การมองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด คือ ความสามารถในการมองเห็นของวัยหนุ่มสาว แต่เราเริ่มสูญเสียความสามารถนี้ไปในวัย 40 ทำให้ประสิทธิ์ภาพในการทำงานลดลงอย่างรวดเร็ว เหนื่อยล้าง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์หรืองานเอกสาร อาการเหล่านี้เกิดจากสายตายาวระยะใกล้
เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์เทคโนโลยีล่าสุด ที่ตรวจวัดประกอบอย่างถูกต้อง แม่นยำ สามารถช่วยผู้มีอาการสายตายาวระยะใกล้วัย 40 ถึง 120 ปี ให้กลับมามองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด เหมือนวัยหนุ่มสาวมากที่สุด
คุณภาพของชีวิตที่ดีของทุกชีวิตไม่ว่าอาชีพไหน ๆ จากระดับสูงสุดถึงต่ำสุดของสังคมขึ้นอยู่กับการมองเห็นทั้งสิ้น แต่หากมามองย้อนถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยว่าจะดีหรือไม่นั้นคงจะขึ้นอยู่กับ คุณภาพการมองเห็นของคุณหมอทุก ๆ ท่านที่ดูแลเป็นสำคัญ
สี่สิบกว่าปีก่อน เด็กน้อยโบบิ ทายาทคนที่ 6 ของ นายสว่าง และ นางนภาพร เชาวนโกศล เจ้าของร้าน สว่างการแว่น ที่ จังหวัดตรัง เติบโตในร้านแว่นของคุณพ่อด้วยความสงสัยว่า ทำไมคุณยายถึงมองไม่เห็น ไม่ว่าจะใส่แว่นคุณภาพดีที่ ไม่นานคุณยายก็เสียชีวิต พอรู้เดียงสาจึงทราบว่าจอประสาทตาของคุณยายเสื่อมจนทำให้ตาบอด ด้วยความฝังใจเรื่องในอดีตที่คุณยายสูญเสียการมองเห็น เด็กน้อยโบบิจึงมีความฝันว่าโตขึ้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา เมื่ออายุได้ 7 ขวบ มีลูกค้าถามคุณพ่อว่า คุณสว่างทำแว่นให้ผมใส่ได้ดีมาก ผมทำที่ไหนก็ใส่สบายไม่เหมือนคุณสว่างทำให้ แล้วถ้าคุณสว่างตายไป แล้วใครจะทำแว่นดี ๆ แบบนี้ให้ผมใส่ คุณพ่อยิ้มกว้างแล้วชี้มาที่เด็กน้อยโบบิ แล้วตอบว่า ถ้าผมตาย ลูกชายผมคนนี้จะทำแว่นที่ดีที่สุดให้คุณใส่ นี่เป็นแรงบัลดาลใจให้เด็กน้อยโบบิ ศรัทธาในคุณค่าการมองเห็น และใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นที่ดี ที่สุดในโลก หลังจากทุ่มเทศึกษาค้นคว้าหาความรู้ แล้วต่อยอดพัฒนา คิดค้นหลายสิบปี วันนี้เขาก็ทำได้สำเร็จ
เมดิคอลไทม์มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ สัมภาษณ์คุณสมบูรณ์ นำทิพย์จันทาเจริญ หรือ ปรมาจารย์โบบิ ผู้อำนวยการศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ระดับโลก
ทำไมถึงสนใจเรื่องเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ
ตอนทำแว่นตาโปรเกรสซีฟคู่แรก ให้ลูกค้าวัยเกือบ 60 หลังจากใช้งาน 3 สัปดาห์ ลูกค้ารายนี้กลับมาขอบคุณผมที่ร้านว่า แว่นตาใช้ดีมาก มองได้ชัดทุกระยะ ใส่แล้วรู้สึกสบายเหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง ผมจึงคิดว่า ว่าถ้าแว่นตาโปรเกรสซีฟทำให้คนวัย 60 มองเห็นได้เหมือนคนหนุ่มสาว ผมจะต้องทำให้คนทั้งโลกใส่ ผมจึงใช้เวลาหลายหมื่นชั่วโมง ทุ่มเทศึกษาค้นคว้าคิดค้นต่อยอดพัฒนา การตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟจนแทบจะหายใจเข้าออกเป็นแว่นตาโพรเกรสซีฟ จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ระดับโลก ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่า รู้ลึก รู้จริง
ยอดจำหน่ายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟในประเทศไทยเป็นอย่างไร
