ผมอยากจะเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ร่ำรวย นี่เป็นเหตุว่าทำไมแว่นตาของไอซอพติก ผมจึงตั้งเป้าออกแบบมาให้เป็นแว่นที่ใส่แล้วประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น ใส่แล้วร่ำรวย ใส่แล้วมีความสุข ใส่แล้วมีพลัง เป็นแว่นเพิ่มพลังสมองได้อย่างก้าวกระโดด เพื่อให้เราสนุกสนานกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด หรือไม่มีข้อจำกัดเลย นี่คือเป้าหมายในการพัฒนา เป้าหมายในการสร้างแว่นตาอัลตราโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ดังนั้นคนที่ต้องการติดอาวุธทางปัญญา คนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เราสามารถที่จะเข้ามาทดสอบแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก และให้เราสร้างแว่นกับท่าน ท่านไม่มีความเสี่ยงเนื่องจากเรารับประกันความพึงพอใจ 180 วัน อย่างไม่มีเงื่อนไข ภายใน 180 วัน ถ้าไม่ชอบเราคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับค่าเลนส์ เรารับคืนเฉพาะเลนส์แว่นตาเท่านั้น
ผมโตมาในครอบครัวที่มีธุรกิจทำแว่นตาระดับท็อปเอนด์ในยุคนั้น ตั้งแต่จำความได้ภาพที่เห็นทุกวันเลยคือ เห็นคุณพ่อกับทีมงานในร้าน แล้วก็มีลูกค้าเต็มร้านทั้งวัน ต้องวุ่นกันทั้งวันตั้งแต่ตอนเช้าถึงตอนค่ำ ที่สำคัญคือ ร้านสว่างการแว่นของคุณพ่อขายดีที่สุดในยุคนั้นทั้งๆ ที่ขายแพงที่สุด โดยราคาของตัวเลนส์แว่นตาจะแพงกว่าร้านอื่นประมาณ 10 เท่า เพราะใช้เลนส์คุณภาพสูงของเยอรมนี ส่วนกรอบแว่นตาก็ใช้ทองคำแท้ซึ่งก็แพงกว่าร้านอื่นประมาณ 10 เท่า
ซึ่งนโยบายของผมที่รับสืบทอดมาจากคุณพ่อคือ รับประกันความพึงพอใจอย่างไม่มีเงื่อนไข และคุณพ่อเป็นคนริเริ่มการตรวจวัดสายตาเอียงเทคโนโลยีใหม่ การวัดตาเขซ่อนเร้น การวัดสายตายาวระยะใกล้ด้วยวิธีใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณพ่อเป็นคนสร้างการทำแว่นระบบ 3 มิติ ที่คำนึงถึงตำแหน่งของแว่นตาแบบ 3 มิติ บนใบหน้าผู้ใช้แต่ละคน และสามารถที่จะควบคุม ปรับแต่งกรอบแว่นให้อยู่ในตำแหน่งที่เห็นชัด และสบายตา
แว่นเฉพาะบุคคลมีความเป็นมาอย่างยาวนาน โดยตระกูลผมเราทำแว่นเฉพาะบุคคลมา 50 กว่าปีแล้ว ขณะที่ร้านแว่นส่วนใหญ่เพิ่งมาเริ่มประมาณ 3 ปี ( ปัจจุบัน ค.ศ. 2019 ) ดังนั้นความรู้ที่เรามี ที่เราทำแว่นตาบุคคลมา 50 กว่าปี ที่สืบทอดจากคุณพ่อมา และนำมาพัฒนาต่อ โดยร่วมมือกับทางบริษัทผู้ผลิตเลนส์ทั่วโลก พัฒนาต่อขึ้นมาเป็นแบบดิจิตอล 3 มิติ จนถึงโปรเกรสซีฟ ดังนั้นเราทิ้งห่างจากมาตรฐานร้านแว่นทั่วไปหลายสิบปี เทคโนโลยีการทำแว่นเฉพาะบุคคลไม่สามารถที่จะพัฒนาให้มีความชำนาญ ความถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ในระยะเวลาไม่กี่ปีได้ มีคนพยายามจะทำแต่ก็ประสบความล้มเหลว
ประสิทธิภาพภาพของแว่นตาเฉพาะบุคคลที่เป็นเลนส์สมรรถนะสูง ในเลนส์ระดับนี้ถ้าการตรวจวัด ประกอบ ผลิตไม่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ประสิทธิภาพของเลนส์ลดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากถูกสร้าง ถูกประกอบโดยคนที่ไม่รู้จริง เทคโนโลยีไม่พอ เครื่องมือไม่ทันสมัย ปัจจุบันเราไม่มีเครื่องมือตรวจวัดสายตาประกอบแว่นใดๆ เลยที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ
มาตรฐานของไอซอพติก สิ่งหนึ่งที่เราตรวจพบอยู่ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ เราตรวจพบความคลาดเคลื่อนในระดับสูงของเครื่องมือเหล่านี้บ่อยมาก โดยส่วนตัวผมไม่เคยเชื่อเครื่องมือเหล่านี้ เราใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อการทดสอบ ใช้เพื่อการตรวจสอบหาความเสถียรของเครื่อง จากการทดสอบยังไม่พบว่าเครื่องใดเครื่องหนึ่งมีความเสถียรพอที่จะยอมรับได้ เพราะจากการตรวจจับของผมมีหลายกรณีที่ตัวเครื่องคาดเคลื่อนในระดับที่ไม่สามารถยอมรับได้เลย ซึ่งถ้าเอาข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้ในการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นตาสมรรถนะสูงที่เป็นเลนส์ระดับ 50,000-100,000 บาท ถึงกับใช้งานไม่ได้เลย เพราะมันคาดเคลื่อนมหาศาล
