Facebook Live วันพุธที่ 22 พฤษภาคม 2019
ถ้าภาพที่ไปตกที่จอประสาทตาไม่คมชัด สมองจะสั่งการให้ต้องเพ่ง ซึ่งในการเพ่งดังกล่าวจะทำให้สมองสูญเสียความสามารถการทำงานด้านอื่นลงอยู่ตลอดเวลาที่มีการเพ่ง เมื่อเพ่งแล้วยังไม่ชัด สมองจะทำการปรับความคมชัดของภาพ เพื่อจะพยายามทำให้ภาพชัดสุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วยการใช้พลังสมอง
เราเคยได้ยินโปรแกรม Photoshop หรือไม่ครับ โปรแกรมนี้เป็นโปรเกรมปรับแต่งรูปภาพที่ภาพต้นฉบับไม่ชัด ก็จะปรับให้ชัดขึ้น ที่เราเรียกว่า การ Render ภาพ ซึ่งในกระบวนการนี้จะทำให้ความสามารถของ CPU ( หน่วยประมวลผลกลาง ) มีความสามารถในการทำงานด้านอื่นลดลง หลายคนคงมีประสบการณ์ที่ใช้โปรเกรม Photoshop เพื่อตัดต่อ เพิ่มความชัดของรูปด้วยการ Render ภาพ ขณะ Render ระบบ Windows ก็สามารถที่จะเปิดเอา Microsoft Word หรือ แอปพลิเคชันอย่างอื่นไปพร้อม ๆ กัน แต่ความเร็วในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะลดลงเป็นอย่างมาก
สมองคนเรามีความสลับซับซ้อนมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการทำงานด้านอื่น ดังนั้นถ้าคุณภาพการมองเห็นเราไม่ดี แล้วไม่แก้ไข แล้วเอาสมองส่วนการมองเห็นของเราไปทำงานแทนแว่นตาด้วยการไปเพ่ง เราจะสูณเสียความสามารถในการทำงานของสมองในปริมาณที่มาก ดังนั้นขอทำความเข้าใจกับคนส่วนใหญ่ที่ยังเอาสมองไปทำงานแทนแว่นก่อนว่า ไม่คุ้ม เอาสมองไปทำงานในส่วนอื่นดีกว่า
ไอซอพติก เราสร้างแว่นตา ที่ไม่ได้ช่วยให้แค่มองเห็นได้ชัดขึ้น แต่เราทำแว่นตาที่ใส่แล้วเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของสมองเพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด ใส่แล้วเห็นภาพคมชัด รู้สึกสบาย เหมือนแว่นตาเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกาย ไม่ต้องใช้สมองฝืนเพ่ง ปรับตัวเข้าหาแว่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนแว่นทั่วไป ดังนั้นแว่นของไอซอพติกจึงเป็นแว่นที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะให้คุณภาพชีวิตในระดับสูงสุดกับผู้ที่ใส่แว่น ด้วยการช่วยให้สามารถมองเห็นได้ชัดทุกระยะในระดับสูงสุดในเสี้ยววินาที อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับไม่ได้ใส่แว่น เหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
เทคโนโลยีของเลนส์แว่นตาที่มีอยู่ในปัจจุบันมีกี่เทคโนโลยี ?