ในสมัยก่อน การทำแว่นตาโปรเกรสซีฟจะใช้งานได้ดีแค่ 50% เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งไม่สามารถใช้งานได้ แต่ผมสามารถทำแว่นตาโปรเกรสซีฟให้ทุกคนใช้งานได้ดี 100% ทำแล้วใส่ได้ทั้งหมด สมัยนั้นใครขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้ปีหนึ่ง 10 คู่นี่ถือว่าเก่ง ถ้าขายได้ปีละ 30 คู่ถือว่าสุดยอด แต่ผมเป็นคนแรกของเมืองไทยที่ขายได้มากกว่าปีละ 1,000 คู่ นอกจากยอดขายที่สูงแล้ว ยังใส่สบาย ปรับตัวได้ง่าย ใส่ได้ทุกคน ด้วยเคล็ดลับที่ค้นคว้าพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ จนมีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศ และสร้างมาตรฐานใหม่ของการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นไฮเอนด์ กล้าที่จะประกาศทฤษฎีใหม่แห่งการตรวจวัดสายตาประกอบว่า ผู้ใช้เลนส์แว่นตา 2 ชั้นทุกคน สามารถใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้เป็นอย่างดี
เคยได้ยินมาว่า เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ใส่แล้วเวียนหัว จริงหรือไม่
เป็นความจริงที่ว่าทุกวันนี้ยังคงมีผู้ใช้แว่นตาจำนวนมาก เสียเงินหลายพันไปจนถึงหลายหมื่นบาท ซื้อแว่นตาโปรเกรสซีฟ แต่ไม่สามารถใช้งานได้จริง ใส่แล้วเวียนหัว ส่วนใหญ่มักเกิดจากเลือกใช้เลนส์แว่นตาคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่น อีกส่วนหนึ่งเกิดจากตรวจวัดประกอบไม่ถูกต้อง
ร้านแว่นส่วนใหญ่ทั่วโลกขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพสูงเหมือน ปรมาจารย์โบบิ หรือเปล่า
ร้านแว่นส่วนใหญ่เชื่อว่า เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ไฮเอนด์ราคาแพงมาก มีลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่กล้าซื้อ จึงขายแต่เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่น แต่ผมเชื่อว่าผู้มีปัญหาทางสายตาทุกคน ต้องการใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ไฮเอนด์คุณภาพสูง และเมื่อได้ทดลองใช้ ลูกค้ายอมรับว่าแพงแต่ดี ใช้ได้หลายปี ค่าใช้จ่ายเพียงเดือนละพันกว่าบาท ผมจึงสามารถขายเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์คู่ละหลายหมื่นบาทได้มาก จนมีชื่อเสียง
ทราบมาว่าแว่นตาของไอซอพติก ตรวจวัดละเอียดมาก อันละเป็นแสน ๆ สั่งทีรอเป็นเดือน ๆ
ราคาเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ มีให้เลือกตั้งแต่คู่ละ 18,000 บาท 80,000 บาท ใช้เวลาทั้งสิ้นเฉลี่ยแล้วต่อชิ้นประมาณ 45 วันตั้งแต่กระบวนการตรวจวัด วิเคราะห์ค่าสายตา ทดลองเลนส์ ออกแบบเลนส์ สั่งเลนส์ ประกอบแว่นตาจนถึงส่งมอบให้กับลูกค้า เรามุ่งมั่นทำให้ชิ้นงานทุกชิ้นมีความละเอียด ถูกต้อง แม่นยำมากที่สุด
ลูกค้าของ ปรมาจารย์โบบิ เป็นกลุ่มไหน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ต้องการคุณภาพการมองเห็นระดับสุดยอด ใส่แล้วเป็นผลดีต่อสายตา มองเห็นได้ชัด ใส่สบาย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น บ่อยครั้งที่ลูกค้าบอกผมว่า แว่นของผมใส่แล้วรวยขึ้น สบายขึ้น มีความสุขมากขึ้น 95% เป็นระดับ Chief Executive Officer ( CEO ) , Managing Director ( MD ) , ผู้บริหารระดับสูง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมทั้งสมาชิกในครอบครัว หรือ Specialist หรือไม่ก็เจ้าของกิจการ
ปรมาจารย์โบบิ มองกลุ่มลูกค้าที่เป็นแพทย์อย่างไรเพราะว่าต้องดูแลชีวิตคนไข้
ผมมองว่าชีวิตของคนไข้ขึ้นอยู่กับคุณภาพการมองเห็นของแพทย์เป็นสำคัญ หากแพทย์สามารถรักษาคุณภาพการมองเห็นของสายตาตนเองให้อยู่ในระดับสูงสุดได้ ก็จะสามารถผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ได้ดียิ่งขึ้น ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ที่เกษียณตัวเองจากการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทางสายตา จะดีแค่ไหนถ้าศัลยแพทย์อาวุโสที่มีประสบการณ์สูง สามารถกลับมาผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ได้อีกครั้งอย่างมั่นใจแม้ต้องใช้เวลาหลาย ชั่วโมงติดต่อกัน เทคโนโลยีแว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้แล้ว
ร้านแว่นส่วนใหญ่ ลด 20% 80% ปรมาจารย์โบบิ ลดกี่เปอร์เซนต์
ผมสร้างมาตรฐานสูงสุดของราคาเลนส์แว่นตา กรอบแว่นสายตา แว่นกันแดด ด้วยระบบ Same Price For Every One ไม่มีการบวกราคาเผื่อลดเหมือนร้านแว่นทั่วไป ผมมีความถนัดในการขายแว่นตาไฮเอนด์ที่ดี หากลูกค้าต่อรองเรื่องราคาแสดงว่าลูกค้าดูถูกฝีมือ แม้จะเป็นลูกค้าประจำก็จะไม่ลดราคา ทุกครั้งผมตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนอย่างละเอียด ควบคุณคุณภาพทุกขึ้นตอนเพื่อให้ได้แว่นตาที่ดีที่สุด ใส่สบายที่สุด ถ้าลูกค้าใส่แว่นตาแล้วบ่นว่าใส่ไม่สบายแม้แต่นิดเดียวหรือในรายละเอียดปลีก ย่อยที่สุด ผมจะต้องหาคำตอบให้เจอว่าทำไม ขณะที่ร้านแว่นทั่วไปมักไม่สนใจ ทำให้การทำงานไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นลูกค้าผม แว่นตาจะต้องสมบูรณ์แบบ ของผมนี่ถ้าเลนส์หลวม ลูกค้าเอาไปใส่ก็ไม่กระชับ ผมต้องทำให้ใหม่ ขาดทุนก็ต้องทำ เพราะถือว่าถ้ารับเงินลูกค้ามาแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ไม่งั้นก็ต้องคืนเงินลูกค้า จึงทำให้ลูกค้าประทับใจ
ทำไมถึงกล้าคิดที่จะทำศูนย์แว่นตาระดับไฮเอนด์ที่ดีที่สุดในโลก
หลายสิบปีที่ดำเนินธุรกิจมา ในบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ ต่างก็มีความสุข ภาคภูมิใจกับธุรกิจที่เป็นอยู่ที่ภาคใต้ การเป็นที่ 1 ของภาคใต้ ถือว่าสุดยอดแห่งความภูมิใจ
ไม่ต้องกระตือรือร้น ถามว่าคุณภาพดีไหม ? เมื่อผมไม่อยู่ที่ร้านแล้วร้านจะอยู่ได้ไหม ? บอกได้เลยว่า คุณภาพก็ดีไม่แพ้ร้านแว่นส่วนใหญ่ทั่วโลก เพราะในบรรดาพี่น้องทุกคนทำแว่นตาได้ดีมาก
จุดก้าวกระโดด เริ่มจากทดลองทำร้านแว่นแนวคิดใหม่ที่ออกแบบเพื่อขายแว่นตาโพรเกรสซีฟคุณภาพสูง โดยเฉพาะจนสามารถขายแว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพสูงได้มาก ที่น่าแปลกคือ จำนวน 98% ของลูกค้ามาจากแถบสแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ที่ต้องการแว่นตาคุณภาพดีที่สุด แล้วมีการบอกต่อพ่อแม่ ญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ว่ามีร้านแว่นตาร้านหนึ่งในเมืองไทย ที่ทำแว่นตาโปรเกรสซีฟได้ดีกว่ายุโรป ใส่ได้ดีกว่า สบายกว่า เหมือนวัยหนุ่มสาว ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังถึงเมืองนอก มีลูกค้าจากยุโรปหลายรายมาทำแว่นตาโปรเกรสซีฟกับผม มาขอโทษเพราะรู้สึกผิดที่เคยดูถูกอยู่ในใจว่า คุณภาพคงไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเห็นราคาไม่กี่หมื่นกว่าบาทก็นึกแล้วว่าต้องห่วยแน่ ๆ แต่เมื่อได้ใส่แล้วกลับเหนือกว่าแว่นอันละแสนที่เขาเพิ่งทำมาจากยุโรป เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะโกอินเตอร์
