โดย แพทย์หญิง อรทัย สุวรรณพิมลกุล จักษุแพทย์
จะกล่าวต่อถึงภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดต้อกระจก
- จอประสาทตาหลุดลอก
- การติดเชื้อในลูกตา
จอประสาทตาหลุดลอก
พบได้ประมาณ 0.5 - 2.0 % โดยมากจะพบในช่วง 6 เดือนแรกหลังผ่าตัดต้อกระจก
ปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดภาวะนี้ ได้แก่
- สายตาสั้นมากที่เกิดจากลูกตามีความยาวกว่าปรกติ คือ มากกว่า 25 มิลลิเมตรขึ้นไป ( โดยทั่วไปควรระมัดระวังในผู้ที่สายตาสั้นประมาณ - 6.00 ขึ้นไป )
- มีบางส่วนของจอประสาทตาบางกว่าปรกติ ( lattice degeneration )
บริเวณลูกศรชี้คือจอประสาทตาที่มีการเสื่อม และบางกว่าปรกติ ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาฉีกขาดได้ หากตรวจพบภาวะนี้แพทย์อาจพิจารณา เลเซอร์เพื่อป้องกันการเกิดจอประสาทตาฉีก
- เคยมีประวัติจอประสาทตาฉีกขาดหรือจอประสาทตาหลุดลอกมาก่อน
- ประวัติคนในครอบครัวมีจอประสาทตาหลุดลอก
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวควรแจ้งแก่แพทย์ และควรมาติดตามการรักษาหลังผ่าตัดต้อกระจก ตามที่แพทย์นัดหมายหากมีความผิดปรกติเกิดขึ้น ก็จะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว
การติดเชื้อในลูกตา Endophthalmitis
การติดเชื้อในลูกตาอาจเกิดแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังก็ได้ซึ่งถ้าอาการเป็นแบบเรื้อรัง มักเกิดจากเชื้อโรคที่ไม่รุนแรงนัก
อาการที่พบ ได้แก่
- ปวดตา เป็นได้ตั้งแต่ปวดน้อยจนถึงปวดรุนแรง
- ตามัว
- เห็นเหมือนเป็นเส้นใยหรือยุงลอยในตา ( floaters )
อาการแสดงที่พบ ได้แก่ ตาแดงเยื่อบุตาบวม มีขี้ตา พบเซลล์อักเสบหรือหนองในช่องหน้าลูกตา กระจกตาบวมน้ำวุ้นตาขุ่น
โดยทั่วไปถ้าการติดเชื้อเป็นอย่างเฉียบพลันมักมีอาการใน 2 - 5 วัน หลังการผ่าตัดซึ่งการได้รับการวินิจฉัย และรักษาอย่างรวดเร็วมีความสำคัญยิ่งต่อการมองเห็นหากได้รับการรักษาช้า โดยเฉพาะในเชื้อโรคบางอย่างที่รุนแรงอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ฉะนั้นผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจก จึงควรอย่างยิ่งที่ต้องมาตรวจติดตามเป็นระยะ ๆ ตามที่แพทย์นัด
กรณีที่การติดเชื้อเป็นเรื้อรังมักจะมีอาการหลังผ่าตัดหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนอาจตรวจพบการอักเสบเพียงเล็กน้อยในลูกตา ซึ่งคงอยู่เป็นเวลานานส่วนใหญ่เชื้อมักจะไม่รุนแรงนัก
การรักษา
การรักษาขึ้นกับความรุนแรงของการติดเชื้อโดยทั่วไปหากการติดเชื้อไม่รุนแรงนัก การมองเห็นยังไม่แย่มากแพทย์จะให้การรักษาด้วยการฉีดยาปฏิชีวนะเข้าไปในลูกตา ร่วมกับการให้ยาหยอดซึ่งผู้ป่วยมักจะต้องอยู่โรงพยาบาล เพื่อติดตามผลการรักษาทุกวันหากการตอบสนองดีอาจมีการฉีดยาซ้ำหรือไม่ แพทย์จะพิจารณาเป็นราย ๆ ไป
กรณีที่การติดเชื้อรุนแรงมากตามัวมากหรือให้การรักษาด้วยการฉีดยาเข้าลูกตาแล้วไม่ได้ผลแพทย์จะทำการผ่าตัดเข้าไปในลูกตาเพื่อตัดน้ำวุ้นตาที่มีการติดเชื้อออกไป
สำหรับระดับสายตาหลังการรักษาภาวะติดเชื้อในลูกตาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อ และระยะเวลาที่วินิจฉัย และให้การรักษายิ่งได้รับการรักษาเร็วหรือเชื้อไม่รุนแรง การพยากรณ์โรคก็จะดีกว่าหากเชื้อรุนแรงมากหรือได้รับการรักษาช้าอาจสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร