โดย แพทย์หญิง อรทัย สุวรรณพิมลกุล จักษุแพทย์
ตาแดงจากการติดเชื้อไวรัสพบได้จากเชื้อหลายชนิด แต่ที่จะกล่าวในบทความนี้จะเป็นอาการตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อว่า adenovirus เนื่องจากเชื้อตัวนี้ทำให้เกิดการระบาดของตาแดงบ่อย และมักพบระบาดเป็นช่วง ๆ นอกจากนี้ตาแดงชนิดนี้ติดต่อกันง่าย รวมถึงในบางคนอาจมีปัญหาที่กระจกตาดำร่วมด้วย เรียกว่า epidemic keratoconjunctivitis ( EKC ) เป็นเหตุให้การมองเห็นลดลงได้
EKC มักจะระบาดในกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชนิดกันในสถานที่ที่ค่อนข้างเป็นที่ปิด เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล แคมป์ ที่ทำงาน เป็นต้น โรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ซึ่งตัวเชื้อจะอยู่ในดวงตา และลำคอของผู้ป่วยได้นานถึง 14 วันนับตั้งแต่มีอาการ
อาการ และอาการแสดง
ผู้ป่วยตาแดงจากเชื้อ adenovirus อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อน เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว น้ำมูกไหล คลื่นไส้ อาเจียน
- มักมีประวัติคนใกล้ชิดเป็นตาแดง
- ผู้ป่วยมักจะติดเชื้อก่อนแสดงอาการ 2 - 14 วัน และเมื่อติดเชื้อแล้วตัวเชื้อจะอยู่นานถึง 14 วันหลังจากมีอาการแสดง
- อาการทางตาที่มักพบ ได้แก่ เคืองตา ตาแดง สู้แสงไม่ได้ รู้สึกเหมือนที่สิ่งแปลกปลอมในตา น้ำตาไหลมาก
- ในรายที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการปวดเบ้าตา หรือตามัวร่วมด้วย
-
โดยทั่วไปอาการจะอยู่นาน 7 - 21 วัน และมากกว่า 50 % ของผู้ป่วยจะมีอาการในตาอีกข้างภายใน 7 วันหลังจากมีตาแดงในตาข้างแรก
ภาพแสดงกระจกตาอักเสบจากเชื้อ adenovirus เห็นเป็นจุดขาวเล็ก ๆ บนกระจกตาดำ
EKC เป็นภาวะที่หายเอง โดยทั่วไปอาการตาแดงจะหายไปใน 1 - 3 สัปดาห์
- อาจมี 20 - 50 % ของผู้ป่วยที่มีกระจกตาอักเสบอยู่ 2 - 3 สัปดาห์ ซึ่งช่วงที่กระจกตาอักเสบมักทำให้เกิดอาการตามัว สู้แสงไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เมื่อหายแล้วกระจกตาจะกลับมาเป็นปรกติ
การรักษา
การรักษาภาวะนี้จะเป็นการรักษาตามอาการ เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสจะหายเองได้ในที่สุด ส่วนใหญ่แพทย์มักแนะนำให้ประคบเย็น สวมแว่นกันแดด และให้น้ำตาเทียม ในรายที่อาการตาแดงเป็นรุนแรง มีตามัวจากกระจกตาอักเสบแพทย์อาจพิจารณาให้ยาหยอดสเตียรอยด์ร่วมด้วย ซึ่งควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
ข้อแนะนำ
เนื่องจากตาแดงชนิดนี้ติดต่อกันง่ายมาก ฉะนั้นผู้ที่ติดเชื้อควรรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ ควรล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการจับต้องบริเวณใบหน้า และตา ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น งดใส่คอนแทคเลนส์ งดการใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น ทำความสะอาดบริเวณที่จับต้องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และควรแยกผู้ป่วย เช่น ควรให้หยุดเรียนหรือหยุดงาน