ต้อกระจก

โดย แพทย์หญิง อรทัย สุวรรณพิมลกุล จักษุแพทย์

ต้อกระจกเป็นภาวะที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นเป็นอันดับแรก ๆ ในโลก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเลนส์ตา เมื่ออายุมากขึ้นต้อกระจกพบได้ในผู้สูงวัยทุกคน หากแต่ละคนไม่จำเป็นต้องมีความรุนแรงที่เป็นเท่ากันที่อายุเดียวกัน แม้ว่าต้อกระจกจะทำให้การมองเห็นแย่ลงจนในบางคนจนอาจเป็นสาเหตุให้ตาบอดได้ แต่หากได้รับการรักษาในระยะแรก ๆ ก็สามารถทำให้การมองเห็นกลับมาเหมือนเดิมได้ ต้อกระจกพบเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 5 - 10 ล้านคนต่อปี และประมาณ 100,000 – 200,000 คน ที่จะตาบอดจากภาวะต้อกระจกที่ไม่ได้รับการรักษาได้ พบได้ถึง 50 % ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 65 - 74 ปี และเพิ่มถึง 70 % ในผู้ที่อายุมากกว่า 75 ปี โดยปรกติเลนส์ตาจะมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่มากขึ้น คือ เลนส์ตามีความหนา แข็งขึ้น การที่เลนส์ตามีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็นเหตุให้กำลังเลนส์ในการมองใกล้เปลี่ยนไป เมื่ออายุมากจึงมองที่ใกล้ไม่ชัด ต่อมาเมื่อเนื้อเลนส์หนามากขึ้น ๆ ก็จะมีความขุ่นมากขึ้นได้ นอกจากนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ชั้นนอกของเนื้อเลนส์ ทำให้เกิดภาวะที่เลนส์ตาขุ่นเรียกว่าต้อกระจก ต้อกระจกมีหลายชนิดแล้วแต่ลักษณะที่ตรวจพบว่ามีการขุ่นของเลนส์ตาในชั้นใด โดยทั่วไปแบ่งได้ 3 ชนิด คือ nuclear cataract : เกิดจากการขุ่นของเลนส์ที่เนื้อเลนส์ตรงกลาง เห็นเลนส์ตามีสีเหลืองมากขึ้นจนอาจเป็นสีน้ำตาลเข้ม ( ต้องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ )

ต้อกระจกต้อกระจกต้อกระจก

รูปแสดง nuclear cataract : ซ้ายมีการขุ่นน้อยเห็นเนื้อเลนส์เป็นสีเหลืองอ่อน กลางมีการขุ่นมากขึ้น และรูปขวามีการขุ่นมากเห็นเลนส์เป็นสีน้ำตาลเข้ม

cortical cataract : เกิดการขุ่นของเนื้อเลนส์ชั้นนอก มักเห็นเป็นสีขาวขุ่นที่เลนส์ ถ้าเป็นมาก ๆ ก็จะเห็นเลนส์ตาเป็นสีขาวขุ่นทั้งอันหรือที่เรียกว่า “ ต้อกระจกสุก ” นั่นเอง

Cortical Cataract ต้อกระจก
รูปแสดง cortical cataract : รูปซ้ายเห็นบางส่วนของเลนส์ตาเป็นสีขาวขุ่นในชั้นนอกของเนื้อเลนส์ รูปขวาเป็นลักษณะที่เป็นมาก ๆ เรียกว่า “ ต้อกระจกสุก ”

posterior subcapsular cataract : เป็นการขุ่นของชั้นเลนส์ที่อยู่รอบนอกสุดใต้เยื่อหุ้มเลนส์

ต้อกระจก
รูปแสดง posterior subcapsular cataract

อาการของภาวะต้อกระจก : อาการที่พบส่วนใหญ่ คือ ตามัวลง โดยทั่วไปมักจะมัวลงแบบช้า ๆ ลักษณะการมัวลงก็จะขึ้นกับชนิดของต้อกระจก

ต้อกระจกแต่ละชนิดดังกล่าวข้างต้นอาจทำให้อาการตามัวแตกต่างกัน ถ้าเป็น nuclear cataract เมื่อเป็นน้อย ๆ มักไม่ค่อยมีอาการ กรณีเป็นมากขึ้นมักทำให้มัวเวลามองไกล แต่การมองใกล้มักจะค่อนข้างดี หากเป็นชนิด posterior subcapsular cataract แม้เป็นเล็กน้อยก็ทำให้ตามัวมากได้ โดยเฉพาะเวลาที่มีแสงสว่าง เนื่องจากตำแหน่งที่เป็นมักจะเป็นตรงกลางตรงกับรูม่านตา

อาการอื่น ๆ ที่พบ เช่น เห็นดวงไฟเป็นแสงกระจายมักเห็นชัดเวลาขับรถกลางคืน , สู้แสงไม่ได้ , เห็นภาพเหมือนภาพซ้อนหรือมีเงา และการแยกความแตกต่างของความมืด - สว่าง เมื่ออยู่ในที่แสงจ้าแย่ลง

Clear View of Virginia Biotechnology Center in Richmond Virginia Nuclear Sclerotic Cataract
ภาพเปรียบเทียบการมองเห็นที่ปรกติ และผู้ที่เป็นต้อกระจกเห็นภาพมัวลงเหมือนที่ฝ้ามาบัง