ผมได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำแว่นแบบ 3 มิติ จากคุณพ่อ และเอามาพัฒนาต่อยอด ซึ่งเป็นรากฐานของการสร้างแว่น 3 มิติ แบบดิจิตอล เทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้แว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 100% และพัฒนาต่อได้อย่างไม่รู้สิ้นสุด ในการพัฒนาเป็นแว่นซุปเปอร์โปรเกรสซีฟ แว่นโปรเกรสซีฟ และรุ่นล่าสุด Ultra X ซึ่งเป็นแว่นที่ฉีกกฎด้านการมองเห็นทุกอย่าง
Ultra X เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุด ต้องการทะลุทะลวงทุกขีดจํากัดการทำงานของสมอง เป็นคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ต้องการที่จะให้สมองทำงานได้เต็มสมรรถนะ ต้องการจัดการกับงานจำนวนมากให้เสร็จในเวลาอันรวดเร็ว เป็นแว่นสำหรับคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่มีข้อจำกัดของอายุอีกต่อไป เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟสามารถที่จะทำให้คนในวัย 90 ปี ทำงานได้อย่างที่อยากจะทำ ได้มากเท่าที่ต้องการ แม้กระทั่งการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมงติดต่อกัน ขณะที่คนอายุ 50 ปี ที่ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่ ราคาแพง ที่ไม่ใช่ของไอซอพติก เขาก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นคนที่ใช้เลนส์ราคาแพง เทคโนโลยีอื่น เวลาเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ เขาจะต้องเปลี่ยนไปใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่เป็นโปรเกรสซีฟคอมพิวเตอร์แทน ซึ่งดูได้แค่ใกล้ๆ เวลาดูไกลก็จะมัว ต้องถอดแว่นเข้าถอดแว่นออก
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่ใช้แว่นโปรเกรสซีฟทุกระยะ ขณะที่แว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก สามารถทำได้ทุกกิจกรรม ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันวันละหลายชั่วโมง อ่านหนังสือ อ่านเอกสาร ประชุม ใช้แท็บเล็ต ใช้สมาร์ทโฟน เคลื่อนไหว ขับรถ ตีกอล์ฟ ทุกอย่างจบในแว่นเพียงอันเดียว ไม่มีการถอดแว่นไปมา
การได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีแว่น 3 มิติ จากคุณพ่อ และการพัฒนาต่อยอดร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเลนส์ในต่างประเทศ การไปประชุมหารือกับการผลิตเลนส์ของบริษัทต่างๆ ทำให้ไอซอพติกสามารถที่จะสร้างเลนส์อย่างที่ไม่เคยมีใครสร้างได้ ทำไมคนถึงเดินทางมาที่ไอซอพติกเพื่อที่จะทำแว่นโปรเกรสซีฟ เพราะมาแล้วมันคุ้ม ชีวิตมันเปลี่ยน คุ้มค่าเวลา คุ้มค่าเงิน มาแล้วเขาได้พลังแห่งวัยหนุ่มสาวของเขากลับคืนมาใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ต้องมาทนเวียน หัวปวดหัว
ผมทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตเลนส์เทคโนโลยีสูงสุดจากทั่วโลก และค้นคว้า วิจัย พัฒนาตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ( ปัจจุบัน ค.ศ. 2019 ) เพื่อพัฒนาเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์ ลดข้อจำกัดในการใช้งาน สร้างแว่นตาที่ใส่สบายเหมือนกับไม่ได้ใส่แว่น ใส่แล้วเหมือนกับแว่นเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกาย รู้สึกสบายที่สุด เป็นธรรมชาติที่สุด ให้ภาพคมชัดสมจริงที่สุดด้วยระบบรวมแสงอัจฉริยะ นี่เป็นเทคโนโลยีที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกพัฒนาร่วมกันกับบริษัทผู้ผลิต และเราไม่เคยหยุดยั้ง เราจะพัฒนาต่อ
หลายคนถามว่า ทำไมศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจึงไม่จำหน่ายเลนส์ที่ผลิตทั่วไปจากบริษัทต่างๆ
ไอซอพติกไม่ได้จำหน่ายแว่นตาเทคโนโลยีอื่น ที่ผู้ใช้ต้องปรับตัวเข้าหาแว่น ซึ่งเลนส์ที่จำหน่ายทั่วไปเป็นเลนส์ที่ผู้ใช้ต้องปรับตัวเข้าหาแว่น เนื่องจากตัวเลนส์ถูกผลิตขึ้นมาให้สะดวกต่อผู้ผลิต และง่ายต่อคนทำแว่น ง่ายต่อร้านแว่น แต่ลำบากผู้ใช้ เลนส์แบบนี้ไอซอพติกไม่ได้จำหน่าย ถ้าต้องการเลนส์แบบนี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านแว่นทั่วไป เป็นระบบที่ผู้ใช้ต้องฝืนปรับตัวเข้าหาแว่น เป็นระบบที่ผู้ใช้ต้องใช้สมองฝืนเพ่ง ปรับตัวเข้าหาแว่นอยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพการทำงานของสมองจึงลดลงอย่างรวดเร็ว เหนื่อยล้า และไม่สบายตา
ไอซอพติกเราทำในสิ่งที่ตรงกับข้าม เราสร้างแว่นตาเฉพาะบุคคล แว่นที่ปรับทุกอย่างเข้าหาตัวผู้ใช้แต่ละคน สร้างแว่นเข้าหาผู้ใช้แต่ละคนตามพฤติกรรมการใช้สายตาที่แตกต่างกันบนตำแหน่งกรอบแว่นบนใบหน้าอย่างแท้จริง เพื่อจะให้ได้แว่นที่ผู้ใช้ไม่ต้องปรับตัวเข้าหาแว่น ใส่แล้วใช้ได้เลย และสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีแว่นมาเป็นอุปสรรค ใส่แว่นแล้วลืมไปเลยว่าใส่แว่นอยู่ นี่คือเป้าหมาย และมาตรฐานของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
หลังจากผมได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการทำแว่นโปรเกรสซีฟระดับสูงสุดแล้ว ผมก็ได้รับเชิญให้ไปสอนวิชาการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟขั้นสูงที่เป็นระดับท็อปเอนด์ กับ ไฮเอนด์ ให้กับหลายบริษัท ตอนแรกผมค่อนข้างประหลาดใจที่ว่า ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสายตาในทุกสาขาอาชีพส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ เรื่องของแว่นตาโปรเกรสซีฟมาก ผมสอนในสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมา ใช้องค์ความรู้ที่ผมเป็นคนคิดขึ้นมา แล้วก็ถ่ายทอดออกไป ปรากฏว่าผู้เรียนในทุกประเทศ ในทุกชั้น เขาประหลาดใจ
ดังนั้นงานถนัดของผมคือ อธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย อธิบายเรื่องที่เข้าใจไม่ได้ให้เข้าใจง่าย ทำให้ผู้เรียนสามารถที่จะประสบความสำเร็จในการทำแว่นโปรเกรสซีฟได้มากขึ้นดีขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า ด้วยการเรียนกับผมแค่วันเดียว
หลังจากผมสอนวิชาแว่นตาโปรเกรสซีฟในหลายประเทศแล้ว ผมก็ร่วมกับภรรยา และกลุ่มลูกศิษย์ เปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกขึ้นมา เพื่อเป็นศูนย์แว่นตาที่สร้างแว่นที่ดีที่สุดในโลกในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่เราเปิดศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกมา เราได้สร้างมิติใหม่ของการทำแว่นให้กับโลก และเราจะไม่หยุดยั้งจนกว่าเราจะสามารถสร้างแว่นตาที่เพิ่มขีดความสามารถการทำงานของสมองได้เพิ่มขึ้นทุกปี ดีขึ้นทุกวัน
ที่สำคัญเรื่องกรอบแว่น ไอซอพติกประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบการทำแว่นเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด เป็นกรอบแว่นเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด ซึ่งไม่ได้มีจำหน่ายทั่วไป สามารถที่จะสั่งละเอียดกว่าเดิมถึง 1,000 เท่า ดังนั้นทุกคนก็จะมียูนิคเลยว่า แว่นรุ่นนี้ ขนาดนี้ ของตัวเองมีอันเดียวในโลก ที่สำคัญสามารถเลือกสี เลือกรูปทรง เนื้อวัสดุได้อย่างอิสระ เป็นความภูมิใจของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก