวผมเองก็จับมาประมาณสามหมื่นกว่า อัน และก็โชคดีที่ว่าผมได้ทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยอีกอย่างคือผมได้เคล็ดลับที่ คุณพ่อถ่ายทอดมาให้หมด ความรู้ที่คุณพ่อ สั่งสมมา 30-40 ปี แล้วเรามาก็นำมาต่อยอด คือเราเรียนมาบ้าง แล้วก็อาศัยว่าผมเป็นคนชอบอ่าน รวมทั้งภาษาอังกฤษก็ถือ ว่าดีในระดับหนึ่งเพราะว่ามีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ที่เป็นชาวต่างประเทศ ค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่ตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ หยุดนิ่งก็เอาความรู้ที่เรียนจากฝรั่งมาต่อยอด พัฒนา ทดสอบ ใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่าจะได้ระบบการตรวจวัดสายตาประกอบ แว่นแบบสามมิติ ที่ถือว่าดีที่สุด ในโลกตอนนี้ ซึ่งเป็นการพลิกโฉมหน้าของมาตรฐานการตรวจวัดสายตาประกอบแว่น ที่ภูมิ ใจมากคือตอนนี้ฝรั่งก็มาเรียนจากผมแล้ว
หลังจากใช้เวลาการเรียนรู้ ค้นคว้าทดลอง และปรับปรุงอยู่เป็น ระยะเวลาหลายปี คุณโบบิก็สามารถสร้าง ระบบตรวจ วัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟระดับไฮเอนด์เทคโนโลยีล่าสุดที่ถือว่าดีทสี่ ดุ ในโลก และใสสบายดีที่สุด ในโลก เป็นผล สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่น ที่ทำให้ร้านแว่นตา ISOPTIK ของเขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผมมีความเชี่ยวชาญด้าน การออกแบบเลนส์แว่นตาให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน โดยดูว่า lifestyle เขาเป็นอย่างไรดูว่าคนคนนี้หันศีรษะเร็วหรือช้า เขา เป็นคนเคลื่อนไหวเร็ว หรือว่าปกติธรรมดา ต้องดูทั้ง habit , hobby & job คือดูว่างานอดิเรกคืออะไร พฤติกรรมการใช้สายตา เป็นอย่างไร และประกอบอาชีพ อะไรดูลักษณะรูปร่างช่วงแขน ดูว่าใช้คอมพิวเตอร์ desktop หรือ laptopอ่านหนังสือบ่อยไหม มีความจำเป็นต้องใช้สายตาหลายระยะในเวลาอันรวดเร็วหรือเปล่า คืผมสร้างมาตรฐานใหม่ที่ออกแบบเลนส์แว่นตาเข้าหาผู้ใช้ แต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจงบนกรอบแว่นแต่ละอัน เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องปรับตัวเข้าหาแว่นตา ขณะที่ระบบร้านอื่นทั่วโลก เขาทำ แว่นตาให้คนใส่ต้องปรับตัวเข้าหาแว่น ก็เลยใส่แล้วทำให้รู้สึกงงๆเมาๆ เวียนหัว ใส่แล้วมัน dizzy ก่งก๊งไม่สบาย ถึงแม้ว่าสมอง มนุษย์มีความฉลาดจนสามารถปรับตัวเข้าหาแว่นได้ก็จริง แต่มันทำให้สมองของเราต้องทำงานด้านการเพ่งหนักขึ้นเพื่อมองเห็น ให้ชัดในแต่ละระยะ ประสิทธิ์ภาพด้านการคิดอ่านจึงลดลงเพราะคนเรามองด้วยตา แต่เห็นด้วยสมอง