กว่าจะเป็นแว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติก ระบบดิจิตอล 3 มิติเทคโนโลยีใหม่ ของศูนย์แว่นตาไอซอพติก

จุดเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ผมที่เติบโตในร้านแว่นระดับไฮเอนด์ ของคุณพ่อสว่าง ที่ร้านสว่างการแว่น จังหวัดตรัง ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นระบบ 3 มิติ ของคุณพ่อ กับ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งรู้ว่าแว่นตาของคุณพ่อแพงแต่ดี ลูกค้าที่มาใช้บริการแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่า ใส่แว่นของคุณพ่อแล้วเมื่อไปใส่แว่นที่อื่นจะไม่สามารถใส่ได้ คุณภาพจะแตกต่างกัน

ตอนผมอายุ 7 ขวบ ตอนนั้นมีผู้ว่าราชการจังหวัดท่านหนึ่ง ท่านเดินทางมาจากเชียงใหม่ เพื่อมาทำแว่นกับคุณพ่อ ซึ่งก่อนหน้านั้นท่านเคยรับราชการอยู่ที่จังหวัดตรัง และเป็นลูกค้าประจำของคุณพ่อ แล้วติดใจในฝีมือการแว่นของคุณพ่อ ท่านได้คุยกับคุณพ่อผมว่า ท่านย้ายไปอยู่หลายจังหวัด ไปทำแว่นมาหลายแห่ง แต่ทำที่ไหนก็ไม่สบายเท่ากับที่ทำกับคุณพ่อ ท่านเลยถามคุณพ่อว่า ถ้าเกิดคุณพ่อผมไม่อยู่แล้ว ท่านจะไปทำแว่นกับใคร ใครจะทำแบบแบบนี้ให้ท่านใส่ แว่นดี ๆ แบบนี้ ซึ่งท่านหาไม่ได้จากที่อื่น คุณพ่อผมยิ้ม แล้วชี้มาที่ผม และบอกว่าถ้าผมไม่อยู่แล้ว ลูกชายผมคนนี้จะเป็นคนที่ทำแว่นที่ดีที่สุดให้ท่านใส่ ไม่ต้องห่วง ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจว่า สักวันหนึ่งผมจะต้องทำแว่นให้ดีที่สุดในโลกให้ได้ แล้วคืนนั้นผมก็ฝันว่า มีผู้นำจากทั่วโลกนั่งเครื่องบินมาทำแว่นกับผมหลายหมื่นคน เพราะผมทำแว่นได้ดีที่สุดในโลก ผมเลยไปเล่าความฝันให้คุณพ่อผมฟัง ท่านพูดกับผมว่า ถ้าเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่วินาทีนั้น ในวัยเพียง 7 ขวบ ผมหายใจเข้า หายใจออก เป็นเรื่องของการทำแว่นออกมาให้ดีที่สุดในโลก

หลังจากใช้เวลาพัฒนาหลายสิบปี ผมก็สามารถทำได้สำเร็จ และคิดค้นระบบการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นโปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดในโลก มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก ใส่สบายที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้เกิดจากการใช้องค์ความรู้ที่ผมพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเอง จากพื้นฐานความรู้ที่ได้รับจากบริษัทผู้ผลิตเลนส์และผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาจากทั่วโลก และเอามาพัฒนาต่อยอด นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกในปัจจุบัน

ความแตกต่างคือ ผมสร้างแว่นโปรเกรสซีฟให้ใช้งานได้ดีที่สุด ประสิทธิภาพสูงสุด สร้างด้วยวิชาความรู้ เคล็ดลับ เทคนิคการตรวจที่ผมคิดค้นพัฒนาขึ้นมาเอง ขณะที่ทั่วโลกใช้วิธีการประกอบ การตรวจ การวัด ที่เรียนรู้ต่อ ๆ กันมา จากคนอื่น ซึ่งไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเอง จึงเป็นเหมือนกับนกแก้ว นกขุนทอง คือ คนสอนก็ได้รับการสอน การบอกเล่ามาอีกที แล้วก็บอกต่อ ๆ กันมา ซึ่งในการสอนแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถสอนให้รู้ลึกรู้จริง ดังนั้นในช่วงเวลา 20 ปีที่แล้ว ที่ผมตรวจวัดสายตาประกอบทำแว่นโปรเกรสซีฟได้อันดับ 1 ของโลก ขณะที่คนอื่นทำแล้วเต็มไปด้วยปัญหา ของผมทำแล้วเต็มไปด้วยความสำเร็จ ของคนอื่นทำแล้วใส่ยาก ปรับตัวยาก ใส่ไม่สบาย ของผมทำแล้วใส่สบาย ปรับตัวง่าย ใช้งานได้ทันที

แว่นโปรเกรสซีฟถ้าเกิดความรู้ เทคนิค ฝีมือ แตกต่างกัน คุณภาพแว่นก็แตกต่างกัน ถึงแม้จะเป็นเลนส์ชนิดเดียวกัน รุ่นเดียวกัน แต่คุณภาพสามารถต่างกันได้เกือบ 10 เท่า เป็นเหตุว่าทำไมคนในโลกนี้ซื้อแว่นโปรเกรสซีฟราคาหลายหมื่นบาท หรือเป็นแสนบาท แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้ หรือ ใช้งานได้เหมือนกับเลนส์คู่ละ 10,000 บาท หมายความว่าจ่ายเงินหลักแสน ใช้ได้จริงหลักหมื่น หายไป 90% หายไป 9 หมื่นบาท ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในการตรวจวัด ประกอบ ออกแบบ

ปัจจุบันปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งยังคงยังคงเกิดขึ้นทุกที่ ทุกแห่ง ทุกเวลา มีผู้บริโภคจำนวนมากที่จ่ายเงินจำนวนมากซื้อแว่นโปรเกรสซีฟไปแล้ว มีจำนวนหลายหมื่นหลายแสนคนที่ไม่สามารถใช้งานได้เลย และส่วนใหญ่ใส่ไม่สบาย และประสบกับปัญหาเรื่องของการโฟกัสภาพในแต่ละระยะ หาระยะชัดไม่ค่อยได้ และใช้สายตาได้อย่างจำกัด ใช้คอมพิวเตอร์แล้วไม่สบายตา คนจำนวนมากใช้แว่นโปรเกรสซีฟเวลาดู PC จะต้องแหงนหน้า เกร็งต้นคอ อยู่ตลอดเวลา หรือขับรถต้องก้มหน้า ต้องหาระยะชัดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกสามารถพัฒนาแว่นตาโปรเกรสซีฟที่สามารถจะช่วยเหลือให้คนใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างสบายตา โดยไม่ต้องใช้แว่นหลายอัน

ที่ผ่านมาคนใส่แว่นโปรเกรสซีฟจำนวนมากต้องสลับแว่นไปมาว่า อันนึงเอาไว้ใส่ทั่วไป มองไกลใกล้นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วอีกอันนึงเอาไว้ใช้สำหรับดูคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ แต่ไม่สามารถที่จะมองไปได้ไกลกว่า 1 เมตร หรือ 80 เซนติเมตร หรือว่าบางรุ่นอาจจะยาวได้ประมาณ 2 เมตร แต่ไม่สามารถที่จะมองไปไกลกว่านั้นได้ แต่ที่ไอซอพติกสามารถทำให้การใช้งานทุกระยะจบที่แว่นอันเดียว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่

ไอซอพติกเป็นที่เดียวในโลกที่สามารถทำได้ และทำแว่นโปรเกรสซีฟทุกระยะ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้สบายตาที่สุดในโลก และยังสามารถที่จะแบ่งย่อยออกเป็น เลนส์โปรเกรสซีฟที่ใช้ laptop ได้สบายตาที่สุดในโลก หรือจะเป็นรุ่นที่ใช้อ่านหนังสือ ทำงานเอกสาร ได้สบายตาที่สุดในโลก โดยทุกรุ่นสามารถใส่ขับรถได้ ใส่เดินได้ ใช้งานได้ทุกระยะ เป็นการออกแบบเลนส์เฉพาะบุคคล ซึ่งไอซอพติกเป็นที่เดียวที่สามารถทำได้ ด้วยเลนส์เทคนิคเฉพาะ ที่ออกแบบโดยไอซอพติก และสั่งผลิตขึ้นมาเพื่อไอซอพติกโดยเฉพาะ เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ เป็นความรู้ เป็นองค์ความรู้ที่ไอซอพติกพัฒนาขึ้นมาเอง โดยปรมาจารย์โบบิ ซึ่งจะได้แว่นตาที่ตอบโจทย์ที่ใส่แล้วมีความสุข สนุกสนานกับการใช้ชีวิต ไม่ต้องสลับเปลี่ยนแว่นไปมา ไม่ต้องทนอยู่กับภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติ เทคโนโลยีของไอซอพติกสามารถรวมเอาข้อดีของแว่นตาทุกชนิดมาใส่ไว้ในแว่นอันเดียว

สำหรับคนที่ใช้เลนส์คู่ละหลายหมื่นบาทอยู่ ให้ลองมาใช้เลนส์ของไอซอพติกดู แล้วจะพบว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน เนื่องจากเทคโนโลยีของไอซอพติก เป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับการทำแว่นโปรเกรสซีฟให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดโดยเฉพาะ ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจ ในเรื่องของขั้นตอนการตรวจ ปัจจุบันนี้ทั่วโลกยังใช้เทคโนโลยีการตรวจวัดสายตาสมัยร้อยปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อทำแว่นชั้นเดียว กับ แว่น 2 ชั้น และเทคโนโลยีของไอซอพติก เป็นเทคโนโลยีการตรวจวัดสายตาแบบล่าสุด ซึ่งคิดค้น พัฒนาขึ้นมา โดยอาจารย์ และทีมงานศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะ จะมีความละเอียดในการตรวจมากกว่ามาตรฐานเก่าหลายเท่า

ทำไมเราถึงต้องใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ ?

แว่นตาโปรเกรสซีฟของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรัก และต้องการให้เป็นแว่นแห่งความสุข ไอซอพติกไม่ได้ทำแว่นแค่ทำให้มองเห็น ทำให้อ่านหนังสือได้ ทำให้ใช้คอมพิวเตอร์ได้ แต่ไอซอพติกสร้างแว่นขึ้นมาเพื่อจะเพิ่มความสุขของลูกค้าของเราทุกคน ให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย มีอิสระในการมองเห็นได้เต็มที่ เพิ่มคุณภาพการทำงานของสมองได้อย่างก้าวกระโดด และทำให้สนุกสนานกับการใช้ชีวิตมากขึ้น มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น ใส่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น เหนื่อยน้อยลง ทำงานได้เร็วขึ้น ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

เรามองด้วยตา แต่มองเห็นด้วยสมอง ถ้าภาพที่ส่งไปที่สมองไม่ชัด สมองก็จะฝืนเพ่ง ดังนั้น แว่นตาของไอซอพติก เป็นแว่นที่ถูกออกแบบมา เพื่อลดการเพ่ง ลดการฝืนเพ่งลงให้น้อยที่สุด ให้สมองอยู่ในภาวะที่สบายที่สุด มองเห็นได้ชัด สบาย ผ่อนคลายมากที่สุด โดยกินกำลังสมองน้อยที่สุด เพื่อจะให้สมองมีพลังไปทำเรื่องอื่น เรากำลังคุยเรื่องของแว่นตาที่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้น นี่คือปรัชญาการทำงานของไอซอพติก

เมื่อเราเดินเข้ามาที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกเราไม่ได้มาซื้อแค่แว่นสายตา แต่เรามาซื้อคุณภาพชีวิต ซื้อความสุขให้กับตัวเอง เป็นการให้รางวัลกับตัวเอง เป็นการติดอาวุธทางปัญญ าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เป็นการทำให้เราสามารถมีพลังที่จะต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้เราต้องการ การทำงานที่ฉลาดขึ้น ต้องทำงานให้ฉลาด ไม่ใช่ทำงานหนัก

เมื่อเราอายุ 40 ปี ประสบการณ์ในชีวิต การทำงานเรามากขึ้น แต่ว่าระบบการมองเห็นเรามีปัญหา เราต้องเหนื่อยมากขึ้นในการมองเห็นให้ได้เท่าเดิม เราต้องพยายามที่จะฝืนเพ่งมากขึ้น ไอซอพติกสามารถที่จะชดเชยความสามารถการมองเห็นที่ลดลงดังกล่าว ด้วยแว่นตาโปรเกรสซีฟที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานอย่างสบายตลอดทั้งวัน สดชื่นตลอดทั้งวัน มีพลังสมองเต็มที่ตลอดทั้งวัน เหมือนกับตอนเราอายุ 30 ปี ได้มากที่สุด เพิ่มพลังสมองขึ้นมาได้อย่างเฉียบพลัน ทำให้เราสามารถที่จะทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ ใช้สติปัญญา ทำงานอย่างฉลาด และเพิ่มรายได้แบบทวีคูณ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ผแนะนำว่าให้เข้ามาที่ไอซอพติก เพราะเรามีตัวอย่างเลส์ให้ลอง และสามารถที่จะทดลองเลนส์แต่ละรุ่นให้เหมาะกับตัวเรา เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญที่สุดคือ อาการที่กลับถึงบ้านแล้วหมดแรง ล้า เหนื่อย จะไม่มีอีกต่อไป ผมมีลูกค้าเป็นทันตแพทย์ท่านหนึ่ง ก่อนจะเข้ามาที่ไอซอพติก ท่านใช้แว่นตาแบบธรรมดา ใช้แว่นโปรเกรสซีฟแบบธรรมดา และท่านก็มีปัญหาว่า เวลาทำงานท่านเหนื่อย และล้า โฟกัสภาพลำบาก รู้สึกโดนจำกัดอยู่ตลอดเวลา และต้องผ่าตัดกราม ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความละเอียด ใช้เวลาหลายชั่วโมง เวลาท่านกลับถึงบ้าน ท่านหมดแรง ท่านรู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย นั่นคือชีวิตที่ไม่มีคุณภาพ ชีวิตที่ไม่มีความสุข หลังจากท่านเข้ามาที่ไอซอพติก เราสร้างแว่นตาโปรเกรสซีฟให้ท่านใส่ เมื่อท่านได้ใส่แล้ว พลังแห่งวัยหนุ่มของท่านกลับคืนมาใหม่ สดชื่น ทำงานทุกอย่างที่อยากทำดั่งใจต้องการ เหมือนตอนหนุ่ม ๆ เมื่อกลับถึงบ้านยังมีแรงเล่นกับครอบครัว กุ๊กกิ๊กกับภรรยา

ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่เราจะได้เปลี่ยนชีวิตของเรา ด้วยแว่นไอซอพติก แว่นเปลี่ยนชีวิต เราสามารถที่จะเพิ่มความสุขให้กับชีวิตเราได้ ด้วยเงินไม่กี่หมื่นได้กี่แสนบาท และเป็นการเปลี่ยนชีวิตอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนวิธีการมอง เปลี่ยนวิธีการใช้สายตา ไปสู่การใช้สายตาเหนือระดับ ในระดับที่แทบจะไร้ขีดจำกัด นี่คือสิ่งที่ไอซฮพติกสามารถทำให้ท่านได้ นี่เป็นเวลาที่เราจะต้องคิด และลงทุนกับสิ่งที่สำคัญ และจำเป็น เร่งด่วน ในชีวิต

การลงทุน กับ การเพิ่มคุณภาพการมองเห็นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของเราในยามนี้ แล้วความสุขของท่านจะกลับคืนมาใหม่ ไม่มีใครสามารถหนุ่มสาวได้ตลอดเวลา แต่แว่นของไอซอพติก สามารถคืนพลังแห่งความหนุ่มสาวให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้ เพียงแต่เข้ามาที่ไอซอพติก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการตรวจวัดทดลองเลนส์ 1,000 บาท เรามาทดลองดูก่อน หลังจากทดลองเสร็จแล้ว เราก็จะได้เห็นประสิทธิภาพของเลนส์แต่ละรุ่นว่า แต่ละรุ่นเพิ่มพลังสมองให้เราได้อย่างไร เพิ่มคุณภาพชีวิได้อย่างไร เพิ่มความสบายในการใช้สายตาของเราได้อย่างไร และเลือกโครงสร้างเลนส์ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเราจะมีชุดทดลองเลนส์ มีตัวอย่างให้ลองมากกว่า 30 ชุด ซึ่งมูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาท สามารถลองได้เลย แล้วก็เลือกชุดที่เราต้องการ และที่สำคัญที่สุดคือ ข้อเสนอของศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เป็นข้อเสนอเดียวในโลกที่เรากล้าให้ทดลอง อย่างไม่มีเงื่อนไข 180 วัน ใน 180 วันนี้ หลังจากซื้อเลนส์ไปแล้ว เราไม่ชอบ จะแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลง หรือต้องการคืน สามารถเรียกคืนได้ 100% ทำได้ตลอดเวลา ดังนั้นท่านไม่มีความเสี่ยงใด ๆ สามารถเข้ามาทดลองได้ที่ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติกด้วยตัวท่านเอง นี่คือโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะพาชีวิตของท่านไปสู่ความรุ่งเรือง ความสำเร็จ

คำยืนยันจากผู้ใช้

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์

ผู้สร้างภาพยนตร์ บุพเพสันนิวาส ๒ และ ละครพรหมลิขิต ★ ★ ★ ★ ★

แว่นที่ดี สำคัญมากกับการดำเนินชีวิต ดีใจที่เจอแว่นที่ถูกใจ ก็เหมือนกับบุพเพสันนิวาส ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุขค่ะ

อ่านต่อ
นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

นายแพทย์ วิชิต ศิริทัตธำรง

หัวหน้าหน่วยจุลศัลยกรรมโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ★ ★ ★ ★ ★

ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะไอซอพติกแล้ว ทำให้เหนื่อยน้อยลง มีพลังในการทำงานมากขึ้น และมีความสุขเพิ่มขึ้นในการใช้ชีวิต ครับ

อ่านต่อ

รวมคำยืนยันจากผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟอัจฉริยะ 3 มิติ เฉพาะบุคคล อย่างยิ่งยวด สะท้านโลกา

อ่านต่อ

เลนส์แว่นตาไอซอพติก มีจำหน่ายที่
ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ไอซอพติก เท่านั้น
โปรดระวังการแอบอ้าง

go to top
คุณภาพการมองเห็นมีผลกับ คุณภาพชีวิตอย่างไร ?