โรคตาขี้เกียจคืออะไร เช็กสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

โรคตาขี้เกียจ สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหมว่า ลูกน้อยมีพฤติกรรมการมองที่แปลกไป ๆ เช่น เอียงศีรษะบ่อย ๆ หรือชอบปิดตาข้างหนึ่งเวลาดูทีวี อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ " โรคตาขี้เกียจ " หากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลเสียต่อการมองเห็นในระยะยาว แล้วโรคตาขี้เกียจเกิดจากสาเหตุใด มีอาการอย่างไร และมีวิธีรักษาหรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อให้คุณสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นและหาแนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสม

โรคตาขี้เกียจเกิดจากสาเหตุใด

โรคตาขี้เกียจ ( Amblyopia หรือ Lazy Eye ) คือภาวะที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างมีการมองเห็นที่ไม่ดี โดยสมองจะปิดการรับรู้ภาพจากตาข้างนั้น ทำให้ไม่ได้ใช้งานตาข้างดังกล่าว ส่งผลให้การมองเห็นแย่ลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลัก ๆ ของโรคตาขี้เกียจ ได้แก่

  • การมีค่าสายตาผิดปกติมากตั้งแต่เด็ก เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง โดยอาจเป็นทั้งสองข้างหรือข้างเดียวก็ได้

  • อาการตาเหล่หรือตาเขข้างเดียว เมื่อตาไม่อยู่ในตำแหน่งปกติ สมองจะเลือกรับภาพจากตาที่อยู่ในตำแหน่งปกติเพียงข้างเดียว ตาที่ไม่ได้ใช้เลยจะมองเห็นแย่ลงเรื่อย ๆ จนเกิดโรคตาขี้เกียจขึ้น

  • เปลือกตาตก ส่งผลให้มองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งหากเกิดในช่วงที่ระบบการมองเห็นกำลังพัฒนา อาจทำให้เกิดตาขี้เกียจได้

  • โรคตาอื่น ๆ ที่ทำให้การมองเห็นผิดปกติตั้งแต่กำเนิด เช่น ต้อกระจกแต่กำเนิด กระจกตาขุ่น จอประสาทตาผิดปกติ หรือโรคมะเร็งจอตา

  • ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางหรือเส้นประสาทตา ทำให้การส่งกระแสประสาทจากตาไปยังสมองผิดปกติ

โรคตาขี้เกียจพบได้ประมาณ 2 - 5% ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคตาขี้เกียจ ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ในวัยเด็ก

ตาขี้เกียจ อาการเป็นอย่างไร

ตาขี้เกียจ อาการเป็นอย่างไร

อาการของโรคตาขี้เกียจในระยะแรกอาจสังเกตได้ยาก เนื่องจากเด็กอาจยังไม่สามารถบอกความผิดปกติในการมองเห็นของตนเองได้ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมบางอย่างอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้โรคตาขี้เกียจ ได้แก่

  • ตาเข หรือตาเหล่

  • หรี่ตา หรือเอียงศีรษะบ่อย ๆ เพื่อพยายามปรับโฟกัสให้มองเห็นชัดขึ้น

  • ชอบปิดตาข้างหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

  • ดูเหมือนมองไม่เห็น หรือตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ช้ากว่าปกติ

  • ตาล้า หรือปวดศีรษะบ่อย ๆ

สำหรับเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้ชัดเจน ผู้ปกครองอาจทดสอบอย่างง่ายโดยการปิดตาเด็กทีละข้าง แล้วสังเกตปฏิกิริยาต่อสิ่งของหรือของเล่นที่เด็กชอบ หากเด็กไม่ตอบสนองเมื่อปิดตาข้างใดข้างหนึ่ง อาจเป็นสัญญาณของโรคตาขี้เกียจได้

การตรวจวินิจฉัยตาขี้เกียจ

การวินิจฉัยภาวะตาขี้เกียจเริ่มจากการสังเกตความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น เช่น อาการตาเข ตาเหล่ ลักษณะผิดปกติของเปลือกตา หรือโครงสร้างอื่นภายในดวงตา จากนั้นแพทย์จะตรวจวัดค่าสายตาของทั้งสองข้างอย่างละเอียด เพื่อหาความผิดปกติและสั่งตัดแว่นหากจำเป็น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาและช่วยลดโอกาสเกิดอาการตาเหล่จากการเพ่งสายตา