ความทรงจำอันประทับใจ
ลูกค้าชาวนอร์เวย์มาทำแว่นโปรเกรสซีฟกับผม แล้วใช้ดีกว่าแว่นเดิมที่ทำจากยุโรปมาก จึงพาคุณพ่อวัย 85 ปี ที่ต้องทุกข์ทรมานกับการพกแว่นตาชั้นเดียวอันหนึ่งไว้มองไกล อีกอันหนึ่งไว้มองใกล้ เคยทำแว่นตาสองชั้น และแว่นตาโปรเกรสซีฟในยุโรป แต่ใช้ไม่ได้ ผมให้ทดลองใส่เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพสูงบนกรอบแว่นจำลอง ปรากฎว่าลูกค้ารายนี้ตื่นเต้นมาก ที่มองได้ชัดทุกระยะ เดินขึ้นลงบันไดได้อย่างสบาย เห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของลูกค้าแล้ว หายเหนื่อย รู้สึกคุ้มค้าที่ทุ่มเทพัฒนาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟ ที่ลูกค้าสามารถทดลองด้วยตนเองได้ทันทีก่อนซื้อ ตอนผมไปสอนที่งานแสดงแว่นตาระดับโลกที่เซี่ยงไฮ้ ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลก ต่างก็ตื่นเต้นกับการสาธิตเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์บนกรอบแว่นจำลอง จนผู้มาร่วมงานต่างกล่าวขวัญกันว่า มีคนไทยสอนเรื่องเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟได้เก่งมาก สอนติดต่อกันตลอดหลายวัน เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็ภูมิใจที่สร้างชื่อเสียงว่า คนไทยก็หนึ่งในเวทีแว่นตาโปรเกรสซีฟระดับโลก
คิดอย่างไรถึงได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องเลนส์แว่นตาโพรเกรสซีฟให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาทั่วโลก
ผู้มีอาการสายตายาวระยะใกล้หลายพันล้านคน ต้องการใช้เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ให้ผมทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่ เพราะฉะนั้นผมจึงถือว่าร้านแว่นอื่นไม่ใช่คู่แข่งผมแต่เป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ผมจึงสอนให้คนที่สนใจแบบไม่หวงวิชา สอนแก่นแท้จริง ๆ มานั่งเรียนกับผมวันเดียว รุ่งขึ้นคุณไปทำได้เลย
ผมเป็นคนที่รักงานสอน ไม่ใช่เหตุผลเรื่องเงิน แต่ผมมีความถนัดตรงนั้น ที่สามารถให้คนที่ขายเลนส์แว่นตาคุณภาพต่ำคู่ละสามร้อยบาท มาขายเลนส์แว่นตาคุณภาพสูงคู่ละสองหมื่นบาท ผมมักจะสอนลูกศิษย์ว่า ถ้าเชื่อก็จะทำได้ทุกสิ่ง ขอเพียงให้คุณเชื่อ เวลามาเรียนกับผม เพียงนั่งลงเปิดใจทำตามที่ผมสอน แล้วคุณดูสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับคุณในวันรุ่งขึ้น นี่คือกติกา ผมขอแค่นี้ พอสอนเมืองไทยเสร็จ ทางมาเลเซีย สิงคโปร์ ก็เชิญผมไปสอน เป็นครั้งแรกที่โกอินเตอร์ ปีถัดมาก็ไปเซี่ยงไฮ้ จนต้องเปิดเว็บไซต์ และเว็บบอร์ด www.apcthai.com เพื่อเขียนบทความทางวิชาการพัฒนามาตรฐานการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโพรเกรสซีฟขั้นสูง จนได้รับการยอมรับในระดับโลก ถือเป็นศักดิ์ศรีของคนไทยที่วันนี้ www.apcthai.com เป็นเว็บไซต์ด้านการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ที่ดี เพราะกล้ารายงานผลการทดสอบเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟแต่ละรุ่นอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณภาพต่ำเทคโนโลยีอื่นราคาแพงหลายรุ่น คุณภาพไม่สมราคา
