อะไรคือสายตาดี

โดย O.D.ธงชัย อัสรางชัย

สายตาดี

เป็นที่ถกเถียงกันบ่อยครั้งในหลายเหตุการณ์เกี่ยวกับคำว่า “ สายตาดี ” เช่น ป้าจิ้มสามารถสนเข็มได้ ในขณะที่ป้าแจ๋วไม่สามารถสนเข็มได้ ป้าจิ้มก็บอกว่าตนเองนั้นสายตาดีกว่าป้าแจ๋ว แต่เวลานั่งดูทีวี ป้าจิ๋มดูไม่ชัด แต่ป้าแจ๋วดูได้ชัด แล้วป้าแจ๋วก็บอกว่าตนเองนั้นสายตาดีกว่าป้าจิ๋ม แล้วอย่างนี้ตกลงใครมีสายตาดีกว่ากัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวหากปล่อยให้ป้าจิ๋มกับป้าแจ๋วเถียงกันว่าใครสายตาดีกว่า อาจจะเป็นเรื่องทะเลาะกันเป็นแน่ทีเดียว เพราะต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเอง ดังนั้นแล้วการที่จะบอกว่าใครสายตาดีกว่ากัน ก็ควรจะมีเกณฑ์ในการกำหนดเป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องพิสูจน์ได้ วัดได้ เกณฑ์ที่ใช้วัดนั้นเราเรียกว่าความสามารถในการมองเห็น ( Visual Acuity หรือ VA ) ซึ่งต่อไปขอเรียกว่า VA

แผ่นป้ายมาตรฐานในการทดสอบ VA มีหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Snellen Chart เป็นแผ่นป้ายที่มีตัวเลขหรือตัวอักษรที่มีหลายขนาดตั้งแต่ตัวใหญ่แล้วลดหลั่นขนาดลงมา ค่อย ๆ มีขนาดที่เล็กลงมาเรื่อย ๆ และจะมีตัวเลขเศษส่วนกำกับในแต่ละแถว โดยเลขเศษนั้น หมายถึง ระยะทางที่คนสายตาผิดปกติสามารถเห็นได้ชัดที่สุด และเลขส่วน หมายถึง ระยะทางที่คนสายตาปกติสามารถเห็นได้ชัดที่สุด

What is the good sight

กล่าวคือ หากวัดระดับ VA ได้ 20 / 50 หรือ 6 / 15 ก็จะหมายถึงว่าหากตัวอักษรขนาดดังกล่าวถูกวางไว้ที่ระยะ 50 ฟุต หรือ 15 เมตร คนสายตาปกติจะอ่านได้ แต่คนที่มีระดับ VA 20 / 50 หรือ 6 / 15 จะอ่านไม่ได้ แต่จะอ่านตัวอักษรขนาดนี้ได้ก็ต่อเมื่อนำตัวอักษรขนาดนี้มาวางไว้ที่ระยะ 20 ฟุต หรือ 6 เมตร

ตารางแสดงตัวเลขเศษส่วนบอกค่าเป็นระยะทาง และค่าเทียบเท่าโดยประมาณ

ทีนี้หลังจากทำการทดสอบความสามารถในการมองเห็น ก็พอจะบอกได้ว่าใครสายตาดีกว่ากัน โดยสามัญสำนึกก็บอกได้แล้วว่าใครสายตาดีกว่า นั่นก็คือใครสามารถอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กกว่าได้ ก็มีสายตาดีกว่า หากสามารถอ่านได้ในระดับหรือแถวเดียวกัน ใครอ่านผิดน้อยกว่า ก็สายตาดีกว่า หากสามารถอ่านได้ถูกหมดในแถวเดียวกัน แต่ไม่ใช่แถวล่างสุด ก็ยังบอกไม่ได้ว่ามีสายตาดี หากเป็นแถวล่างสุด ก็บอกได้ว่าสายตาดีทั้งคู่นั่นแหละ ทั้งนี้ไม่ได้บ่งบอกว่าทั้งคู่นั้นมีสายตาปกติ เพียงแต่บอกได้ว่าทั้งคู่มีสายตาดี เนื่องจากผู้ที่อ่านแถวสุดท้ายได้ ไม่ได้ หมายถึง เห็นคมชัด อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด แต่อ่านได้