ในบางกรณี ความผิดปกติในดวงตาอาจไม่สามารถตรวจพบได้จากภายนอกหรือด้วยเครื่องมือพื้นฐาน แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น การทำ CT Scan หรือ MRI เพื่อค้นหาความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาหรือสมองส่วนที่ควบคุมการมองเห็น

การรักษาโรคตาขี้เกียจ

การรักษาโรคตาขี้เกียจ

เป้าหมายหลักของการรักษาโรคตาขี้เกียจคือการกระตุ้นให้สมองกลับมาใช้งานตาข้างที่อ่อนแอกว่า เพื่อให้พัฒนาการมองเห็นดีขึ้น วิธีการรักษาหลัก ๆ ได้แก่

  • การใส่แว่นสายตา ในกรณีที่โรคตาขี้เกียจมีสาเหตุจากภาวะสายตาผิดปกติ การใส่แว่นที่เหมาะสมจะช่วยให้ภาพที่มองเห็นชัดเจนขึ้น และกระตุ้นการทำงานของตาทั้งสองข้าง

  • การปิดตาข้างที่มองเห็นชัด เป็นวิธีที่ใช้กระตุ้นให้สมองหันมาใช้งานตาข้างที่เป็นตาขี้เกียจมากขึ้น โดยจะปิดตาข้างที่มองเห็นชัดไว้เป็นระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำ

  • การหยอดยาขยายรูม่านตา ในบางกรณี อาจมีการใช้ยาหยอดตาเพื่อทำให้ตาข้างที่มองเห็นชัดมัวลงชั่วคราว เพื่อกระตุ้นการใช้งานตาข้างที่เป็นตาขี้เกียจ

  • การผ่าตัด ในกรณีที่โรคตาขี้เกียจมีสาเหตุจากตาเหล่ เปลือกตาตก หรือต้อกระจก การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะเหล่านี้อาจเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การรักษาโรคตาขี้เกียจด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ผลดีขึ้น

แนวทางการป้องกันอาการตาขี้เกียจ

การป้องกันโรคตาขี้เกียจที่ดีที่สุด คือการตรวจสุขภาพตาของเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงวัย 3-6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่สายตากำลังพัฒนา หากพบความผิดปกติใด ๆ จะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้ การสังเกตพฤติกรรมการมองของเด็กอย่างใกล้ชิด หากพบสัญญาณที่น่าสงสัย ควรรีบพาไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

สรุปบทความ

โรคตาขี้เกียจเป็นภาวะที่ส่งผลต่อพัฒนาการการมองเห็นของเด็ก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา อาจส่งผลเสียต่อการมองเห็นในระยะยาว การสังเกตอาการเบื้องต้น พาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพตาตามนัดหมาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาและป้องกันโรคตาขี้เกียจ เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการมองเห็นที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์

นอกจากวัยเด็กต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสายตาแล้ว ผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสายตา โดยเฉพาะสายตายาวตามวัย ศูนย์แว่นตาไอซอพติก ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล เราให้บริการวัดสายตาประกอบแว่นคุณภาพสูง มีทีมนักทัศนมาตรและจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ออกแบบ และวิเคราะห์การใช้สายตาของคุณอย่างละเอียด โดยมีปรมาจารย์โบบิ คอยดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณได้รับแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใส่สบาย ตอบโจทย์การใช้งาน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมรับประกันความพึงพอใจสูงสุด 180 วัน

คำยืนยันจากผู้ใช้ แว่นตาโปรเกรสซีฟ อัจฉริยะไอซอพติก มากกว่า ท่าน คลิก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :

ปรมาจารย์โบบิ สายด่วน : 081-538-4200

LINE ID : @isoptik

เว็บไซต์ : https://www.isoptik.com

whatsapp : +66 81-538-4200

อีเมล : isoptik@gmail.com

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

วิธีเดินทางมาศูนย์เเว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ISOPTIK

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?