ใส่แว่นตาโปรเกรสซีฟแล้วทำไมเหมือนได้ย้อนกลับไปยังวัยหนุ่มสาวอีกครั้ง
เพราะว่าเมื่อคนย่างอายุเข้าวัย 40 จะเริ่มสูญเสียความสามารถในการมองเห็นได้ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที และจะยิ่งมีอาการมากขึ้นตามวัย ส่วนใหญ่แล้ววัย 40 ปี จะเริ่มมองไม่ชัดที่ระยะ 40 เซนติเมตร เมื่ออายุ 50 จุดจะเริ่มมองไม่ชัดตั้งแต่ระยะ 1 เมตรลงมา ถ้าเขาใส่แว่น 2 ชั้น จะมองเห็นชัดที่ระยะ 40 เซนติเมตร
กับระยะไกล ๆ แต่ถ้าระยะกลางที่อยู่ระหว่าง 40 เซนติเมตรถึง 1 เมตร จะมองเห็นไม่ชัด เมื่ออายุ 60 70 ปี จะมองเห็นไม่ชัดตั้งแต่ระยะ 4 เมตรลงมา กะระยะลำบาก เสียหลักได้ง่าย ในแต่ละปีมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ประสบอุบัติเหตุลื่นหกล้มทำให้ข้อสะโพกหัก ต้องเปลี่ยนมาใช้ข้อสะโพกเทียม ลูกค้าวัย 70 - 80 ปี ที่ใช้แว่นตาโพรเกรสซีพไฮเอนด์บอกว่า ใส่แว่นของ ปรมาจารย์โบบิ แล้ว เดินกลับบ้าน มองเห็นทางเดินกว้างขึ้นมาก เดินสบาย ไม่สะดุด ฟังแล้วรู้สึกหายเหนื่อย นี่ คือ ความสุขที่สุดแล้วของชีวิต เหมือนกับเราได้เปลี่ยนชีวิตของใครหลาย ๆ คนให้ดีขึ้นได้จริง ๆ
เทคนิคการครองใจลูกค้าของ ปรมาจารย์โบบิ
ผมทำแว่นตาคุณภาพสูงสุดให้ลูกค้าทุกรายด้วยใจ ต่อให้มีลูกค้าเยอะแค่ไหนก็ไม่เคยลดความใส่ใจในรายละเอียด ไม่เคยทำงานแบบลวก ๆ พยายามพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ให้ดีขึ้น จนเหนือกว่ามาตรฐานยุโรป
นิสัยที่เป็นแก่นแท้ของ ปรมาจารย์โบบิ
พูดตรงที่สุด ทรนงที่สุด ทำงานหนักที่สุด ผมภูมิใจที่ได้ต่อยอดความรู้ของคุณพ่อมาจนถึงระดับโลก ศรัทธาในคุณค่าการมองเห็นของมนุษย์ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ผู้ใช้บริการมองเห็นดีที่สุด ผมจะทำทันที การทำแว่นตาไม่ใช่แค่เพื่อให้มองเห็นดีขึ้น แต่เห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาทีอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รู้สึกสบายที่สุด
ปรมาจารย์โบบิ หาเงินมาลงทุนหลายสิบล้านบาททำศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกได้อย่างไร
ผมมีรายได้จากการสอนเรื่องเลนส์แว่นตาโพรเกรสซีฟขั้นสูงเกือบสองปี คิดค่าสอนในประเทศไทยวันละ 80,000 บาท ต่างประเทศวันละ 160,000 บาท ผมภูมิใจที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกลงทุนหลายสิบล้านบาท ด้วยเงินส่วนตัวของผม และเครือข่ายร้านแว่นตาคุณภาพสูง Advance Progressive Addition Lenses Club โดยไม่ได้ขอการสนับสนุนทางด้านการเงินใดๆจากกองมรดกของพ่อแม่พี่น้อง แม้แต่สลึงเดียว
เงื่อนไขการรับประกันสินค้าของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
รับประกันคุณภาพแว่นตาอย่างไม่มีเงื่อนไข 6 เดือนเต็ม Full Satisfaction Guarantee and Full Money Refund พร้อมรับประกันคุณภาพการใช้งานตลอด 2 ปีเต็มตามมาตรฐานเยอรมัน
