ประวัติการพัฒนาแว่นตาไอซอพติกอัลตร้าโปรเกรสซีฟ

สวัสดีครับ ผม ปรมาจารย์โบบิ ผู้อำนวยการศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสร้างแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะครับ
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง การสร้าง การพัฒนา แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ที่เป็นลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวในโลกของไอซอพติก ว่ามีความเป็นมาอย่างไรครับ

เริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมอายุ 7 ขวบ ผมมีความฝันที่จะทำแว่นให้ดีที่สุดในโลก ซึ่งเกิดจากความฝันคืนหนึ่งที่ผมหลับไป แล้วผมก็ฝันเห็นคนทั้งโลกเดินทางมาทำแว่นกับผม นั่งเครื่องบินหลายพันลำมา คนมาหลายหมื่นคน แล้วก็มาเข้าคิวรอทำแว่น เนื่องจากผมทำแว่นได้ดีที่สุดในโลก พอตื่นเช้าขึ้นมาผมวิ่งไปเล่าความฝันให้คุณพ่อผมฟัง คุณพ่อผมก็พูดว่า ถ้าเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง และผมก็เชื่ออย่างนั้น ว่าผมสามารถทำแว่นที่ดีที่สุดในโลกได้ แล้วตั้งแต่เสี้ยววินาทีนั้นเอง ผมเองก็มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องทำแว่นที่ดีที่สุดในโลกให้ได้

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ทำแว่นตั้งแต่ 7 ขวบ ผมเห็นปัญหาการใช้แว่นของคนที่มีปํญหาทางด้านสายตานะครับ เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นแว่นชั้นเดียว หรือจะเป็นแว่นสองชั้น ก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกัน คนพออายุ 40 ขึ้นไป ก็จะมีสายตายาวระยะใกล้ สายตาระยะไกลกับระยะใกล้จะเป็นคนละสายตา

จะยกตัวอย่างนะครับ ที่ผมใส่อยู่นี้เป็นแว่นตาโปรเกรสซีฟ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาคุยกันตอนท้าย เนื่องจากแว่นอันนี้ เวลาใส่จะเหมือนไม่ได้ใส่นะครับ ใส่แล้วชัดทุกระยะไม่ว่าจะเป็นระยะไหนก็ตาม ก็จะรู้สึกเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ใส่แว่น ปีนี้ผมอายุ 53 ปีแล้ว แต่ว่าตอนนี้เหมือนกับตอนอายุ 30 ปีครับ

isoptik

คนที่สายตาสั้น นี่คือตัวอย่างของแว่นสายตาสั้น ซึ่งให้ความชัดเจนเวลามองไกล แต่เวลามองใกล้ ในวัย 40 ปี ก็เริ่มที่จะไม่สามารถอ่านหนังสือที่ระยะใกล้ได้ ดูชาร์ทอ่านหนังสือนี่นะครับ จะมีตัวอักษรตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปถึงขนาดเล็ก จำนวน 10 ขนาด เพื่อเป็นการทดสอบ ซึ่งกลุ่มคนที่ว่าจะไม่สามารถอ่านหนังสือได้

นี่เราเรียกว่าระยะปกติ คือประมาณ 40 ซม. จะต้องเอียงเข้าหาแสง แล้วขยับหาระยะ จากนั้นก็ยืดแขนออกไปเรื่อยๆ หรือ สุดท้ายเมื่ออายุมากขึ้น ประมาณ 50 ปี ก็จะต้องถอดแว่นเวลาอ่านหนังสือ เคยเห็นไหมครับ ต้องยกแว่นขึ้น แล้วมองลอดแว่น แล้วก็ดูใกล้ๆ หรือบางคนอาจใช้วิธีอย่างนี้ ก็คือ ขยับแว่นลงมาแล้วเหลือกตาขึ้นข้างบน เพื่อจะมองใกล้ นี่คือปัญหาของคนที่มีสายตาสายตาสั้นระยะไกล แล้วก็สายตายาวระยะใกล้ครับ

สำหรับคนอีกส่วนหนึ่งที่สายตาปกติ มองไกลเป็นปกติ แต่ว่าเวลามองใกล้ มองไม่ชัด เมื่อต้องอ่านหนังสืออายุ 40 ปี ขึ้นไป ก็จะใช้วิธีใช้แว่นอ่านหนังสือแบบชั้นเดียว ซึ่งมองใกล้ก็จะชัดนะครับ แต่เวลาดู Labtop ก็จะไม่ชัด ต้องยื่นหน้าเข้าไปถึงจะชัดให้ได้ระยะ เนื่องจากเป็นเลนส์กำลังเดียว เลนส์ชั้นเดียวครับ เวลามองไกลก็จะมัว แล้วก็ไม่สบายตา แล้วก็รู้สึกเวียนศีรษะต้องใช้วิธีถอดแว่น ดังนั้น เราจะเห็นคนที่ใส่แว่นอ่านหนังสือ แต่เวลามองไกลถอดแว่นครับ ส่วนเวลาใช้ Labtop ต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วก็จะอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม ซึ่งท่าของเขาก็จะเป็นท่านี้ ซึ่งจะต้องยื่นคอไปข้างหน้า ซึ่งจะมีอาการปวดต้นคอได้ครับ นี่เป็นปัญหาที่ผมพบเยอะมาก

ขออนุญาตกลับไปใส่แว่นโปรเกรสซีฟนะครับ เพราะว่าใส่แว่นเหล่านี้แล้ว รู้สึกไม่สบาย ตอนนี้เหมือนกับอายุ 30 ปีแล้วนะครับ ขณะเดียวกัน แว่นสองชั้นแม้ว่าจะช่วยให้มองใกล้ได้ มองไกลได้ แต่ว่าจะมีจุดอ่อน ก็คือ เดินลำบาก ประสบอุบัติเหตุ ตกบันใด หรือ ตกรถได้ง่าย แล้วก็ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป เพราะว่าไม่มีระยะกลาง อาการจะคล้ายกัน คือ คนใส่แว่นสองชั้น เวลาที่จะดู Labtop ไม่สามารถนั่งดูจากระยะตรงนี้ได้นะครับ ก็จะต้องเงยหน้าเข้าไป แล้วก็ใช้เลนส์ส่วนล่าง สำหรับอ่านหนังสือดูที่จอ หรือ คีย์บอร์ด ท่าก็จะอยู่แบบนี้

isoptik

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ทำแว่นชั้นเดียว แว่นสองชั้น คือผมพบปัญหาเหล่านี้มากมาย แล้วก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ก็จะมีเลนส์โปรเกรสซีฟหลายชั้นไร้รอยต่อ สมัยหลายสิบปีก่อนเป็นยุคที่เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟเพิ่งจะพัฒนาให้พอใส่ได้ แต่ว่าในจำนวนคน 100 คนที่ใส่ มีจำนวนแค่ประมาณ 8% ที่พอจะใช้ได้ดี แล้วก็ประมาณไม่เกิน 20 % ที่พอใช้ได้ 80 % ไม่สามารถใช้ได้ ผมก็เลยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เลยศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ว่าทำอย่างไร ถึงจะทำให้แว่นโปรเกรสซีฟ เป็นแว่นที่ทุกคนใส่ได้ จะพัฒนาอย่างไร ก็ศึกษาว่าเลนส์โปรเกรสซีฟแต่ละรุ่น ก็จะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่งบางโครงสร้างก็จะเหมาะสำหรับคนบางคน

ในยุคนั้นเลนส์โปรเกรสซีฟขายได้น้อยมาก แล้วก็ส่วนใหญ่ประสบความล้มแหลว หลังจากใช้เวลาหลายปีในการค้นคว้าพัฒนา ในที่สุดก็สามารถพัฒนาวิธีการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟแบบขั้นสูง ให้สามารถที่จะใส่ได้ทุกคน ถึงแม้ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก หลังจากทำแว่นโปรเกรสซีฟให้กับคนหลายพันคนใส่สำเร็จแล้ว ผมก็พัฒนาต่อด้วยการค้นคว้าร่วมกันกับผู้ผลิตเลนส์ในต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเลนส์รุ่นที่ดีที่สุด หลายปีที่ต้องใช้เวลาต่อสู้กับบริษัทผู้ผลิตเลนส์ให้ยอมผลิตเลนส์เทคโนโลยีสูง ซึ่งทุกครั้งก็จะเจอปัญหาว่า บริษัทผู้ผลิตเลนส์จะบอกว่า ถ้าใช้เทคโนโลยีสูงผลิต ค่าใช้จ่ายสูง ต้นทุนสูงมาก ไม่มีใครกล้าซื้อ ซึ่งในยุคแรกเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เลนส์โปรเกรสซีฟคู่นึงขายกันไม่กี่พันบาท ขณะที่ถ้าทำเลนส์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่ ด้วยต้นทุนที่สูง ต้องขายคู่นึงหลายหมื่นบาท แล้วก็กำไรน้อย ในที่สุดก็สามารถโน้มน้าวให้บริษัทผู้ผลิตเลนส์ ผลิตเลนส์เทคโนโลยีสูงขึ้นมาตามที่ผมต้องการ ในระยะแรกของการผลิตเลนส์ดังกล่าว เลนส์รุ่นท็อปที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ประสบความล้มแหลวทั่วโลก เนื่องจากความผิดพลาดของการตรวจวัด การประกอบ การวัดสายตาทุกอย่าง

