จากประสบการณ์การทำแว่นโปรเกรสซีฟของปรมาจารย์โบบิ หาคนที่รู้ลึก รู้จริง ได้ยากมาก จนปรมาจารย์โบบิต้องใช้เวลาหลายสิบปี ในการคิดค้นพัฒนาระบบวิเคราะห์การมองเห็น และออกแบบแว่นโปรเกรสซีฟแบบดิจิตอล 3 มิติ ขึ้นมาเอง ให้ใส่สบายสำหรับทุกคน ในทุกระดับราคา นี่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ที่สามารถทำให้เลนส์โปรเกรสซีฟคู่ละ 20,000 บาท ไปจนถึงคู่ละ 2 ล้านบาท ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำให้ลูกค้าอัพเกรดจากเลนส์คู่ละ 20,000 บาท ไปใช้เลนส์ที่แพงกว่า ก็จะรู้สึกได้ทันทีถึงความสบายที่เพิ่มขึ้น เพราะเลนส์ทุกรุ่นออกแบบโดยปรมาจารย์โบบิ ให้ใส่สบายที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับเลนส์ในระดับราคาเดียวกัน ขณะที่ร้านอื่นยังคงมีปัญหาอยู่ เนื่องจากเลนส์แต่ละรุ่น มีพื้นฐานโครงสร้างเลนส์ที่แตกต่างกันมาก เพราะออกแบบโดยทีมงานคนละชุด
ปัจจุบันศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเป็นศูนย์แว่นตาเพียงแห่งเดียวในโลก ที่เป็นศูนย์ที่ทำแว่นตาโปรเกรสซีฟ เฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด คุณภาพสูงสุด ระบบดิจิตอล 3 มิติ เทคโนโลยีล่าสุด สามารถทำให้ลูกค้าทุกคน ใช้เลนส์ทุกคู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป เพิ่มความสามารถในการทำงานของสมองได้อย่างก้าวกระโดด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น สนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ที่ไอซอพติกเราไม่ได้ขายแค่แว่นตา แต่เราขายคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด ด้วยแว่นตาที่ดีที่สุดในโลก ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของไอซอพติก เชิญทำนัดเข้ามาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง มีเลนส์ให้ลองมากกว่า 100 รุ่น
คุณ ณรงค์ฤทธิ์ กาละพุฒ อายุ 57 ปี
ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสนับสนุนโรงพยาบาล
บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด
ผมเริ่มมีปัญหาทางสายตา ตอนอายุเข้าใกล้ 30 ปี ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ ซึ่งจะต้องทำงานตลอดทั้งวัน พอตอนเย็นก็ไปเรียนภาคค่ำต่อ เวลาใช้สายตาดูข้อความบนไวท์บอร์ดเวลากลางคืน ก็จะมีรีเฟคกลับมาเยอะ พอมองเป็นระยะเวลานานจะเริ่มรู้สึกปวดหัว จึงทำให้เรารู้สึกไม่สนุกกับการเรียน หลังจากที่ไปสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ท่าน เลยได้รับคำแนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ ตอนนั้นเองที่ได้แว่นตาใช้เป็นครั้งแรก
หลังจากใช้แว่นตาสายตาสั้น ไปพักหนึ่ง เริ่มรู้สึกมีปัญหาเรื่องสายตายาวเข้ามาเพิ่มด้วย ตอนนั้นอายุราว ๆ 38 - 39 ปี ช่วงนั้นอยู่ต่างประเทศ ก็ได้รับคำแนะนำมาว่าให้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟดู เพราะแว่นตาโปรเกรสซีฟสามารถมองได้ทั้งระยะใกล้ และระยะไกล ซึ่งการเป็นนักธุรกิจนั้น จะมีการพบปะผู้คนอยู่บ่อย ๆ เวลาที่เราใส่แว่นตาที่ไว้มองเฉพาะระยะไกล มาใช้พูดคุยกันในระยะใกล้ ๆ หรืออ่านหนังสือจะมีปัญหา คือ เวลามองจะเหมือนมีอะไรมาบัง เลยทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ
ตอนแรกที่ใช้งานแว่นตาโปรเกรสซีฟรู้สึกปรับตัวยาก ต้องใช้เวลาประมาณอาทิตย์หนึ่งในการปรับตัวให้เข้ากับแว่นตา เพราะเรารู้สึกเหมือนว่าต้องรอให้สายตาปรับระยะการโฟกัสภาพให้ถูกต้อง โดยช่วงแรก ๆ ต้องปรับตัวกับการมองพอสมควร และมีอาการปวดหัวนิดหน่อย อีกทั้งยังไม่สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวันครับ สามารถใช้ได้แค่ตอนทำกิจกรรมทั่ว ๆ ไป อย่างตอนเดิน หรือตอนอ่านหนังสือ แต่ว่าเวลาที่ต้องพบปะผู้คน โดยงานของผมจะต้องพบปะกับผู้เป็นจำนวนมาก และตอนที่พูดคุยกัน จะต้องมองตากันอย่างใกล้ชิด แต่ก็มีบ้างที่เวลามองจะรู้สึกไม่สะดวกเท่าไร ทำให้บางครั้งผมตัดสินใจถอดแว่นตาเวลาพูดคุย
แต่ตอนใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟในช่วงแรก ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์ในการมอง เพราะสามารถมองได้ทั้งระยะใกล้ และระยะไกล แต่จะมีปัญหาเวลามองเอียงตา หรือเวลากรอกตาไปมา จะไม่ค่อยสะดวก ยิ่งตอนเล่นกีฬาจะไม่สามารถใช้ได้เลย อย่างตอนเล่นกอล์ฟ เวลาที่เล็งระยะใกล้ เราจะเห็นภาพอีกอย่างหนึ่ง พอเหวียงตัวไปมองระยะไกลก็จะมองไม่ทัน ทำให้รู้สึกใช้งานไม่ค่อยคล่องตัว บางครั้งต้องไปสอนหนังสือ หรือไปพูดที่สาธารณะ เวลาเหลือบมอง โพลหรืออะไรต่าง ๆ ก็จะมองไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องใช้สายตาเพ็งไปสักพักหนึ่ง แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมาพูด แต่พอเราโฟกัสไปที่ผู้ฟังมาก ๆ แล้วกลับมามองโพล ก็ต้องกลับมาเพ็งสายตาใหม่อีกรอบ เนื่องจากไม่สามารถเหลือบตามองได้เลย ทำให้บางครั้งถึงขนาดไม่ใส่แว่นตา เพื่อให้ไปเล่นกีฬาแล้วไม่ต้องถอดแว่นตาออกบ่อย
หลังจากนั้นผมได้เปลี่ยนมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ตัดโดยศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ซึ่งชัดเจนเลยว่าปัญหาเก่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสปีดในการโฟกัสภาพดีขึ้นเยอะมาก รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่แว่นตา สามารถมองได้อย่างอิสระ ที่เด่นอีกอย่างคือ ผมสังเกตได้เลยว่า จำนวนครั้งในการถอดแว่นตาน้อยลง หรือบางครั้งแทบไม่ถอดเลย และรู้สึกสบายตาขึ้น ซึ่งทางศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเคยบอกว่า หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติ เชื่อว่าจะทำให้อาการเหนื่อยล้าลดลง ซึ่งผมขอยืนยันเลยว่า อาการเหนื่อยล้าลดลงจริง ๆ พอเราไม่เหนื่อย ไม่ว่าจะทำอะไร ๆ มันก็ดีไปหมด มันทำให้รู้สึกสนุก
และแว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก แทบจะไม่ต้องมีการปรับตัวเลย หรือเพราะว่าเราเคยใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟมาก่อน และแว่นตาโปรเกรสซีฟ ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก มีคุณภาพที่ดีมาก เลนส์โปรเกรสซีฟที่ได้มามีความละเอียด สังเกตได้ด้วยความเร็วที่เราจะเปลี่ยนโฟกัส และอิสระในการมองเห็นมีมุมมองที่มากขึ้น อย่างการใช้แว่นตาไปเรียนตอนกลางคืน ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาเลย ไม่ว่าจะเป็น เวลามองไวท์บอร์ดไกล ๆ หรือเวลาเหลือบมองตอนที่จะเดินข้ามถนน รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรมาบังสายตา ทำให้สะดวกสบายขึ้นมาก แถมยังเกือบจะสามารถใส่ได้ตลอดทั้งวัน ต้องเรียนตามตรงว่า ดีสุดของการพักผ่อนสายตาคือไม่ต้องใส่อะไรเลย ในเวลาที่ต้องการพักผ่อนสายตาจริง ๆ แต่ว่า แว่นตาโปรเกรสซีฟที่ได้รับมา จากศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ช่วยได้มากจริง ๆ เพราะว่าบางวันไม่ได้ถอดแว่นตาออกเลย ตั้งแต่เช้าถึงเย็น และยังสามารถลดอาการฝืนเกร็งต้นคอได้จริง เพราะเราไม่รู้สึกเลยว่า ต้องกดตัวลง หรือประคองคอไว้ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถใช้สายตาได้อย่างสบาย ๆ บางครั้งดูไอแพต หรืออ่านหนังสือ คล่องตัวขึ้น
ส่วนถ้าพูดถึงการตรวจวัดสายตาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก พบว่ามีความแตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน ข้อแรกคือ นักทัศนมาตรที่มาตรวจวัดสายตา ผมสัมผัสได้เลยเป็นมืออาชีพจริง ๆ รู้ในสิ่งที่ต้องตรวจวัด และมีความตั้งใจโฟกัสในรายละเอียดที่ทำ อีกทั้งเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจวัดสายตามีความละเอียดมาก และมีหลายแบบ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดให้ภาวะของการใช้สายตาของลูกค้าใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตจริงมากที่สุด ซึ่งทำให้ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะส่วนมากแค่ให้ตรวจวัดสายตากับเครื่อง แล้วตรวจวัดว่าสายตาสั้น หรือยาวแค่ไหน เท่านั้นเอง แต่ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจะพยายามสังเกตการใช้ชีวิตของเรา ว่ามีลักษณะการใช้ชีวิตเป็นอย่างไร และการใช้งานแว่นตาของเราที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร นี้เลยเป็นจุดที่ทำให้ผมรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจน
และต้องบอกว่า ตั้งแต่เดินเข้ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกครั้งแรก รู้เลยว่าที่นี่เกินกว่าร้านแว่นตาทั่ว ๆ ไป พนักงานมีการต้อนรับที่อบอุ่นมาก แล้วทุกคนดูเป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง พนักงานแต่ละคนรู้หน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน คือ หลังจากผ่านประตูร้านเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว จะมีพนักงานเดินเข้ามาต้อนรับเรา และสอบถามเรื่องที่ต้องการให้บริการ และในช่วงของการที่ตัดแว่นตา ผมรู้สึกประทับใจมาก ไม่คิดมาก่อนว่าการตัดแว่นตาจะต้องใช้มืออาชีพขนาดนี้ และได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตแว่นตาชั้นดี คือ จะต้องมีความละเอียดอ่อน และลงลึกในรายละเอียดการวิเคราะห์ว่า ลูกค้ามีภาวะทางด้านสายตาอย่างไร จึงทำให้เรารู้สึกว่า ศูนย์แว่น
ตาไอซอพติกเป็นองค์กรที่พยายามเข้าใจลูกค้าจริง ๆ แล้วศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกไม่ได้เพียงแค่จะขายแว่นตา แต่ตั้งใจที่จะช่วยให้ลูกค้าของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมสัมผัสได้