โดย แพทย์หญิง อรทัย สุวรรณพิมลกุล จักษุแพทย์
ภาวะเลือดออกใต้เยื่อบุตา คือ การที่มีเลือดอยู่ระหว่างเยื่อบุตากับผนังตาขาวเป็นภาวะที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้ป่วยมักจะมาพบจักษุแพทย์ เนื่องจากบริเวณตาขาวจะมีสีแดงจัดจากเลือดก่อให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นโรคที่ร้ายแรงหรือไม่
สาเหตุ
เลือดออกใต้เยื่อบุตาเกิดจากเส้นเลือดฝอยที่เยื่อบุตาและเส้นเลือดด้านนอกของผนังตาขาวมีการแตกคล้าย ๆ กับเลือดกำเดาออกนั่นเอง
สาเหตุอาจเกิดจาก
- เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ
- ภาวะที่มีการออกแรงหรือเบ่ง เช่น ไอจามแรง ๆ เบ่งอุจจาระ อาเจียน ยกของหนัก เป็นต้น
- อุบัติเหตุจากการกระแทกบริเวณตาหรืออุบัติเหตุรุนแรงที่ช่องอกทำให้เกิดความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น
- ความดันโลหิตสูงมาก ๆ
- ภาวะที่มีความผิดปรกติในการแข็งตัวของเลือดหรือเส้นเลือดเปราะบาง เช่น โรคเลือดต่าง ๆ โรคตับ SLE ขาดวิตามินซี
- ยาบางชนิด เช่น ยากันการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดจำพวก NSAID ยาแอสไพริน สเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด เป็นต้น
- โรคติดเชื้อในร่างกาย
- ตาแดงจากเชื้อไวรัสบางชนิด
อาการ และอาการแสดง
- ตาแดงเป็นสีแดงสดของเลือด
- อาจไม่มีอาการหรือมีอาการระคายเคืองตาเพียงเล็กน้อย
การรักษา
- โดยทั่วไปภาวะนี้ไม่มีอันตรายใด ๆ ซึ่งเลือดที่ออกมักจะจางหายไปได้เองในระยะเวลา 1 - 2 สัปดาห์ อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาใด ๆ หากไม่มีอาการ
- แพทย์อาจให้น้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคือง
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรง ๆ เพราะอาจทำให้เลือดออกซ้ำได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือ NSAID ระหว่างที่มีอาการ
- ในรายที่มีเลือดออกใต้เยื่อบุตาเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ๆ แพทย์อาจพิจารณามองหาสาเหตุโรคทางกาย เช่น โรคที่มีความผิดปรกติของเส้นเลือดเปราะ หรือการแข็งตัวเลือดผิดปรกติ