เป็นศูนย์ที่พัฒนาคุณภาพการมองเห็นของมนุษย์ตั้งแต่ลืมตามองโลกครั้งแรกจนถึงวินาทีที่มองโลกครั้งสุดท้าย แล้วทำไมเราถึงต้องสร้างศูนย์พัฒนาคุณภาพการมองเห็น เพราะเราเชื่อว่าคุณภาพการมองเห็นคือคุณภาพของชีวิต เราเชื่อว่าถ้าเราพัฒนาคุณภาพการมองเห็นให้ดีขึ้นได้ คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นในการใส่ใจดูแล ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเราไม่ได้มีแค่ปรมาจารย์โบบิซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นโปรเกรสซีฟ แต่เรามีทีมหมอสายตา ทีมช่างแว่นมืออาชีพ ทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เฉพาะสาขา เพื่อจะคอยดูแลลูกค้าของไอซอพติกทุกคนให้มีคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุด แล้วก็รักษาคุณภาพการมองเห็นที่ดีที่สุดเอาไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งเราเป็นที่แรกที่ทำแบบนี้ และปัจจุบันยังคงเป็นที่เดียวที่ทำแบบนี้
ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่ไอซอพติกดำเนินการมา เราได้ร่วมมือกับจักษุแพทย์ในแต่ละโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลศิริราช หรือ โรงพยาบาลจุฬา โรงพยาบาลรามา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ ในการมอบคุณภาพของการดูแลสุขภาพสายตาในระดับสูงสุดให้กับลูกค้าแต่ละคน ดังนั้นลูกค้าแต่ละคนจะได้รับการตรวจประเมินเบื้องต้น โดยทีมงานจักษุแพทย์ผู้เขี่ยวชาญประจำศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก และถ้าตรวจพบความผิดปกติ จะมีการส่งต่อไปให้กับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา ในแต่ละโรงพยาบาล
ซึ่งแต่ละโรงพยาบาลก็จะมีความถนัด ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา แต่ละโรค แต่ละอาการ จะไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น โรครูม่านตาอักเสบ โรครูม่านตาอักเสบเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพียงไม่กี่ท่าน ณ ปัจจุบัน ที่มีความเข้าใจทางด้านนี้จริงๆ ไอซอพติกสามารถที่จะประสานแล้วส่งต่อไปที่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อที่จะให้ไปพบกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละโรงพยาบาลตามวัน และเวลาที่ลูกค้าของเราสะดวก และคุณหมอสะดวก ทางโรงพยาบาลสะดวก
ตลอดเวลา 13 ปี ไอซอพติกได้ทำการพัฒนาคุณภาพการมองเห็น รักษาคุณภาพการมองเห็น ช่วยเหลือลูกค้าของเราที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพสายตา ในกลุ่มคนที่กำลังจะสูญเสียการมองเห็น ให้ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที และมีหลายกรณีที่เมื่อเราตรวจพบว่าเราไม่สามารถที่จะกอบกู้ รักษาตาข้างที่สูญเสียการมองเห็นไปแล้ว ให้กลับมาดีขึ้นได้ สิ่งที่เราทำ เราทำมากกว่านั้นคือ การพุ่งเป้าไปที่การเฝ้าระวัง ป้องกัน ดูแลอย่างใกล้ชิดกับดวงตาข้างที่ยังเหลืออยู่ เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด
ต้องเข้าใจว่าสำหรับคนที่มีดวงตาสองข้าง ความผิดปกติใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นกับตาข้างใดข้างหนึ่ง เรายังเหลือตาอีกข้างหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครอยากจะให้ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเสียหาย หรือ เสื่อมสภาพ หรือ บกพร่อง แต่ในกลุ่มที่สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในตาข้างหนึ่ง แล้วเขาเหลือตาที่ใช้การได้เพียงแค่ข้างเดียว ในกลุ่มนี้ไอซอพติกจะเพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มความใส่ใจในการดูแลดวงตาข้างเดียวที่เหลืออยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะเราเข้าใจเรื่องของคุณภาพการมองเห็นว่ามีความสำคัญกับชีวิต
ตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากคุณยายซึ่งสูญเสียการมองเห็น เพราะว่าจอประสาทตาเสื่อมเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ในยุคนั้นไม่ได้เหมือนปัจจุบัน แล้วกว่าจะตรวจพบก็สูญเสียการมองเห็นไปมากแล้ว ทำให้ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผิดกับในยุคสมัยปัจจุบันที่เรามีวิวัฒนาการ และมีการพัฒนาความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้สามารถที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการจอประสาทตาเสื่อมในระยะเริ่มแรก ซึ่งในปัจจุบันมียา มีวิธีเทคนิคการรักษาที่ได้ผลในระดับหนึ่ง
ต่อมาเป็นคุณแม่ผม ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งคุณแม่ผมเริ่มต้นจากอาการมองกลางคืนไม่เห็น ดังนั้นผมฝากไว้ตรงนี้นะครับ อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถ้าใครก็แล้วแต่ในบ้านที่มีอาการมองเห็นตอนกลางคืนได้ด้อยกว่ากลางวันมาก มีปัญหาเรื่องการมองในสภาวะแสงน้อย หรือ แสงสว่างไม่เพียงพอ สำหรับกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องตาบอดกลางคืน มีปัญหาเรื่องจอประสาทตาเสื่อม เรื่องเซลล์รับภาพเสื่อม เขาจะมีอาการคือ เมื่อแสงสว่างน้อยกว่าปกติการมองจะแย่ลงมาก และจะค่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ ขณะที่การมองกลางวันค่อนข้างคงที่ หรือลดลงแค่เล็กน้อย แต่การมองกลางคืนจะลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
ในความเห็นส่วนตัวของผม จากการได้คุยกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจอประสาทตาเสื่อม พอจะบอกได้ว่าในกรณีที่มีอาการจอประสาทตาเสื่อม ตาบอดกลางคืน ในกลุ่มนี้ก็มีโอกาสที่จะได้รับการสืบทอดทางพันธุกรรม ควรจะไปตรวจถึงแม้ไม่มีอาการ ส่วนตัวผมเองปีนี้อายุ 53 ปี ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไร แต่จะมีการตรวจทุกๆ 6 เดือน โดยทีมงานจักษุแพทย์ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
นี่คือตัวอย่างของการใส่ใจดูแลเรื่องของสุขภาพสายตา แล้วในกลุ่มของคนที่มีสายตาสั้นมากๆ ก็ควรจะตรวจเรื่องของจอประสาทตาว่า มีโอกาสที่จอประสาทตาจะบางกว่าคนปกติ แล้วมีโอกาสที่จะหลุดลอก หรือฉีกขาดได้ง่าย ถ้าตรวจพบว่ามีความเสี่ยง หรือมีการหลุดลอก จักษุแพทย์ก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงที
ลูกค้าของไอซอพติกจะได้รับการตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่เราเรียกว่า Doctor of Optometry แล้วก็จะได้รับการตรวจโดยจักษุแพทย์ทุกปี จะมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด มีการตรวจเรื่องของความสามารถในการมองเห็น เมื่อเราตรวจพบว่าความสามารถในการมองเห็นของลูกค้าลดลงถึงแม้ว่าได้ปรับแต่งกำลังเลนส์ จนกำลังเลนส์ถูกต้อง เที่ยงตรงที่สุดแล้ว เป็นค่าสายตาล่าสุดแล้ว แต่ว่าการมองเห็นแย่ลงกว่าเดิม สำหรับไอซอพติกนี่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องพบจักษุแพทย์ และจะต้องหาสาเหตุให้พบว่า ทำไมความสามารถในการมองเห็นเมื่อแก้ไขด้วยแว่นแล้วจึงลดลง นี่คือความแตกต่างของมาตรฐานการทำงาน
ที่ไอซอพติกประวัติลูกค้าหลายท่านจะมีความหนามากกว่าแก้วใบนี้ ในการตรวจแต่ละครั้งการตรวจของไอซอพติก เราตรวจละเอียดที่สุด และมีการบันทึกผลที่ละเอียดที่สุด ซึ่งรายละเอียดการวิเคราะห์ทั้งหมดจะถูกเก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อลูกค้ามีความต้องการจะต้องใช้ประวัติ หรือ มีความต้องการจะทำแว่นเพิ่ม ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกสามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมา แล้วก็สร้างแว่นตาที่ดีที่สุด ให้คุณภาพการมองเห็นที่ชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที ให้กับลูกค้าของเราซึ่งอยู่ทั่วโลก
