ซึ่งระบบการทดลองแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกจะมีให้ทดลองตั้งแต่เลนส์ราคารุ่นประหยัดไปจนถึงเลนส์ที่สูงขึ้นไป จะเป็นเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ที่เป็นแบบเฉพาะบุคคลของไอซอพติก และแว่นตาโปรเกรสซีฟจะมีทั้งหมด 4 ซีรีย์ ซึ่งรุ่นท็อปจะมีราคาคู่ละ 500,000 บาท ซึ่งทั้งหมดนี้เราสามารถมาทดลองได้ ระบบทดลองเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าชุดทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟที่ใช้กันอยู่มากกว่า 10 เท่า ซึ่งสามารถที่จะพิสูจน์ได้ด้วยตัวท่านเอง โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 บาท ซึ่งในการทดลองเลนส์ของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกจะมีระบบจำลองเลนส์โปรเกรสซีฟแต่ละรุ่น ตามพฤติกรรมการใช้สายตาจริง ด้วยชุดทดลองเลนส์ที่มีมากกว่า 30 รุ่นที่แตกต่างกัน ทั้งแตกต่างกันในแง่ของคุณภาพ โครงสร้างเลนส์ รายละเอียดของเลนส์ การแบ่งโซนว่า เน้นโซนไกล โซนกลาง โซนใกล้ เน้นคอมพิวเตอร์ เน้น Laptop เน้นเอกสาร เน้นขับรถ เน้นเล่นกีฬา จะแยกย่อยออกไปเป็นแต่ละรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นมีโครงสร้างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สำหรับผู้ใช้แต่ละคนที่มีพฤติกรรมการใช้สายตาที่แตกต่างกัน โดยสามารถเข้ามาทดลองได้เลยว่า โครงสร้างเลนส์รุ่นไหน ระดับราคาเท่าใด เหมาะกับเรา เราสามารถที่จะแยกความแตกต่างได้เลยว่า เมื่อเราใช้เลนส์คู่ละ 15,000 - 500,000 บาท แตกต่างกันอย่างไร ผู้ใช้แต่ละคนสามารถที่จะทดลองแล้วแยกความแตกต่างได้ด้วยตัวเอง โดยเรามีตัวกรอบแว่นสำหรับทดลองเลนส์ ระบบ 3 มิติ ที่ปรับแต่งได้ละเอียดที่สุด สามารถลองกันได้อย่างจุใจ
ปัญหาของผู้ใส่แว่นโปรเกรสซีฟคือ ในเวลาที่เราจ่ายเงินเราไม่รู้เลยว่าแว่นจะออกมาเป็นอย่างไร เห็นอย่างไร ใส่สบายหรือไม่ เวลาเดินแล้วจะเป็นอย่างไร ลงบันไดแล้วจะเป็นอย่างไร เวลาขับรถ เวลามองไกล ดูอุปกรณ์ดิจิตอล ดูเอกสารจะเป็นอย่างไร เวลานั่งทำงานจริงจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้เลย เราต้องจ่ายเงิน โดยที่เราไม่รู้อะไรเลย และนี่เป็นสาเหตุว่า ทำไมแว่นตาโปรเกรสซีฟส่วนใหญ่ เมื่อคนที่ใช้แว่นตาซื้อมาใส่ แล้วมาพบวันในวันรับแว่นว่า มันไม่ตอบสนองความต้องการ มันไม่สามารถใช้งานได้จริง มันเต็มไปด้วยข้อจำกัด ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ไม่มีชุดทดลองเลนส์ที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ ที่จะทำให้เข้าใจเรื่องของโครงสร้างเลนส์ เรื่องของมุมมอง เรื่องของความรู้สึกเวลาใส่ ความสบายเวลาใส่ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อมูลอะไรเลย
ในการที่เราซื้อแว่นโปรเกรสซีฟซักอัน ซื้อแว่นมาใส่ ซื้อบนความไม่รู้ ซื้อบนความไม่เข้าใจ นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมคนส่วนใหญ่ซื้อแว่นโปรเกรสซีฟมาใส่ กลับใช้ไม่ได้ เพราะเราซื้อในสิ่งที่เราไม่รู้ เราไม่เข้าใจ แล้วการสื่อสารก็ไม่รู้จะสื่อสารกันอย่างไรให้เข้าใจ ว่าผู้ใช้แต่ละคนต้องการอะไร แล้วเลนส์แต่ละรุ่นทำอะไรได้บ้าง ใส่แล้วมองเห็นเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เรามักจะต้องฟังคำอธิบายจากผู้ขาย แล้วดูภาพประกอบ ซึ่งเป็นภาพจากแท็บเล็ต ภาพจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัญหาคือ พอแว่นจริงเสร็จ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่ดูในรูป มันไม่ได้เป็นอย่างที่อธิบาย
ปัญหาเหล่านี้แก้ง่ายนิดเดียว ถ้าเราได้ลองจริงก่อนซื้อ ดังนั้นที่ไอซอพติก เราจึงคิดค้น พัฒนาระบบการทดลองแว่นตาโปรเกรสซีฟ เทคโนโลยีใหม่ ของไอซพติกทุกรุ่น ให้ได้ลองก่อนซื้อ ซึ่งจะได้เปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ เลย ถึงความรู้สึกเวลาใส่ และที่สำคัญ เนื่องจากเทคโนโลยีการสร้างแว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก เป็นแว่นโปรเกรสซีฟอัจฉริยะเฉพาะบุคคล เทคโนโลยีล่าสุด ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงสุด ความละเอียดระดับสูงสุดในการสร้างแว่น ดังนั้นเมื่อเราลองเลนส์บนชุดทดลองเลนส์ บนแว่นตาจำลอง เมื่อแว่นจริงสร้างเสร็จ ประสิทธิภาพของแว่นจริงจะสูงกว่า และดีกว่าชุดทดลองเลนส์ที่ได้ลอง
ดังนั้นลูกค้าของเราจึงสามารถที่จะใช้แว่นได้อย่างถูกต้อง เที่ยงตรง แม่นยำ เพราะบนชุดทดลองเลนส์ใส่แล้ว พอใจ เข้าใจ เห็นภาพ หลังจากแว่นจริงเสร็จ เมื่อมารับแว่น จะรู้ได้เลยว่าแว่นจริงดีกว่าตอนลองบนชุดทดลองเลนส์อีก ใส่สบายกว่า โฟกัสภาพได้เร็วกว่า เป็นธรรมชาติกว่า เนื่องจากบนเลนส์จริงเราจะคำนวณพฤติกรรมการใช้สายตา การมองของตาสองข้างสัมพันธ์กันหมด และเราใช้เทคโนโลยีรวมแสงอัจฉริยะ เทคโนโลยีที่ไม่ได้มีแค่การคำนวณให้แสงตกที่จอประสาทตา แต่คำนวณตำแหน่งของภาพที่ไปตกที่จอประสาทตาให้อยู่ตรงกับจุดรวมแสงที่ชัดที่สุดของจอประสาทตามากที่สุด จึงได้ภาพที่คมชัดสมจริง สีสันถูกต้องในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของไอซอพติก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนใส่แว่นของไอซอพติกแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ต้องปรับตัวเข้าหาแว่น แต่เมื่อกลับไปใส่แว่นธรรมดา ซึ่งเมื่อก่อนเคยใส่ได้ จะรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างถึงขนาดว่า กลับไปใส่แว่นเก่าไม่ได้ เพราะใส่แว่นเก่าจะรู้สึกทันทีเลยว่า มันอึดอัด มันโฟกัสภาพลำบาก มันใส่ไม่สบาย และหลายรายถ้าฝืนใส่จะรู้สึกปวดหัว ดังนั้นนี่คือความแตกต่าง
หลายคนคงถามว่า แว่นตาของไอซอพติกดีอย่างไร ?
ผมก็เขาบอกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ดีจนไม่สามารถกลับไปใส่แว่นเก่าได้ ดีจนไม่สามารถไปใส่แว่นของที่อื่นได้แล้ว มันต่างกันถึงขนาดนั้น ดังนั้นลูกค้าของไอชอบติกเท่านั้นที่จะมีประสบการณ์นี้ ถ้าถามว่าเคยมีลูกค้าที่เคยทำแว่นกับไอซอพติกแล้ว เมื่อแว่นแว่นแตกหัก เสียหาย แล้วไปทำแว่นจากที่อื่น เนื่องจากได้รับแว่นเร็ว เลยไปทำมาใส่ชั่วคราวก่อนที่เขาจะมาทำแว่นตาไอซอพติก ระหว่างนั้นเขาก็ไปสั่งแว่นชั่วคราว ปรากฎว่า ไม่สามารถใส่ได้ เมื่อแว่นไอซอพติกเสร็จ ( ใช้เวลา 2 8 สัปดาห์ ) แล้วนำมาใส่ก็รู้สึกมีความสุข ใส่สบาย นี่คือความแตกต่าง นี่เรายังไม่ได้นับเรื่องของความแตกต่างในแง่ของความสามารถในการทำงานของสมอง อย่างที่ผมบอกไปในหลาย ๆ ตอนว่า เอกลักษณ์ คุณลักษณะพิเศษ ของแว่นตาโปรเกรสซีฟ ของไอซอพติกคือ เป็นแว่นที่ใส่แล้วประสิทธิภาพการทำงานของสมองเพิ่มขึ้น หลายคนคงจะงงว่าทำไมประสิทธิภาพการทำงานของสมองจึงเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการที่สมองไม่ต้องฝืนเพ่งปรับตัวเข้าหาแว่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนแว่นโปรเกรสซีฟราคาแพง แต่เป็นการที่สมองสามารถที่จะรับภาพแล้วก็มองเห็นได้ชัดทุกระยะโดยไม่ต้องฝืนเพ่ง ลดภาระการทำงานของสมอง สมองจึงมีพลังไปทำงานในเรื่องอื่น ทำงานในระบบอื่น ทำงานด้านความคิด ทำงานได้เร็วขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง นี่เป็นความลับว่า ทำไมคนใส่แว่นตาของไอซอพติกจึงสนุกสนานกับการใช้ชีวิตมากขึ้น สามารถที่จะทำงานได้เร็วขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง หาเงินได้มากขึ้น ใส่แล้วรวย ดังนั้นหลายคนคงเข้าใจว่าแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก เป็นแว่นสำหรับเศรษฐี
ผมพยายามที่จะบอกมาตลอด ว่าแว่นตาของไอซอพติก เป็นแว่นตาสำหรับคนที่อยากจะเป็นเศรษฐี เป็นแว่นตาของคนที่อยากจะทำงานได้มากขึ้น แต่เหนื่อยน้อยลง เป็นแว่นตาของคนที่อยากจะทำงานให้ฉลาด ไม่ต้องทำงานหนัก การทำงานหนักไม่ได้ช่วยอะไร การทำงานหนักคือ ทำงานวันละหลายชั่วโมง แต่ที่ไอซอพติกเปลี่ยนปรัชญาการทำงานใหม่ว่า เราทำงานวันละไม่เกิน 8 ชั่วโมง แล้วได้ผลิตผลของงานมากกว่าการทำงานวันละ 18 ชั่วโมง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ถ้าเกิดสมองเราทำงานได้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ประสิทธิภาพกับประสิทธิผลว่าต่างกันอย่างไร ?
ประสิทธิภาพ หมายความว่า ใน 1 ชั่วโมง เราทำงานได้กี่ชิ้น พิมพ์งานได้กี่หน้า
ประสิทธิผล หมายถึง ใน 1 ชั่วโมง ไม่ได้สนใจว่าจะพิมพ์ได้กี่หน้า แต่สนใจว่าหน้าที่พิมพ์ได้มันหาเงินได้ มันทำเงินได้ มันทำให้ชีวิตเรา ชีวิตคนอื่นดีขึ้นได้มากกว่า ประสิทธิผล หมายถึง ผลที่ออกมา ผลที่ได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงปริมาณงาน แต่คุยเรื่องของคุณภาพงาน ดังนั้นถ้าเราอยากจะมีชีวิตที่มีคุณภาพ มีการทำงานที่มีคุณภาพ แว่นตาของไอซอพติกที่เป็นโปรเกรสซีฟ เป็นคำตอบ สำหรับคนที่อายุ 40 - 90 ปี
สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป การหกล้มเป็นเรื่องใหญ่ และอันตรายมาก หลายท่าน หลายครอบครัว ยังคงมีคุณพ่อ คุณแม่ ที่ยังใส่แว่น 2 ชั้น ซึ่งแว่น 2 ชั้น ไม่เหมาะสำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากการกะระยะทำได้ยาก และถ้าเกิดการมองพลาด ไปเผลอมองผ่านส่วนล่างที่เป็นส่วนอ่านหนังสือ อาจจะทำให้หกล้ม กะระยะผิดได้ง่าย เราต้องเข้าใจก่อนว่า มวลกระดูก โครงสร้างกระดูกของผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาว ไม่สามารถที่จะรองรับแรงกระแทกได้เท่ากับคนหนุ่มสาว ดังนั้นเสี่ยงมากถ้าผู้สูงวัยเกิดหกล้มขึ้นมา ก็เสี่ยงต่อกระดูกที่อาจจะมีโอกาสแตกร้าว หักได้
ที่สำคัญก็คือ การใส่แว่น 2 ชั้น จะมีปัญหาเรื่องระยะกลาง คือจะเห็นชัดในระยะ 40 เซ็นติเมตร และระยะไกล แต่ในระยะ 60 - 80 เซนติเมตร ภาพจะไม่ชัด แต่เห็นแบบมัว ๆ เห็นแล้วเหนื่อย เห็นแล้วเพลีย ปกติคนอายุ 60 ปี จะมีอาการอ่อนเพลียเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าเราสามารถเปลี่ยนจากแว่น 2 ชั้น มาเป็นแว่นโปรเกรสซีฟได้ ก็จะช่วยเหลือเรื่องของ ลดความอ่อนเพลียของผู้สูงวัย สามารถให้ผู้สูงวัยมีความสดชื่นตลอดทั้งวัน แล้วก็มีความสุขกับการใช้ชีวิต มองหน้าลูกหลานชัดเจน เดินไปไหนมาไหน ขึ้น ลงบันได เดินบนพื้นราบ เดินบนพื้นต่างระดับปลอดภัย และสนุกกับการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่