เทคโนโลยีของแว่นตาชั้นเดียว เป็นเทคโนโลยีสมัย 700 ปีที่แล้ว มีข้อดี คือ ราคาถูก สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ทำง่าย ตรวจวัดง่าย สามารถมองเห็นในระยะ 1 ระยะได้ชัด แต่ในระยะอื่น ๆ จะมัว เหมาะสำหรับคนที่มีอายุไม่เกิน 37 ปี ที่ยังมีความสามารถในการเพ่งได้เองอยู่ และเหมาะสำหรับคนที่มีสายตาสั้นระยะไกล สายตายาวระยะไกล แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตายาวระยะใกล้ ทำไมถึงไม่เหมาะ เลนส์แว่นตาแบบชั้นเดียวที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ซื้อสำเร็จรูปจากที่ต่าง ๆ หรือจะเป็นแว่นอ่านหนังสือชั้นเดียวแบบสั่งตัดตามร้านแว่นทั่วไป เลนส์แว่นตาเหล่านี้ สามารถช่วยให้มองเห็นระยะใกล้ได้ แต่จะมีลักษณะ คือ เมื่อมองพ้นระยะจะมัว
สมมุติว่าระยะอยู่ประมาณ 40 เซนติเมตร ปกติคนวัยประมาณ 40 ปี จะมีค่าสายตายาวระยะใกล้ เมื่อมองพ้นระยะไปมองที่ระยะไกลกว่าจุดโฟกัสไปประมาณ 5 - 20 เซนตเมตร มันจะเป็นการพ้นระยะ และทำให้รู้สึกไม่สบาย สมองพยายามที่จะปรับให้สบายตาที่ระยะ 45 - 50 เซนติเมตร ซึ่งจะเป็นผลทำให้สายตายาวเร็วก่อนกำหนด เพราะว่าระบบการมองเห็นก็จะปรับให้มองเห็นได้ชัดที่ระยะ 50 เซนติเมตร ด้วยกำลังแว่น +100 ซึ่งเมื่อเราย้อนกลับมาดูที่ระยะ 40 เซนตเมตร ก็จะมัว รู้สึกไม่ชัด ทำให้สายตาเปลี่ยนแปลงเร็วทุก ๆ 3 เดือน นี่คือข้อเสียของแว่นชั้นเดียว และเมื่อจะดูระยะอื่น ๆ จะต้องถอดเข้า ถอดออก ดังนั้นหลายคนจะมีภาวะที่ว่าเอาแว่นคาดหัวไว้ ซึ่งเราจะพบเห็นบ่อย ๆ บางคนก็คาดไว้ที่คอ และคนพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะทำแว่นหายเป็นประจำ และที่สำคัญคือ แว่นอ่านหนังสือชั้นเดียวพวกนี้ จะมีการแยกระยะไปว่าถ้าจะอ่านหนังสือจะเป็นอันนึง ใช้ PC ระยะ 60 - 80 เซนติเมตรจะเป็นอีกอันนึง ซึ่งจะต้องพกแว่นหลายอัน ซึ่งเราจะเจอคนหลายคนที่ใส่แว่นอันนึง คาดผมอันนึง คล้องคอไว้อีกอันนึง ซึ่งจะมีอยู่ 3 อัน แล้วเวลาจะใช้งานก็จะสลับที่กัน ทำให้ชีวิตจะวุ่นวายอยู่กับแว่นที่ต้องสลับกันไปมา
จะดีแค่ไหนถ้าเกิดว่าเราทำทุกอย่างด้วยแว่นอันเดียว ด้วยเทคโนโลยีของแว่นโปรเกรสซีฟ หรือ โปรเกรสซีฟ จะให้อิสระในการมองเห็น ให้ความสามารถในการทำงานของสมองเป็นไปได้อย่างราบรื่น ก้าวกระโดดเต็มที่ มีพลัง เอาไปคิดทำมาหากิน ผมกล้าบอกว่าแว่นตาของไอซอพติกเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในยามนี้ ที่จะช่วยให้เราทำงานได้มากขึ้น แต่เหนื่อยย้อยลง หาเงินได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น มันมี 2 ทาง เวลาเราเจอภาวะวิกฤติ คือ
- การทำงานให้หนักขึ้น จากทำงานวันละ 8 ชั่วโมง แล้วเพิ่มการทำงานเป็น 16 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า
- ใช้แว่นตาของไอซอพติก แล้วไม่ทำงานหนัก แต่เราทำงานให้ฉลาดขึ้น สามารถที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า โดยทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเท่าเดิม
ศุนย์แว่นตาไอซอพติก เรามีเลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ซุปเปอร์โปรเกรสซีฟให้ลอง เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้แว่นตาคุณภาพดีในราคาไม่แพง พอใส่แล้วรวยขึ้น ก็จะมาซื้อแว่นที่คุณภาพดีขึ้น ในราคาที่สูงขึ้น และเป็นการลงทุนเพื่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ แว่นที่ใส่แล้วรวย เท่าไหร่ก็ไม่แพง ดังนั้นไม่มีอะไรที่แพง ถ้าใส่ หรือ ใช้แล้วรวย