เราไม่ได้ขายแค่แว่นตา แต่เราขายคุณภาพการมองเห็นชัดทุกระยะในระดับสูงสุด และขายบริการที่จะรักษาคุณภาพการมองเห็นในระดับสูงสุดเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีในปัจจุบันจะเป็นไปได้
อย่างแรกเลย เวลาที่เราเข้ามาที่ไอซอพติก เราจะได้รับการดูแลเรื่องของสายตาในระดับสูงสุด ที่ไอซอพติกระบบการตรวจวัด วิเคราะห์พฤติกรรม เครื่องมือที่ใช้ ความรู้ ความชำนาญที่มี ความใส่ใจในการให้บริการในแต่ละขั้นตอน บุคลากร ซึ่งจะพรั่งพร้อมไปด้วยทีมงานมืออาชีพ ทีมงานทางด้านสายตา ทีมงานจักษุแพทย์ ทีมช่างแว่นมืออาชีพ และปรมาจารย์โบบิ ผู้เชี่ยวชาญด้านแว่นตาโปรเกรสซีฟ ทั้งทีมจะดูแลท่าน ซึ่งในการดูแล เราดูแลตั้งแต่ขั้นตอนของการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สายตาอย่างละเอียดที่สุด ทำการตรวจสอบเซ็นเตอร์ของดวงตา ในเรื่องของการตรวจเซ็นเตอร์ตา ส่วนใหญ่ยังเข้าใจกันผิด ๆ ซึ่งมักจะตรวจกันค่าเดียวคือ เป็นค่าที่เราเรียกว่า PD ไกล และเป็นการตรวจที่ค่าไกลสุดคือ ค่าอนันต์ แล้วเอาค่าตัวนี้มาทำแว่นทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ยังเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่มาก ปกติเราจะไม่ได้ใช้ค่าที่เราเรียกว่า Reflex PD เนื่องจากค่า Reflex PD มีความคลาดเคลื่อนมาก แต่เราจะต้องใช้ค่าของกึ่งกลางรูม่านตา แต่ปกติที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเราจะทำการตรวจวัดทั้ง 2 ค่า แล้วเอาทั้งสองค่ามาคำนวณ สำหรับกรณีของคนที่มี Reflex PD กับมีจุดกึ่งกลางรูม่านตาที่แตกต่างกันมากเกินไป จะต้องให้จักษุแพทย์ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุอย่างละเอียดว่า ทำใหม่จึงต่างกันมาก เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติ เรื่องของการมองเห็น เรื่องของสุขภาพสายตา หลังจากเขาได้ค่า PD ที่แม่นยำ ถูกต้อง เที่ยงตรงแล้ว เราจึงเข้าไปสู่กระบวนการของการวิเคราะห์ทางเดินของแสง ซึ่งในการวิเคราะห์ทางเดินของแสงเเราจะมีการวิเคราะห์เรื่องของผิวกระจกตา แล้วทำการวิเคราะห์เรื่องของรายละเอียดของอวัยวะในลูกตาแต่ละส่วน เพื่อดูว่าทางเดินของแสงสมบูรณ์หรือไม่ มีการบิดเบือนของแสงที่ผิดปกติหรือไม่ มีการฟุ้งกระจายของแสงที่ไม่ปกติหรือไม่ เพื่อจะหาข้อมูลที่ละเอียดที่สุดที่จะสร้างแว่นตาที่มีจุดรวมแสงที่ใกล้จุดโฟเวียร์มากที่สุด หรือตกบนโฟเวียร์พอดี
โฟเวียร์ เป็นจุดรวมแสง จุดรับภาพที่ชัดที่สุดบนจอประสาทตา หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของจอประสาทตาว่า จอประสาทตาทำหน้าที่รับภาพ แต่ว่าจุดรับภาพที่ชัดที่สุดบนจอประสาทตาเราเรียกว่า โฟเวียร์ แล้วที่ไอซอพติก เราทำแว่นโดยโฟกัสภาพไปที่โฟเวียร์ ดังนั้นแว่นของไอซอพติกจึงให้ความคมชัดทุกระยะในเสี้ยววินาที ซึ่งการที่จะทำได้นั้นจะต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ เครื่องมือ ความแม่นยำ ความละเอียด และการออกแบบผลิตเลนส์ที่ถูกต้องจริง ๆ ดังนั้นมาตรฐานการมองเห็นของไอซอพติกเป็นอีกมาตรฐานหนึ่ง ซึ่งลูกค้าของไอซอพติกเท่านั้นที่รู้
หลังจากที่เราทำการวิเคราะห์ให้แสงตกตรงจุดโฟเวียร์มากที่สุดแล้ว เราจะทำการวิเคราะห์ความโค้งกระจกตา อ่านค่าเพื่อคำนวณค่าสายตาเอียงของกระจกตา คำนวณหาค่าสายตาเอียงที่เกิดจากเลนส์แก้วตา และเกิดจากบริเวณจอประสาทตา แล้วเอามาคำนวณหาค่าสายตาเอียงระยะไกล ระยะใกล้ อย่างแม่นยำ แล้วก็ทำการตรวจสายตายาว สายตาสั้นระยะไกล สายตายาวระยะใกล้ ตรวจหาความสัมพันธ์ของการทำงานของทั้งสองตาว่า ตาขวากับตาซ้ายรวมภาพให้สมบูรณ์หรือไม่ ด้วยการแยกภาพออกเป็น 2 ชุด ด้วยเทคนิคพิเศษของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ทำให้เรารู้ว่า สมองส่วนควบคัมการมองเห็นสามารถรวมภาพได้เองหรือไม่ หรือต้องให้เลนส์พิเศษช่วย เพื่อจะให้การมองทั้งสองตามรคุณภาพที่สมบูรณ์แบบ จุดมุ่งหมายของไอซอพติก เวลาเราตรวจวัดสายตา เราไม่ได้แก้แค่ สั้น ยาว เอียง แต่เราแก้ลึกไปกว่านั้น เราทำแว่นที่ทำให้สมองไม่ต้องฝืนเพ่ง ทำให้สมองเหนื่อยน้อยที่สุด ให้ได้ภาพคมชัดที่สุด รู้สึกสบายที่สุด เราทำแว่นที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ดังนั้นในกระบวนการตั้งต้นของการตรวจวิเคราะห์ระบบการมองเห็นของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจึงแตกต่างจากร้านแว่นทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นการตรวจที่ละเอียด ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ เพื่อจะสร้างแว่นตาที่สมบูรณ์แบบที่สุด แว่นสายตาที่ใส่แล้วมีพลังสมองเพิ่มขึ้น ทำงานได้มากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง และนี่คือมาตรฐานแว่นตาของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก
หลังจากตรวจได้ค่าสายตาต่าง ๆ แล้ว เราจะทำการเอาค่าทั้งหมดมาประมวล แล้วทำการทดลองเลนส์ ด้วนการสร้างชุดทดลองเลนส์แบบ 3 มิติ ขึ้นมา แล้วก็ใส่เลนส์ทดลอง ในกระบวนการทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ เราจะมีเลนส์ที่มีความยาวของคอร์ริดอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อวิเคราะห์ความยาวคอริดอร์ที่เหมาะสม ( คอริดอร์ คือ รอยต่อ ส่วนเชื่อมต่อของเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ระหว่างโซนไกล กับ โซนใกล้ โครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟโซนไกลจะมีความกว้างมากที่สุด ลองให้นึกถึงสภาพห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำ ทางเดิน คอริดอร์เปรียบเสมือนทางเดิน เป็นทางเดินที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างห้องต่าง ๆ ซึ่งคอริดอร์จะเป็นส่วนที่แคบที่สุด คอริดอร์ เป็นส่วนเชื่อมต่อ ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟอัจฉริยะ ) แต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน เลนส์โปรเกรสซีฟในท้องตลาดจะมีคอร์ริดอร์ตั้งแต่ 9.5 - 17 มิลลิเมคร โดยหลักของคอร์ริดอร์เปรียบเทียบง่าย ๆ คือ ความยาวคอริดอร์ยิ่งน้อย อ่านหนังสือยิ่งง่าย เหลือบไม่ต้องลึกก็อ่านได้ เหมือนกับใช้แว่น 2 ชั้น แต่ภาพบิดเบี้ยวด้านข้าง ๆ ยิ่งสูง และยิ่งใส่ไม่สบาย คอริดอร์ยิ่งยาวภาพบิดเบือนด้านข้างยิ่งน้อย ใส่ยิ่งสบาย แต่เหลือบอ่านหนังสือต้องเหลือบลึก การคำนวณคอริดอร์ ปกติเลนส์โปรเกรสซีฟในท้องตลาดส่วนใหญ่น่าจะมีคอร์ริดอร์ประมาณ 11 17
ที่ไอซอพติกเราออกแบบคอริดอร์ของแว่นโปรเกรสซีฟตามลักษณะพฤติกรรมการใช้สายตา และความชอบของผู้ใช้เป็นหลัก โดยเราจะมีเลนส์ในทุกความยาวคอริดอร์ให้ลอง ซึ่งเราต้องใช้ชุดทดลองเลนส์มากกว่า 30 ชุด มูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาท และใช้เวลาทดลองเลนส์ 1 ชั่วโมงเต็ม ถึงจะได้โครงสร้างเลนส์ที่ถูกต้อง ได้คอริดอร์ที่แม่นยำ และลูกค้าจะได้ลองความยาวคอริดอร์ตั้งแต่ 11 มิลลิเมตร ไปจนถึง 17 มิลลิเมตร บนโครงสร้างที่แตกต่างกัน
ที่ไอซอพติกเมื่อเราทดลองเลนส์ แล้วเราได้ชุดทดลองเลนส์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ในงบประมาณของผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้แต่ละคนสามารถที่จะเลือกได้ว่า จะใช้เลนส์โปรเกรสซีฟในงบประมาณเท่าใด เอาไปใช้ทำอะไรบ้าง แต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร โครงสร้างเลนส์เหมาะสมอย่างไร หลังจากเราได้รับข้อมูลแล้ว เราจะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์แล้วสร้างกรอบแว่น ซึ่งกรอบแว่นสั่งผลิตเฉพาะบุคคลจะมีหลายระดับ กรอบไทเทเนียมเฉพาะบุคคลจะมีราคาตั้งแต่ไม่ถึง 20,000 บาท ไปจนถึงอันละ 60,000 บาท ซึ่งจะได้กรอบแว่นที่ตรงใจ โดยรอบทุกอย่างทุกมุม สามารถสั่งได้หมด หลังจากเราได้กรอบแว่นเสร็จแล้ว เราจะทำการฟิตแว่น เช็คตำแหน่งแว่นฟิตติ้ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการฟิตแว่น เพื่อให้ได้แว่นตาที่สมบูรณ์แบบที่สุด ใส่สบายที่สุด ตำแหน่งแว่นนิ่งที่สุด
ที่ไอซอพติกเราสร้างแว่นตาขึ้นมา เพื่อให้ได้แว่นตาที่ใส่สบายที่สุด ตำแหน่งแว่นนิ่งที่สุด ไม่ขยับเคลื่อนที่ไปมา ทำให้การมองเห็นคงที่ เพราะเรารู้ว่าคุณภาพการมองเห็นสำคัญต่อคุณภาพชีวิตอย่างไร และมีจักษุแพทย์คอยตรวจสอบสุขภาพสายตาว่าปกติหรือไม่ ซึ่งจะมีการตรวจปีละครั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจโดยจักษุแพทย์ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเป็นการตรวจอย่างใส่ใจ และให้เวลาคนไข้ทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่มีการรีบเร่ง ไม่มีการทำรอบ ไม่มีการทำเวลา ดังนั้นจึงมั่นใจได้เรื่องความละเอียดในการตรวจและมาตรฐานการตรวจ