เขียนโดย พญ.สุภาพร ศรีธวัชพงศ์ จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านประสาทจักษุ ( Neuro - Ophthalmologist )
เรื่องสายตาไม่ใช่แค่เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กเล็กเองก็มีปัญหาสายตาได้เหมือนกัน แต่หลายบ้านอาจยังไม่ทันสังเกต หรือไม่รู้ว่า ควรพาเด็กไปตรวจตาตั้งแต่เมื่อไร จริง ๆ แล้วการตรวจสายตาเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้ารู้เร็ว แก้ไขได้ทัน จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น และไม่มีปัญหาการมองเห็น บทความนี้เลยอยากชวนพ่อแม่ทุกคนมาทำความเข้าใจว่า ทำไมการตรวจสายตาลูกถึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เด็กควรเริ่มตรวจสายตาตั้งแต่อายุเท่าไหร่
การตรวจสายตาเด็กเริ่มต้นได้ตั้งแต่เป็นทารกเลย ไม่ต้องรอให้เด็กรู้จักพูดหรือเข้าใจคำสั่งก่อน หากสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ที่ดวงตาหรือพฤติกรรมการมองของลูก พ่อแม่สามารถพาไปพบจักษุแพทย์ได้ทันที
สำหรับเด็กที่ไม่มีอาการผิดปกติเห็นได้ชัด แนะนำให้พาไปตรวจครั้งแรกก่อนเข้าอนุบาล จากนั้นควรทำการตรวจสายตาเด็กเป็นประจำทุก 1-2 ปี เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงและพบปัญหาก่อนที่จะร้ายแรง
พฤติกรรมที่ทำร้ายสายตาเด็ก
-
ให้เด็กเล่นสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานานเกินไป
-
ไม่ให้เด็กใส่แว่นแม้จำเป็น เพราะเชื่อผิด ๆ ว่า ยิ่งใส่แว่นแล้วสายตาจะยิ่งเสีย ทำให้เด็กต้องอยู่กับการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน
-
เลื่อนการตรวจสายตาเด็กออกไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าเด็กยังเล็กให้ความร่วมมือไม่ได้ หรือกลัวเด็กจะร้องไห้เวลาไปหาหมอ
-
ปล่อยให้เด็กอ่านหนังสือหรือดูสิ่งต่าง ๆ ในที่แสงไม่เพียงพอ ทำให้ต้องเพ่งมองอย่างหนักจนเมื่อยล้า
-
ไม่สังเกตพฤติกรรมการมองของเด็ก เช่น การหลับตาข้างหนึ่ง เอียงหัว หรือเดินไปชนสิ่งของบ่อย ๆ
การตรวจสายตาเด็กสามารถคัดกรองโรคอะไรได้บ้าง
การพาเด็กไปตรวจสายตา ไม่ใช่แค่เพื่อดูว่าสั้นหรือยาว แต่ยังช่วยให้เรารู้ได้ว่า ดวงตาของลูกมีความผิดปกติอะไรแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า ถ้ารู้เร็วก็รักษาได้ทัน ลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคตได้มาก โรคที่สามารถเจอจากการตรวจตาเด็กมีหลายอย่าง เช่น
-
โรคตาขี้เกียจ หรือที่หมอเรียกว่า Amblyopia เกิดจากที่สมองไม่ยอมรับภาพจากตาข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้ตาข้างนั้นไม่พัฒนา พอปล่อยไว้นานก็อาจมองไม่ชัดไปตลอดชีวิต
-
สายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ถ้าเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วใส่แว่นที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้เด็กมองเห็นชัด และไม่เสียโอกาสในการเรียนรู้
-
มีอะไรบางอย่างบังการมองเห็น เช่น หนังตาตก หรือเป็นต้อกระจกตั้งแต่เกิด สิ่งเหล่านี้จะไปขัดขวางพัฒนาการของการมองเห็น
นอกจากนี้ เด็กแต่ละวัยก็อาจเจอปัญหาไม่เหมือนกัน เช่น
-
เด็กแรกเกิดอาจเจอน้ำตาไหลบ่อยเพราะท่อน้ำตาอุดตัน หรือ ขนตาทิ่มลูกตา
-
เด็กวัยหัดเดิน มักมีปัญหาตาเหล่
-
เด็กประถมต้น มักเริ่มมีสายตาสั้น เพราะใช้สายตาเยอะจากการเรียนหรือจ้องจอ
การเตรียมตัวก่อนพาเด็กไปตรวจสายตา
การเตรียมตัวก่อนพาเด็กไปตรวจตาจะช่วยให้ลูกไม่กลัว และให้ความร่วมมือกับหมอได้ดีขึ้น ซึ่งแต่ละวัยก็เตรียมต่างกัน
-
เด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้ เด็กเล็กมักจะอยู่ไม่สุขและกลัวคนแปลกหน้า พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กนั่งบนตักแล้วจับศีรษะให้นิ่ง ๆ มองไปข้างหน้า เพราะหมอจะใช้ท่านี้เวลาตรวจ ฝึกบ่อย ๆ เด็กจะคุ้นและไม่ตกใจตอนตรวจจริง
-
เด็กที่เริ่มพูดได้ รู้จักภาพแล้ว เด็กวัยนี้อาจเขินเวลาเจอคนแปลกหน้า ลองขอภาพตัวอย่างจากคลินิกมาซ้อมดูที่บ้าน เช่น รูปปลา รูปบ้าน ให้เด็กฝึกพูดชื่อภาพ จะได้คุ้นกับการตรวจจริง และไม่กลัวหมอ
-
เด็กโตที่พูดคุยได้แล้ว เด็กโตมักไม่กลัวเท่าไร แค่บอกให้เขารู้ว่าเราจะไปทำอะไรก็พอ เพื่อให้เขาสบายใจและเข้าใจว่ามันไม่ได้อันตราย
ขั้นตอนการตรวจสายตาเด็กแบบละเอียด
-
ตรวจความสามารถในการมองเห็น เป็นขั้นตอนแรกที่จะประเมินว่าเด็กมองเห็นชัดแค่ไหน โดยใช้วิธีที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก
-
ตรวจตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของลูกตา เพื่อดูว่ามีความเสี่ยงเป็นตาเหล่หรือตาเข รวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อตาต่าง ๆ
-
ตรวจพิเศษเชิงลึก เช่น การมองภาพ 3 มิติ การตรวจการรวมภาพจากตาทั้งสองข้าง การตรวจตาบอดสี เพื่อประเมินการทำงานร่วมกันของดวงตา
-
ตรวจโครงสร้างส่วนหน้าของลูกตา เช็กความผิดปกติของเปลือกตา หนังตา แนวขนตา ตาดำ และตาขาว เพื่อหาความผิดปกติที่อาจมองไม่เห็นจากภายนอก
โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ถ้าหมอเห็นว่ามีอะไรต้องตรวจเพิ่ม ก็อาจต้องหยอดยาขยายม่านตาหรือยาคลายเพ่งก่อน แล้วรอยาออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที รวมทั้งหมดอาจใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจสายตาเด็ก
เด็กควรมาตรวจสายตาบ่อยแค่ไหน
ถ้าลูกไม่มีปัญหาตาอะไรเลย ก็ควรพามาตรวจปีละครั้ง แต่ถ้ามีปัญหาสายตา หรือโรคเกี่ยวกับตา หมอจะนัดถี่ขึ้น แล้วแต่กรณี บางคนต้องมาตรวจทุก 6 เดือน
เด็กกลัวการตรวจสายตา พ่อแม่ควรทำอย่างไร
พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อธิบายขั้นตอนง่าย ๆ และบอกว่าการตรวจไม่ได้เจ็บปวด อาจนำของเล่นชิ้นโปรดติดตัวไปด้วยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือพยายามทำให้การตรวจเป็นเหมือนเกมสนุก ๆ หากเด็กยังกลัวมาก อาจปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
การตรวจสายตาเด็กเจ็บปวดหรือไม่
การตรวจสายตาเด็กโดยทั่วไปไม่เจ็บปวดเลย เพียงแต่เด็กอาจรู้สึกไม่ชินกับการมีคนแปลกหน้ามาสัมผัสหรือส่องไฟใส่ตา ถ้าต้องหยอดยาขยายม่านตา เด็กอาจรู้สึกแสบตาเล็กน้อยชั่วครู่ แต่ไม่เจ็บปวด
ยาที่ใช้ปลอดภัยสำหรับเด็ก อาจทำให้เด็กมองเห็นเบลอและไวต่อแสงเป็นเวลา 3-6 ชั่วโมงหลังหยอดยา ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายเองเมื่อยาหมดฤทธิ์
สรุปบทความ
การตรวจสายตาเด็กเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ถ้าตรวจเจอปัญหาเร็ว ก็แก้ได้เร็ว ไม่ต้องปล่อยให้ลูกโตไปพร้อมกับปัญหาการมองเห็น และเด็กอาจต้องอยู่กับปัญหานั้นไปตลอดชีวิต
นอกจากสายตาลูกที่ควรดูแลแล้ว ถ้าพ่อแม่คนไหนเริ่มรู้สึกว่า มองไกลไม่ชัด หรือต้องเพ่งเวลาอ่านหนังสือ อาจเป็นสัญญาณของสายตายาวตามอายุ ลองแวะมาที่ ศูนย์แว่นตาไอซอพติก ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล เราให้บริการวัดสายตาประกอบแว่นคุณภาพสูง มีทีมนักทัศนมาตรและจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ออกแบบ และวิเคราะห์การใช้สายตาของคุณอย่างละเอียด โดยมีปรมาจารย์โบบิ คอยดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณได้รับแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ใส่สบาย ตอบโจทย์การใช้งาน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมรับประกันความพึงพอใจสูงสุด 180 วัน
คำยืนยันจากผู้ใช้ แว่นตาโปรเกรสซีฟ อัจฉริยะไอซอพติก มากกว่า ท่าน คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ปรมาจารย์โบบิ สายด่วน : 081-538-4200
LINE ID : @isoptik
เว็บไซต์ : https://www.isoptik.com
whatsapp : +66 81-538-4200
อีเมล : isoptik@gmail.com