โดย แพทย์หญิง จุฬาลักษณ์ ตั้งมั่นคงวรกูล จักษุแพทย์
ประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อน ช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนตุลาคมเป็นฤดูฝน ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยมีฝนตกชุกเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น ทำให้ปีนี้เกิดวิกฤติน้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่งภายหลังน้ำท่วมโรคทางตาที่พบได้บ่อยที่สุด คือ ภาวะตาแดงระบาด โดยสามารถเกิดในทุกเพศทุกวัย ล่าสุดจังหวัด อุบลราชธานี พบว่าผู้ป่วยโรคตาแดงในช่วงน้ำท่วมปีนี้สูงถึง 3,608 คน
อาการของโรคตาแดง
ผู้ป่วยจะมีอาการเคืองตา คัน และปวดตา สังเกตุว่าเยื่อบุตาขาวมีสีแดง มีน้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ มีขี้ตาแฉะ บางครั้งอาการของโรคที่รุนแรงนำไปสู่การมองเห็นที่ลดลงได้
สิ่งที่ตรวจพบ
- โดยมากมักจะเริ่มในตาข้างนึงก่อนแล้วจึงเป็นตามมาในตาอีกข้าง
- เปลือกตาอาจบวมแดง
- เยื่อบุตาขาวกลายเป็นสีแดง มีตุ่มนูนที่เยื่อบุตา ตาแฉะ มีเยื่อเมือกเหลืองที่เยื่อบุตา และน้ำตาไหลมาก
- มีฝ้าบริเวณกระจกตาดำ
- อาจมีภาวะเจ็บคอ ไอ จาม หรือเป็นหวัดร่วม
ตุ่มนูนบริเวณเยื่อบุตา
เยื่อบุตาขาวกลายเป็นสีแดง
ฝ้าขาวที่กระจกตา ทำให้การมองเห็นลดลง
ย้อมกระจกตาด้วยสีพิเศษโดยจักษุแพทย์
ตาแดงเกิดจากเชื้ออะไร
โดยมากโรคตาแดงที่พบตามหลังภาวะน้ำท่วมเกิดจากเชื้อไวรัสมากที่สุด รองลงมา คือ เชื้อแบคทีเรีย
ชนิดของเชื้อไวรัสที่พบมากในประเทศไทย และแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ อะดีโนไวรัส ( Adenovirus ) ซึ่งมักระบาดในช่วงหน้าฝน และพบว่าระบาดอยู่ในกลุ่มชุมชน โรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็ก
อาการของการติดเชื้อไวรัสนี้ที่พบได้บ่อยมี 2 รูปแบบ คือ
- Pharyngoconjunctival fever เกิดจากเชื้อ adenovirus สายพันธุ์ 3 , 4 , 7 ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีอาการเจ็บคอ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโต และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย หลังได้รับเชื้อจะมีระยะฟักตัวในร่างกาย 5 - 14 วันแล้วจึงแสดงอาการตาแดงทั้งสองข้าง และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นานถึง 2 อาทิตย์
- Epidemic keratoconjunctivitis เกิดจากเชื้อ adenovirus สายพันธุ์ 8 อาการค่อนข้างรุนแรงกว่ารูปแบบแรก โดยมักจะมีอาการตาแดงข้างเดียวนำมาก่อน มีตุ่มคัน ตาแดง มีเยื่อบุตาขาวลอก และที่รุนแรงที่สุด คือ ทำให้เกิดฝ้าขาวบนกระจกตา ทำให้เกิดอาการตามัว และเห็นรุ้งกินน้ำรอบดวงไฟ
อีกเชื้อไวรัสอีกหนึ่งตัวที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน จากดาราสาวที่มีอาการตาแดง น้ำตาไหลเป็นสีเลือด เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มพิโคน่าไวรัส ( Piconavirus ) ทำให้เกิดโรคตาแดงชนิด Acute Hemorrhagic conjunctivitis โดยจะมีอาการเยื่อบุตาขาวบวมแดง มีเลือดออกใต้เยื่อบุตา ร้องไห้แล้วพบว่าน้ำตามีสีแดงเหมือนเลือด
การตรวจเพื่อการวินิจฉัย
ปัจจุบันมีเครื่องมือตรวจพกพาที่สามารถใช้ในการยืนยันโรคตาแดงจากเชื้อไวรัสได้เช่น Adenoclone test , RPS Adeno Detector แต่ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยเนื่องจากราคาต่อชุดค่อนค้างแพง และโดยส่วนมากสามารถวินิจฉัยได้จากการประวัติและตรวจตา
การแพร่เชื้อ
- จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำตา น้ำมูก ไอ จาม
- จากการใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ของเล่นเด็ก เครื่องสำอาง
- จากการสัมผัสน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน เช่น ในสระว่ายน้ำ หรือบ่อน้ำ
- จากสัตว์ที่เป็นพาหะเช่น แมลงหวี่
ดังนั้นจึงมักระบาดในครอบครัว ชุมชน และโรงเรียนเนื่องจากมีการสัมผัส และใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคตาแดง
จะเห็นได้ว่า เนื่องจากไวรัสนี้สามารถปนเปื้อนมากับแหล่งน้ำและน้ำสกปรก น้ำท่วมขังได้ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นโรคระบาดที่เกิดตามหลังน้ำท่วม และเนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้มีความจำเป็นที่คนต้องย้ายที่อยู่อาศัยมาอยู่รวม มีการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด มีการใช้ของร่วมกัน กันทำให้เกิดการกระจาย และแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้ง่าย
การรักษา
- เนื่องจากภาวะตาแดงจากเชื้อไวรัส มักจะหายเองได้ภายใน 1 - 2 อาทิตย์ ( ยกเว้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ) และมักไม่ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเหมือนการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ดังนั้นเป้าหมายของการรักษาคือ การป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นและการบรรเทาอาการทางตา ควรพบจักษุแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษา และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตาเวลาคันหรือระคายเคือง ควรใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเปลือกตาแทน จะช่วยลดอาการคัน และเคืองตาได้
- ควรใส่แว่นกันแดด จะช่วยลดอาการแพ้แสงได้
- ควรพักการใช้สายตา งดการใช้สายตาระยะเวลานาน ๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์
- ไม่ควรซื้อยาในร้านขายยามาหยอดเอง ควรปรึกษาจักษุแพทย์
การป้องกัน
ข้อปฎิบัติสำหรับผู้ป่วยตาแดง
- ควรแยกผู้ป่วยโรคตาแดงออกจากผู้อื่น เช่น ให้หยุดโรงเรียนและหยุดงานนาน 1 - 2 อาทิตย์เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงอยู่ใกล้เด็กเล็ก
- ผู้ป่วยโรคตาแดงควรได้รับการแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น ผ่านทางการไอ จามหรือสารคัดหลั่งต่าง ๆ
- ผู้ป่วยโรคตาแดงควรล้างมือให้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะล้างมือหลังสัมผัสตา
- กระดาษหรือสำลีที่ใช้เช็ดตาควรทิ้งในถังขยะที่ปิดมิดชิด
ข้อปฎิบัติสำหรับบุคคลทั่วไป
- งดใช้ของร่วมกับผู้ป่วยที่มีตาแดง เช่น ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา
- กรณีโดนน้ำสกปรกเข้าตา ควรรีบล้างตาทันที
เอกสารอ้างอิง
- Krachmer. Cornea 3th edition
- Birthe Meyer et al. REVIEW ARTICLE : Epidemic Keratoconjunctivitis ; The Current Situation and Recommendations for Prevention and Treatment