อาการตาแฉะ น้ำตาไหลออกมามากผิดปกติ จนทำให้ดวงตาเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา สร้างความรำคาญและอาจส่งผลต่อการมองเห็นของเราได้ หลายคนอาจสงสัยว่า ตาแฉะเกิดจากอะไร มีอาการแบบไหนบ้าง และที่สำคัญคือจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการดูแลดวงตาเมื่อเกิดภาวะตาแฉะ เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง
ตาแฉะคืออะไร
ตาแฉะเป็นภาวะที่มีน้ำตาไหลออกมามากผิดปกติ ทำให้บริเวณรอบดวงตาเปียกชื้น อาจเกิดได้ทั้งสองข้างหรือตาแฉะข้างเดียว ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ตาแฉะเกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการตาแฉะมีดังนี้
1. การอุดตันของท่อน้ำตา
โดยปกติ น้ำตาจะถูกระบายออกไปทางท่อน้ำตาที่อยู่บริเวณหัวตาและลงสู่โพรงจมูก แต่เมื่อท่อน้ำตาเกิดการอุดตัน น้ำตาจะไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ จึงล้นออกมาทางตา ทำให้เกิดอาการตาแฉะทั้งสองข้าง หรือตาแฉะข้างเดียวตามท่อน้ำตาที่มีปัญหา
2. ภาวะตาแห้ง
แม้จะฟังดูขัดแย้งกัน แต่ภาวะตาแห้งก็เป็นสาเหตุหนึ่งของตาแฉะ เมื่อดวงตาแห้งเกินไป ร่างกายจะพยายามชดเชยด้วยการผลิตน้ำตามากขึ้น แต่น้ำตาที่ผลิตออกมานี้มักมีคุณภาพไม่ดีพอ จึงไม่สามารถหล่อลื่นดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดอาการตาแฉะ
3. เยื่อบุตาอักเสบ
ภาวะเยื่อบุตาอักเสบหรือตาแดงเป็นการอักเสบของเยื่อบุตาซึ่งเป็นเนื้อเยื่อบาง ๆ ที่ปกคลุมตาขาวและด้านในของเปลือกตา เมื่อเกิดการอักเสบ จะกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำตามากขึ้น และอาจมีอาการตาแฉะร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ตาแดง คัน แสบตา หรือมีขี้ตามากผิดปกติ
4. ภูมิแพ้ขึ้นตา
ภูมิแพ้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยของอาการตาแฉะ เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสร ไรฝุ่น หรือขนสัตว์ ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองด้วยการปล่อยสารฮิสตามีน ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองที่ตา ส่งผลให้น้ำตาไหล มีอาการคัน บวม แดงในตา
5. สารระคายเคืองและมลภาวะในสิ่งแวดล้อม
มลภาวะทางอากาศ ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง หรือสารเคมีต่าง ๆ สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ทำให้ตาผลิตน้ำตามากขึ้นเพื่อพยายามชะล้างสิ่งแปลกปลอมออกไป นอกจากนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดอาการตาแห้ง และนำไปสู่อาการตาแฉะได้เช่นกัน
อาการที่มักพบร่วมกับตาแฉะ
นอกจากการมีน้ำตาไหลออกมามากจนทำให้ตาเปียกชื้น ผู้ที่มีอาการตาแฉะมักมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาแดง คันตา แสบตา ปวดตา มองเห็นไม่ชัด หรือรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
วิธีรักษาอาการตาแฉะ
การรักษาอาการตาแฉะจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงก่อน เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างตรงจุด เช่น หากเกิดจากภูมิแพ้ อาจต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และใช้ยาหยอดตาลดอาการแพ้ กรณีตาแห้ง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ส่วนการอุดตันของท่อน้ำตาอาจต้องได้รับการผ่าตัด เป็นต้น ดังนั้น ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการตาแฉะ
การป้องกันอาการตาแฉะสามารถทำได้หลายวิธี โดยเน้นที่การลดความเสี่ยงและดูแลสุขภาพตาอย่างเหมาะสม ดังนี้
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคืองที่อาจทำให้เกิดอาการตาแฉะ
-
ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสดวงตาเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
-
พักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน
-
สวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงแดดและสิ่งระคายเคือง
-
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา
-
หากมีอาการภูมิแพ้ ควรควบคุมอาการแพ้ตามคำแนะนำของแพทย์
สรุปบทความ
ตาแฉะเป็นอาการที่อาจเกิดจากหลายสาเหตุ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและอาการที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เราสามารถดูแลและป้องกันได้อย่างเหมาะสม หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
นอกจากการดูแลตามวิธีที่กล่าวมาแล้ว การมีแว่นตาที่เหมาะสมก็มีส่วนช่วยในการป้องกันปัญหาตาได้เช่นกัน ศูนย์แว่นตาไอซอพติก ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล เราให้บริการวัดสายตาประกอบแว่นคุณภาพสูง มีทีมนักทัศนมาตรและจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ออกแบบ และวิเคราะห์การใช้สายตาของคุณอย่างละเอียด โดยมีปรมาจารย์โบบิ คอยดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณได้รับแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใส่สบาย ตอบโจทย์การใช้งาน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมรับประกันความพึงพอใจสูงสุด 180 วัน
คำยืนยันจากผู้ใช้ แว่นตาโปรเกรสซีฟ อัจฉริยะไอซอพติก มากกว่า ท่าน คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ปรมาจารย์โบบิ สายด่วน : 081-538-4200
LINE ID : @isoptik
เว็บไซต์ : https://www.isoptik.com
whatsapp : +66 81-538-4200
อีเมล : isoptik@gmail.com