หลายคนคงยังไม่ทราบว่าลูกค้าของไอซอพติกมาจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยชื่อเสียงของไอซอพติกที่ว่า สามารถทำแว่นโปรเกรสซีฟออกมาใส่สบายที่สุดในโลก ใครที่ใส่แว่นโปรเกรสซีฟแล้วใส่ไม่ได้มาที่ไอซอพติกใส่ได้ มีคนจำนวนมากทำแว่นตามาแล้วใส่ไม่ได้ ใส่ไม่สบาย ใส่แล้วไม่เป็นธรรมชาติ ใส่แล้วต้องฝืน ต้องเกร็งต้นคอดูคอมพิวเตอร์ ต้องเปลี่ยนแว่นตลอดเวลา ต้องมีแว่น 2 - 3 อัน แต่ที่ไอซอพติกอันเดียวจบ นี่เป็นเหตุว่าทำไมคนถึงมาที่ไอซอพติก
ที่ไอซอพติก เราสามารถทำแว่นให้ลูกค้าแต่ละคนใส่แว่น 1 อัน แล้วสามารถที่จะสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ทำงานได้อย่างเต็มที่ ดู PC ดู Laptop ดูเอกสาร ตีกอล์ฟ ขับรถ เต้นแอโรบิค เข้าฟิตเนส ตีเทนนิส ด้วยแว่นเพียงอันเดียว ซึ่งเป็นชีวิตที่สะดวกสบาย ลูกค้าของไอซอพติกส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาในการที่จะต้องซื้อแว่นมากกว่า 1 อัน เพียงแต่ว่าลูกค้าของไอซอพติกเขาไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแว่นไปมา ขณะที่การทำแว่นโปรเกรสซีฟทั่วโลกต้องเปลี่ยนแว่นไปมา แต่ที่ไอซอพติก เราสามารถที่จะบริหารจัดการให้งบ 100,000 บาท สามารถทำแว่นที่ใส่แล้วไม่ต้องถอดเข้าถอดออก สนุกสนานกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
ลูกค้าที่ซื้อแว่นราคาหลักแสนของไอซอพติก หลังจากใช้ไป 1 ถึง 3 เดือน ก็จะมาสั่งเพิ่ม แต่เอาเหมือนเดิมเพียงแต่เอาเป็นเลนส์เปลี่ยนสี หรืออาจจะเอาเป็นกันแดด หรืออาจจะเอาเป็นแว่นโค้ง หรือทำเป็นสำรองเผื่อแว่นแตกหักเสียหาย
ความลับอย่างหนึ่งของคุณภาพแว่นตาโปรเกรสซีฟไอซอพติกคือ เมื่อลูกค้าได้ใช้แว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก สมองจะพัฒนาการทำงานได้อย่างก้าวกระโดด ทำงานได้มากขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง แล้วมันจะสบายสุดๆ เมื่อสมองสบายจนเคยตัว พอหยิบแว่นเก่ามาใส่จะรู้สึกปวดหัวทันที และไม่สามารถใส่ได้ ทั้งที่ก่อนจะเข้ามาที่ไอซอพติกเขาก็ใช้แว่นอันนั้นมาตลอด นี่คือความแตกต่าง เป็นคำยืนยันเรื่องของคุณภาพแว่นตาไอซอพติกว่าไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ แว่นโปรเกรสซีฟมีจำหน่ายเฉพาะที่ไอซอพติกเท่านั้น และของแท้ต้องออกแบบโดย ปรมาจารย์โบบิ และการประกอบทุกอย่างจะต้องควบคุมโดย ปรมาจารย์โบบิเท่านั้น
ในแต่ละปีมีลูกค้าจำนวนมากที่เสียเงินกับเลนส์คู่ละแสนจำนวนหลายคู่ที่ซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้ ใส่ไม่สบาย ใส่แว่นแล้วไม่มีความสุข แต่ที่ไอซอพติกเราสร้างแว่นแห่งความสุข ใส่แล้วมีความสุข ถ้ามาทำแว่นตากับไอซอพติกใส่แล้วไม่มีความสุข ทางเรายินดีทำให้ใหม่จนกว่าจะมีความสุข หรือถ้าเกิดเราไม่อยากจะรอหรือไม่อยากจะทำใหม่ สามารถทำเรื่องรับเงินคืนได้ 100% ภายใน 180 วัน ( เฉพาะเลนส์เท่านั้น )
ดังนั้นการลงทุนกับแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก จึงไม่มีความเสี่ยงเลยในส่วนของเลนส์ เพราะเราสามารถที่จะคืนได้ถ้าหากไม่ชอบ ไอซอพติกกล้ารับประกันว่าเลนส์โปรเกรสซีฟของเราใส่แล้วมีความสุข มีพลังสมองเพิ่มขึ้น ใส่สบาย เป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ใส่แว่น ทำงานได้เร็วขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง สนุกสนานกับการใช้ชีวิตมากขึ้น เป็นแว่นแห่งความสุข ใส่แล้วมีความสุข เรารับประกันความพึงพอใจ รับประกันความสุข รับประกันความร่ำรวย
ลูกค้าหลายท่านบอกเราว่า แว่นของเราใส่แล้วเหมือนปาฏิหาริย์คือ ใส่แล้วเห็นภาพชัด สบายอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน และนี่คือเป้าหมายของไอซอพติก ไอซอพติกไม่ได้ขายแค่แว่นตา เราไม่ได้ขายแค่เลนส์แว่นตา แต่เราขายคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที เราขายความสุขแห่งการมองเห็น
เป็นเรื่องธรรมดามากที่ลูกค้าไอซอพติกมารับแว่น เมื่อหยิบแว่นขึ้นใส่ แล้วลืมตาขึ้นมา พอเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นระยะไกล ระยะกลาง ระยะใกล้ ผมเห็นรอยยิ้มแห่งความสุข เขามีรอยยิ้มแห่งความสุข และนี่คือปรัชญาในการทำงานของไอซอพติก