และถ้าเรามองเห็นแล้วไม่ ชัด สมองก็ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อทำให้ภาพมีความชัดเจน ดังนั้นต่อให้คุรตัดแว่นผิด มาแล้วดื้อใส่มันก็ปรับตัวได้ถ้าใส่ไม่เกิน 3 เดือนขึ้นไป ก็จะหายเวียนหัว เพราะระบบการมองเห็นจะปรับเข้าหาแว่นแต่สุขภาพตาของคุณจะเสียจนบางทีไม่ สามารถเรียก กลับคืนมาได้้และที่แน่ๆคือ คุณจะศูนย์เสีย ศักยภาพด้านความคิดอ่านไปเยอะมากแว่นตาของ ISOPTIK จึงเป็นมากกว่าแว่นตาธรรมดาและถนอมสายตาไปด้วยในตัวคือสำหรับผมในขณะที่ร้าน แว่นส่วน ใหญ่ในโลกนี้ ขายแว่น ขายแว่นสายตา ขายกรอบแว่น ขายเลนส์แว่นตา ขายแว่นกันแดด ผมไม่ได้ขายแว่น ผมขายคุณภาพ การมองเห็นระดับ hi-end ผมขายคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันเป็นไปได้ ดังนั้นในการทำงานมัน จึงไม่ใช่ทำแค่ว่าให้คนมองเห็นได้ชัดเท่านั้น แต่จะต้องทำให้ลูกค้าของเราแต่ละคนมองเห็นทุกระยะได้ชัดในเสี้ยววินาที อย่างเป็น ธรรมชาติที่สุด อย่างรู้สึกสบายที่สุด เหมือนตอนเขาเป็นหนุ่มสาวหรือถ้าเราทำให้เขามองเห็นได้ดีกว่าตอนเขาเป็น หนุ่มสาวเสียอีก ยิ่งดีลูกค้าบางคนถึงกับบอกผมว่า มันไม่ใช่แค่หนุ่มสาว มันเหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก คืออ่านหนังสือได้สบายเหมือนเด็ก ซึ่งความ สุขของผมอยู่ตรงนี้ การที่เราทำให้ใครสักคนหนึ่งเขามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ตรงนี้ต่างหากที่ผมว่ามันเป็นความสุข มาก กว่าเรื่องเงินคือเราไม่ใช่ทำให้แค่เขามองเห็นได้ชัดหรือดีขึ้นเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้เราดูแลการมองเห็นของเขาให้อยู่กับเขาได้ นานที่สุด ดังนั้นเวลาผมทำงาน ผมจึงไม่ได้มองแค่เรื่องของการทำแว่น แต่ผมมองเรื่องของสุขภาพสายตาโดยองค์รวมควบคู่กัน ไปด้วย ISOPTIK จึงเป็นร้านแว่นเดียวในโลกที่มีจักษุแพทย์ประจำ มีดอกเตอร์ทางสายตาประจำมีเครื่องมี เครื่องไม้ในการดูแล สุขภาพสายตาเบื้องต้น ไม่แพ้โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ในโลก เรามีมาตรฐานการถ่ายภาพจอประสาทตาซึ่งเป็นมาตรฐานการ ให้บริการขั้นต้น ของ ISOPTIK การวดั ความดนั ตาการตรวจกระจกตา การตรวจความใสของเลนส์ตา เราตรวจให้หมดจุดประสงค์ เพื่อว่า เราจะได้ดูแลสุขภาพสายตา ถ้ามีอะไรผิดปกติและตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทัน
นอกจากคุณภาพของเลนส์แว่นตาระดับไฮเอนด์ที่ทำ ให้ ร้านแว่นตา ISOPTIK ประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว คุณโบบิยังมีหลักในการทำงานที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลให้ร้านISOPTIK ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นแบบครบวงจร ผมคิดว่าความจริงใจ ความซื่อสัตย์และการยึดมั่น ในคำสัญญา นำมาซึ่งความสำเร็จของร้าน ISOPTIK องค์กรของเราประสบความสำเร็จวันนี้ได้เพราะว่าเรายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ ลูกค้ามีความสุข ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้ลูกค้าเราไม่มีความสุขจากการใช้แว่นตาเราจะ พยายามแก้ไขให้หมด ยกตัวอย่างเช่นลูกค้าตัดแว่น จากเราไป แล้ว เขา happy ทุก อย่างนี้perfect แล้วเขาเลี้ยงหมาแจ็ครัสเซล ผมก็เลี้ยงหมาแจ็ครัสเซล ผมทราบดีว่ามันซนขนาดไหนปรากฏว่าเจ้าแจ็ครัสเซลคาบแว่นตาของเขาแล้วกัดแว่น จนเละเมื่อลูกค้า มาหาผม ผมเห็นก็บอกว่าเดี๋ยวเปลี่ยนให้ใหม่ เขาบอกไม่ต้อง เขาแค่ให้ผมนำไปปรับแต่ง ผมถามเขาคำหนึ่ง ว่าถ้าเขาใส่แว่นที่มีรอยเขี้ยวของแจ็ครัสเซลที่ขาแว่น ทุกครั้งที่เขาหยิบแว่นขึ้นมาแล้ว เจอตำหนิแบบนี้เขาจะรู้สึกอย่างไรกับ หมาของเขาเขาก็ บอกว่ารู้สึกโกรธ รู้สึกไม่พอใจ ผมก็ว่าถ้าอย่างนั้นผมเปลี่ยนให้ใหม่่ ผมเปลี่ยนให้ฟรีผมขาดทุน ตอนนั้นผมขาดทุนเลยประมาณ 20,000 กว่าบาท ผมบอกว่าผมอยากให้เขามีความสุขอยากให้หมาเขามีความสุข เขาก็ถามผมว่าขาดทุนไหม ผมก็บอกเขาว่าใช่ ผมขาดทุน แต่ผมบอกกับเขาว่า คุณยังอยู่อีกหลายปี คุณยังรู้จักคนอีกหลายร้อยคน ผมยังมีธุรกิจเพิ่มเติมจากคุณที่แนะนำลูกค้า มาให้ผม ซึ่งมันเป็นการ service แบบสุดจิตสุดใจ เหนือกว่าคำว่ามาตรฐาน เราใช้ใจแลกใจจนได้ใจลูกค้า สิ่งที่ผมได้กลับมาทุก ครั้งก็คือธุรกิจผมโตขึ้นแบบทวีคูณลองคิดดูว่ากี่ครั้งที่เราไปใช้บริการอะไรสักอย่างเราเสียเงินจำนวนมากใช้ บริการกับอะไรที่คิดราคาแพงมากแต่ขอโทษ บริการก่อนขายนี่แทบจะอุ้มเลย แต่ตอนหลังจากเขา รับเงินเราไปแล้วพอเราไป service หลังการขาย โห!หน้ามือหลังเท้าเลย ซึ่งสำหรับผมคิดว่ามันไม่ได้ เรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ ให้ลูกค้ารู้สึกว่า ว้าว! ที่นี่บริการดีจริงๆ คือเราบริการด้วยหัวใจ เรา service by heart ดังนั้นกำไรขาดทุน ถ้าถามผม ผมไม่คำนึงอัน นี้เป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งนอกจากคุณภาพ คือตอนนี้ ISOPTIK กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของการให้บริการลูกค้า ไม่ใช่แค่เราจะไป ร้านแว่นที่บริการดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ผมต้องการจะเป็นเหมือนกับธุรกิจในการให้บริการหรือการขายปลีกหรืออะไรก็ ตามที่ถือว่า ดีที่สุดในโลก คือผมต้องการให้ลูกค้ารู้สึกว่าบริการของเราสุดยอด ดีที่สุด ดังนั้นถ้ามีอะไรที่ผมทำเพื่อลูกค้าได้ ผมทำหมดอย่างที่ แน่ๆลูกค้ามาที่นี่ต้อง happy ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของผมเลย ไ ม่ว่าคุณจะซื้อหรือไม่ซื้อ ผมถือว่าคุณมาถึง ISOPTIKคุณให้เกียรติ เราแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมสอนเด็กที่ ISOPTIKห้ามเด็ดขาดคือห้าม hard sell อย่างคำพูดที่ผมไม่ชอบก็คือ สอบถามได้นะค่ะ จะดูแว่นตา หรือแว่นกันแดด ผมห้ามเด็กไม่ให้พูดเด็ดขาด สิ่งที่เราจะถามลูกค้าเมื่อลูกค้าเดินเข้ามาในร้านก็คือ สวัสดีค่ะ สัวสดีดีครับ คุณผู้ชาย จะรับลาเต้ เอสเพรสโซ หรือคนปูชิโน่ดีครับ จะลองลาเต้ไหมครับ ลาเต้ที่นี่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดนะครับนี่คือคำพูดประโยคแรกที่ผม สอนเด็กในร้าน ประโยคที่สอง เชิญนั่งก่อนนะครับ หลังจากนั้นลูกค้าก็จะบอกเราเอง ถ้าเป็นลูกค้าฝรั่งเราจะชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อ ให้เขารู้สึก Comfortable มากที่สุด นี่คือสิ่งที่เราคุยไม่มีการขาย คือที่ ISOPTIK ไม่มีการขาย หน้าที่ของเราก็คือลูกค้ามาแล้วเราให้ บริการเขาในสิ่งที่เขาตัองการ ไม่มีการยัดเยียดสินค้า
ด้วยความสำเร็จที่ได้รับ ทำให้คุณโบบิมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยเป็นอย่างมากว่า สามารถทำทุกอย่างที่อยากทำได้ หากมี ความตั้งใจจริง ผมมองว่าถ้าคนไทยมีการนำเอาความรู้ของคนรุ่นก่อนมาต่อยอด และพัฒนาต่อรวมทั้ง ผสมผสานกับความรู้ที่เรียนมาจากฝรั่ง เราจะประสบความสำเร็จ อย่างผมเป็นคนหนึ่งซึ่งภูมิใจว่าผมเรียนพื้นฐานวิชาแว่นตาและวิชาการตรวจวัด สายตา จากฝรั่ง แต่ความภูมิใจจนทุกวัน นี้คนที่เคยสอนผมต้องกลับมาเรียนจากผมและผมพิสูจน์ว่าผมต่อยอดได้ ทุกวันนี้อาจารย์ของผม เขาก็ยินดีในความสำเร็จของผม เพราะผมเก่ง กว่าเขาได ้เขาก็บอกว่าแสดงว่าเขาเก่งสามารถสอนจนผมเก่งกว่าเขาได้ ผมว่าถ้าคนไทยเรามีตรงนี้ เราจะเจริญกว่านี้อีกมาก แต่เรายังยึดติดกับ ความคิดเก่าๆ ที่ว่าศิษย์ห้ามเก่งกว่าครู น้องห้ามเก่งกว่าพี่ ลูกห้ามเก่งกว่าพ่อ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าลูกโง่กว่าพ่อ น้องโง่กว่าพี่ ศิษย์โง่กว่าอาจารย์ พออาจารย์เสียชีวิต
ลูกศิษย์ก็โง่ลง และรุ่นต่อไปก็โง่ลงทีละรุ่น ลูกโง่ กว่าพ่อ แล้วเราจะไปแข่งกับใครได้ ผมว่าเราต้อง แก้ไขความคิดตรงนี้ ต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ไทยกล้าคิดมากกว่านี้
สุด ท้าย...คุณ โบบิขอฝากข้อคิดเด็กรุ่นใหม่่ที่อยากดำเนินธุรกิจของตนเองไว้อย่างน่าสนใจใน ฐานะผู้ที่ประสบความสำเร็จ มาก่อนจากการ ที่ทุ่มเททำในสิ่งที่ตัวเองรัก ผมสนับสนุนให้เด็กรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ กล้าที่จะมีความฝัน กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ผมไม่เห็นด้วยกับการที่ี่ พ่อแม่ซึ่งอยู่ในตระกูลสูงรวย จ้างลูกตัวเองให้ไปทำงานที่มันไม่ก้าวหน้าโดยที่จ่ายค่าจ้างเป็นแสนๆ อย่างพ่อแม่บางคนจ้างให้ลูกไปรับราชการ โดยที่ตัวเอง ก็มีธุรกิจใหญ่โตผมงงไม่รูั้ว่าเขาคิดอะไร อย่างเขาได้เงินเดือนหมื่นห้าื่้พ่อจ้างอีกหนึ่งแสน แล้วจะทำไปทำไม ไม่เข้าใจ คือผมสนับสนุนให้เด็กไทยมี ความฝันถ้าคุณเป็นคุณพ่อคุณแม่คุณแม่ที่มีลูกๆ คุณต้องให้เขากล้าที่จะคิด กล้าที่จะเอาความรู้หรือ Know howตั้งแต่รุ่นคุณปู่มาต่อยอดมาพัฒนา ทำ ให้มันใหญ่ และอย่าไปมองว่าเราอยู่ระดับประเทศเราพอแล้ว มันไม่ได้ เพราะมันจะหยุดนิ่ง ผมว่าคนไทยเราสู้เขาได้หมด คือเราต้องทำให้เด็กเรามี ความคิด เขาเรียกว่า Dare To Dreamให้เด็กของเรากล้าฝัน อย่ากลัวที่จะฝัน และอย่าคิดว่าฝันมันใหญ่เกินไป ถ้าผิดพลาดแล้วมันจะเจ็บ คือคนเรา ต้องกล้าที่จะผิดพลาด ไม่ใช่จะทำอะไรก็กลัวจะล้มเหลวต้องคอยระวังจนกระทั่งไม่ได้ทำอะไรเลยถ้า เปรียบกับอีกคนที่เขาอยากคิด เขาทำไปหนึ่่งพัน อย่างเขาผิดพลาดไปเก้าร้อยเก้าสิบอย่าง แต่ก็ยังมีอีกสิบอย่างเขาไม่ได้พลาด เขาเลยทำสำเร็จ ไปสิบอย่างแล้วในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นศูนย์ เพราะไม่ เคยเรียนรู้ไม่เคยล้มเหลว จึงไม่มีอะไรสำเร็จ แต่คนหลังเขาได้เรียนรู้ ล้มเหลว เจ็บ เขาจึงโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการแข่งขันจริง ๆ ผม นับถือหลายๆ ครอบครัวตระกูลดังที่เขาเริ่มต้นตั้งตัวจากศูนย์จริงๆถ้าผมรวยกว่านี้อีกสัก ล้านเท่า แล้วผมมีลูก ผมจะให้เขาสร้างตัวเองจากศูนย์ คือถ้าลูก เศรษฐีไม่ทำสมบัติพ่อหมื่นล้านให้เป็นแสนล้านคุณก็มีทางเลือกที่สองคือคุณ ทำศูนย์บาทให้เป็นหมื่นล้านแต่ที่แน่ๆ คุณต้องไม่ทำให้พันล้านของพ่อคุณ กลายเป็นห้าร้อยล้านในวันนี้แล้วก็เหลือห้าล้านในวันพรุ่งนี้แบบนี้เขาเรียก ว่าลูกล้างผลาญอันนี้ผมไม่เห็นด้วย
ปัจจุบัน ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ได้ย้ายมาอยู่
อาคาร AIA CAPITAL CENTER ( AIACC ) ชั้น 2 โซนร้านค้าหน้าตึก ถ.รัชดาภิเษก เลยสถานทูตจีน 20 เมตร ติดกับ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แห่งใหม่ และ อยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานี ศูนย์วัฒนธรรม 120 เมตร
เปิดวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10:00 - 19:00 น.
หยุดทุกวันอาทิตย์ และวันจันทร์
โทรนัดเวลา : 086-565-5711 หรือ 086-970-0794
( เพื่อให้ได้รับคุณภาพการบริการในระดับสูงสุด กรุณานัดล่วงหน้า )