การลงทุนที่คุ้มค่าภายใต้การบริหารงานของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการทำธุรกิจ คือ การลงทุนใส่ใจกับลูกค้า ด้วยการให้บริการที่ดีที่สุด ทำให้ลูกค้ารักเรา อยากมาที่ร้านมาแล้วอยากมาอีก อยากพาคนอื่นมาด้วย อยากพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ผมชอบดื่มกาแฟชั้นเยี่ยม จึงลงทุนติดตั้งเครื่องชงกาแฟแรงอัดสูง คัดเลือกเมล็ดกาแฟชั้นดี ชงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้กาแฟรสชาดระดับโลก คอกาแฟถ้ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ควรงดการดื่มกาแฟที่อื่น แล้วมาดื่มด่ำกับกาแฟระดับไฮเอนด์ครับ โดยเฉพาะเอสเพรสโซ่
ทำไม ปรมาจารย์โบบิ จึงมีความเชื่อในพระเจ้า
ในวัยเด็กผมโชคร้าย เจอปัญหาเรื่องไซนัสขึ้นสมอง เป็นเรื้อรังอยู่นาน รักษาอยู่พักใหญ่ก็ไม่หายถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วก็ตาม ทำให้ช่วงวัยนั้นไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้หรือแม้แต่ตากฝนก็ไม่ได้ รุ่นพี่ที่โรงเรียนป่วยเป็นโรคเดียวกัน เสียชีวิตหลังจากไปวิ่งตากฝนจนไซนัสขึ้นสมอง ผมกลัวตายจึงได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่าหากช่วยให้หายจากโรคนี้ได้จะยอมถวายตัว เป็นผู้รับใช้พระเจ้า หลังจากนั้นไม่นานโรคร้ายนี้ก็หายไป ผมก็ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้า หลายปีต่อมาผมประสบอุบัติเหตุหมอนรองกระดูกแตกจนเดินแทบไม่ได้ ต้องผ่าตัด เมื่อฟังอย่างนี้แล้วรู้สึกไม่ดี จึงได้อธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นครั้งที่ 2 ว่าหากหายจากการเจ็บป่วยในครั้งนี้จะถวายตัวเป็นผู้รับใช้พระเจ้าจริง ๆ อาการเจ็บป่วยได้หายไปจริง ๆ จึงได้ถวายตัวเป็นผู้รับใช้พระเจ้าอยู่ 5 ปี ธุรกิจร้านแว่นตาของคุณพ่อที่เกาะสมุย เกิดวิกฤติด้านการเงิน เนื่องจากขยายธุรกิจเร็วเกินจนหมุนเงินไม่ทัน ผมตัดสินใจมาช่วยกู้สถานการณ์ เพิ่มยอดขายหลายสิบเท่าภายใน 3 เดือน จนพ้นวิกฤต จนถึงวันนี้ผมยังไม่มีโอกาสกลับไปทำหน้าที่ผู้รับใช้พระเจ้า แต่ฝันอยู่เสมอว่าจะกลับไปรับใช้พระเจ้าอย่างที่เคยสัญญาไว้
ปรมาจารย์โบบิ นำวิชาที่ร่ำเรียนจากการรับใช้พระเจ้า มาปรับใช้กับการทำธุรกิจแว่นตาไฮเอนด์อย่างไร
ช่วงที่รับใช้พระเจ้า ตำราส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอที่จะสื่อสารกับคนทั้งโลกได้ ต้องทำวิทยานิพนธ์ทำให้สามารถศึกษาค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างเป็นระบบ ที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้มีความเชื่อในพระเจ้า ศรัทธาในคุณค่าของมนุษย์ทุกคนว่ามีพลังยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้ เพียงแค่บิดสวิทช์จากความคิดแง่ลบเป็นความคิดแง่บวก ก็จะสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ในข้ามคืน เวลาผมไปสอนเรื่องเลนส์โปรเกรสซีฟขั้นสูงที่ต่างประเทศ ผมได้รับการยอมรับว่าสอนได้ผลทันตาเห็นมากที่สุด เพราะผมสอนแบบเทศนา สามารถเปลี่ยนความคิด และจิตใจของผู้เรียนได้ ผมพูดเสมอว่า All you have to do is only believe and do what I say. Tomorrow , the miracle will happen in your optic shop. เชื่อเถิดเท่านั้น ทำตามที่ผมบอก แล้วสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นในร้านแว่นของคุณ ผมมีชื่อเสียงด้านการสอนแล้วได้ผลจริง เปลี่ยนชีวิตผู้เรียนได้ในข้ามคืนแบบก้าวกระโดด ถ้าเราเปลี่ยนชีวิตของใครสักคนให้ดีขึ้นได้นั่นแหละคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และสุดยอดแล้วของชีวิต
หลัก และปรัชญาในการทำงานของ ปรมาจารย์โบบิ
ผมทำงานด้วยความศรัทธาในคุณค่าการมองเห็นของมนุษย์ บริหารงานด้วยความเชื่อ ความมุ่งมั่น ทำให้พนักงานทุกคนศรัทธา เชื่อเหมือนผม เชื่อมั่นในคุณค่าของการทำงานด้วยใจ และซื่อสัตย์ที่สุด รับเงินลูกค้ามาต้องทำงานให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
ตั้งใจจะคืนอะไรให้กับสังคม
เป็นความฝันของผมมาชั่วชีวิตในการที่จะคืนกำไร และทำประโยชน์ด้านการมองเห็น ให้กับสังคมผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแจกแว่นบริจาคแบบหยิบสุ่มโดยส่วน ตัวแล้วผมมองว่าการแจกแว่นตาให้กับคนจนนั้นคนจนเขาจนพออยู่แล้ว การใส่กำลังเลนส์ที่ไม่ตรงกับกำลังสายตาเดิมให้เขา คุณคิดว่าคุณไปช่วยเขา แต่ผมกลับมองว่าคุณกำลังซ้ำเติมเขา เพราะธรรมชาติกลไกของมนุษย์ สมองคนเราอัจฉริยะถึงกับสามารถปรับตัวเข้าหาแว่นตาได้ ต่อให้กำลังเลนส์ไม่ถูกต้องก็ตาม เมื่อสมองปรับตัวเข้าหาแว่นตาได้สำเร็จก็ทำให้สายตาเสียไปแล้ว เพียงแต่อยากขอร้องว่าถ้าจะทำก็ทำให้ดีไปเลย ISOPTIK จึงมีนโยบายมอบแว่นตาโปรเกรสซีฟไฮเอนด์ให้กับบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม
แผนงานในอนาคต
อนาคตเราอยากจะดูแลสายตาของผู้คนตั้งแต่แรกเกิด โดยจัดให้มีศูนย์ดูแลสุขภาพสายตาเด็ก งบประมาณในการลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ทุกวันนี้ ISOPTIK เริ่มต้นด้วยการมี Doctor of Optometry และจักษุแพทย์มาประจำอยู่ที่ร้าน เพื่อคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุดของผู้ใช้บริการ
ด้วยความมุ่งมั่น เพียรพยายามที่จะก้าวขึ้นเป็นมือหนึ่งระดับโลกให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นด้วยเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟคุณไฮเอนด์คุณภาพสูงสุด ด้วยเทคนิคการตรวจวัดที่เที่ยงตรง แม่นยำ จากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นคนไทย ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะได้ประกาศศักยภาพมันสมองอันเฉียบแหลมของคนไทย เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายให้ไปไกลทั่วโลก ทั้งด้านคุณภาพที่เหนือกว่า และบริการที่สุดแสนประทับใจ
...... จากศูนย์แว่นตา ISOPTIK : The Hi - End Eyeglasses Centre
ปัจจุบัน ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ได้ย้ายมาอยู่
อาคาร AIA CAPITAL CENTER ( AIACC ) ชั้น 2 โซนร้านค้าหน้าตึก ถ.รัชดาภิเษก เลยสถานทูตจีน 20 เมตร ติดกับ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แห่งใหม่ และ อยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานี ศูนย์วัฒนธรรม 120 เมตร
เปิดวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10:00 - 19:00 น.
หยุดทุกวันอาทิตย์ และวันจันทร์
โทรนัดเวลา : 086 - 565 - 5711 หรือ 086 - 970 - 0794
( เพื่อให้ได้รับคุณภาพการบริการในระดับสูงสุด กรุณานัดล่วงหน้า )