isoptik

เทคโนโลยีใหม่ที่ว่าเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล ซึ่งถ้าเกิดตำแหน่งของแว่นผิดพลาด ประสิทธิภาพของเลนส์จะลดลงถึง 90 % ผมเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถขายเลนส์เทคโนโลยีใหม่ได้มากที่สุดในโลก และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ด้วยวิธีที่ผมคิดค้น การตรวจวัดสายตาประกอบแว่น ด้วยระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีใหม่ จึงได้แว่นที่ใส่สบาย และตำแหน่งแว่นเป๊ะ ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ซึ่งเป็นมรดกทางปัญญาจากคุณพ่อผม ซึ่งทำร้านแว่นระดับไฮเอนด์มาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด หลังจากนั้นผมก็พัฒนาต่อขึ้นมาเป็นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟเลนส์ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของไอซอพติก และพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเป็นโปรเกรสซีฟ และรุ่นท็อปปัจจุบันเป็น อัลตร้าเพอร์ซันนัลโปรเกรสซีฟ เลนส์รุ่นท็อปที่ราคา 300,000 บาท

ซึ่งเลนส์อัลตร้าเพอร์ซันนัลโปรเกรสซีฟเลนส์ของไอซอพติก ให้ความคมชัด สมจริงเป็นธรรมชาติ เหมือนไม่ได้ใส่แว่น เหมือนกับแว่นตาเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะของร่างกาย ใส่สบาย โฟกัสภาพได้เร็ว ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที บอกลาปัญหาเดิมๆ ของแว่นโปรเกรสซีฟ ราคาแพง เทคโนโลยีอื่น คู่ละหลายหมื่นบาท ที่ใส่แล้วโฟกัสภาพได้ช้า ใส่แล้วเจอกับภาพบิดเบี้ยวด้านข้าง เดินลำบาก แล้วก็ใส่ไม่สบาย ต้องแหงนทุกครั้งเวลาใช้ ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ได้ทุกระยะ แต่ก็จะต้องแหงนหน้า เพื่อจะหาจุดชัดอยู่ตลอดเวลา แต่บนอัลตร้าเพอร์ซันนัลโปรเกรสซีฟ เราสามารถมองได้อย่างสบายเหมือนเป็นธรรมชาติ สำหรับคนที่สนใจนะครับ ช่วงนี้เลนส์โปรเกรสซีฟเพอร์ซันนัลของไอซอพติก ราคาโปรโมชั่นจะลดลงจาก 300,000 บาท เหลือคู่ละแสนนะครับ แล้วก็มีเลนส์ที่เป็นแพ็กเกจเลนส์สำหรับครอบครัว 19 คู่ จากเดิมราคา 1,200,000 บาท ตอนนี้ราคาโปรโมชั่นเหลือแค่ 8 แสนกว่าบาท ก็จะทำให้ราคาลดลงมาเหลือแค่คู่ละ 5 หมื่นกว่าบาท เท่านั้นเองครับ

isoptik

แล้วก็ยิ่งกว่านั้นไอซอพติกยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาเลนส์ในราคาประหยัดที่เป็นเลนส์ ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีใหม่ ในราคาเพียง 18,800 บาท ก็จะสามารถได้แว่นที่ใช้งานได้จริง ใส่สบายกว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟราคาแพง เทคโนโลยีอื่นทั่วไปนะครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เรามีแพ็กเกจที่ราคารวมกรอบแว่นไทเทเนียมแล้ว ราคาอยู่แค่ประมาณ หมื่นกลางๆ ก็จะสามารถที่จะใช้แว่นโปรเกรสซีฟคุณภาพดี และกรอบแว่นคุณภาพดีได้นะครับ

โปรโมชั่้นนี้ก็จะหมดเขตในเดือน มีนาคมนี้ครับ สำหรับคนที่มีคำถาม สามารถติดต่อผม ปรมาจารย์โบบิ ได้ตลอดเวลา 097-454-9944 แล้วก็เผื่อเวลาไว้ด้วยเวลาเข้ามาทำแว่น เข้ามาวิเคราะห์ระบบการมองเห็น ที่ไอซอพติก เราใช้เวลา 3 ชั่วโมง ที่จะวิเคราะห์พฤติกรรม วิเคราะห์ค่าสายตา วิเคราะห์ตำแหน่งแว่น แล้วก็ปรับสร้างแว่นเฉพาะบุคคลขึ้นมา ปรับให้แว่นใส่สบายที่สุดนะครับ กรอบแว่นเฉพาะบุคคลราคาก็จะเริ่มที่ 14,800 บาท ครับ ซึ่งจะเป็นแว่นที่สร้างขึ้นมาเฉพาะบุคคล สำหรับแต่ละคนให้ได้แว่นที่ใส่สบายอย่างแท้จริงครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมาทาง Line@ ได้ หรือ เข้าชมในเว็บไซต์ของไอซอพติกได้นะครับ วันนี้ผม ปรมาจารย์โบบิ ของลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?