Normal view of decorated house. Severe glare with cataract.
เปรียบเทียบการมองเห็นที่ปรกติ และผู้ที่เป็นต้อกระจกอาจเห็นดวงไฟเป็นแสงกระจายรอบดวงไฟได้

การรักษา

การรักษาโดยการใช้ยา ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ายาหยอดหรือยากินใด ๆ ที่จะช่วยลดการเกิดภาวะต้อกระจกได้

การรักษาที่ทำให้ภาวะต้อกระจกหายขาดได้ คือ การผ่าตัดเอาเลนส์ออก และใส่เลนส์เทียมเข้าไปทดแทน วิธีการผ่าตัดมีหลายแบบ ขึ้นกับลักษณะและความรุนแรงของต้อกระจกที่เป็น

ปัจจุบันวิธีการผ่าตัดต้อกระจกได้รับการพัฒนาจนมีความก้าวหน้ามาก โดยทั่วไปวิธีที่นิยมมากที่สุด คือ การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวน์ และดูดเอาส่วนของต้อกระจกที่สลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ออก แล้วใส่เลนส์เทียมเข้าไปทดแทน วิธีนี้ทำให้แผลผ่าตัดเล็กมากขนาด 2.2 - 3.0 มิลลิเมตร แผลหายเร็ว อาการเคืองหรือเจ็บตาจากการผ่าตัดน้อย

ต้อกระจก

รูปแสดงการผ่าตัดต้อกระจกแผลเล็ก ซ้ายเป็นเครื่องมือที่ใช้คลื่นอัลตราซาวน์ไปสลายต้อกระจก และดูดชิ้นส่วนของเลนส์ออกมา เหลือเพียงเยื่อหุ้มเลนส์บาง ๆ ไว้สำหรับวางเลนส์ตาเทียม รูปขวาเป็นภาพที่สลายต้อกระจกออกหมดแล้ว และใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปทดแทน

วิธีการผ่าตัดรูปแบบอื่น ซึ่งเป็นการผ่าตัดแผลใหญ่ อาจจำเป็นในกรณีที่ต้อกระจกมีความแข็งมาก ๆ ต้อสุกมากหรือมีเลนส์ตาเคลื่อนจากตำแหน่งปรกติ จะเป็นการผ่าตัดโดยเอาเลนส์ตาออกทั้งชิ้น แผลจะมีขนาดใหญ่กว่าวิธีใช้คลื่นเสียง อาจมีแผลที่หายช้ากว่าหรือเคืองตามากกว่า แต่โดยรวมแล้วการมองเห็นหลังผ่าตัดก็มักจะดี เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาปรับตัวมากกว่าวิธีแรก

ต้อกระจก ต้อกระจก ต้อกระจก

รูปแสดงการผ่าตัดเอาเลนส์ตาออกแบบเปิดแผลใหญ่ รูปกลางหลังผ่าตัดและใส่เลนส์เทียมแล้ว รูปขวาเป็นต้อกระจกที่ผ่าตัดออกจากลูกตาเห็นว่าเลนส์ตามีความขุ่นมากจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม

ข้อแนะนำ

เนื่องจากต้อกระจกเป็นภาวะที่เกิดเมื่ออายุมากขึ้น แนะนำว่าผู้สูงอายุ โดยเฉพาะมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจว่ามีต้อกระจกหรือไม่

ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็น ตามัวลงหรือเห็นแสงกระจายรอบดวงไฟ ควรได้รับการตรวจตาทุกราย ไม่จำเป็นต้องอายุมาก

โดยทั่วไปแพทย์มักพิจารณาผ่าต้อกระจกโดยขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น แม้ต้อกระจกจะเป็นน้อย แต่หากมีผลกระทบต่อผู้ป่วยมาก เช่น มีปัญหาต่อการทำงาน แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัด

บางกรณีแม้การมองเห็นแย่ลงไม่มาก แต่หากต้อกระจกมีความหนาตัวหรือแข็ง แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัด เนื่องจากการผ่าตัดต้อกระจกแผลเล็กในเลนส์ตาที่มีความหนามากหรือแข็งมาก ๆ การผ่าตัดจะยุ่งยากมากขึ้น และอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้มาก

ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย คือ ต้อหิน โดยต้อกระจกที่มีความหนามากหรือต้อกระจกที่สุกมากในผู้ป่วยบางรายอาจนำไปสู่ภาวะต้อหินได้ ซึ่งทำให้มีความดันตาที่สูงและปวดตามากได้ ภาวะนี้ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากความดันตาที่สูงอยู่นานจะทำให้ประสาทตาเสื่อม และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ กรณีนี้แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดต้อกระจกออก

กล่าวโดยสรุปต้อกระจกเป็นภาวะที่พบในคนสูงอายุแทบทุกคน การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดในปัจจุบันมีความก้าวหน้ามาก การรักษาในระยะแรกมักทำได้ง่ายกว่า และภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่า จึงควรพบแพทย์ เมื่อมีอาการหรือแม้ไม่มีอาการแต่ในผู้สูงอายุก็ควรได้รับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?